คลื่น FM 96.5 จัดเวที “MCOT เจาะลึกเลือกตั้ง66 The Last War”

อสมท 6 พ.ค. – “คลื่น FM 96.5 จัดเวที MCOT เจาะลึกเลือกตั้ง66 The Last War” ผ่านรายการเสาร์เสวนา สเปเชียล ตัวแทน 6 พรรคการเมือง ร่วมแลกเปลี่ยนกลยุทธ์สู้ศึกเลือกตั้งโค้งสุดท้าย ประสานเสียงไม่เห็นด้วยมีรัฐบาลเสียงข้างน้อย เชื่อทำให้เกิดความวุ่นวายหลังการเลือกตั้ง ขอ 250 ส.ว. ปิดสวิตช์ตัวเอง อย่างัดข้อกับประชาชน


รายการเสาร์เสวนา สเปเชียล คลื่น FM 96.5 จัดเวที MCOT เจาะลึกเลือกตั้ง66 The Last War ดำเนินรายการโดย มนตรี จอมพันธ์ และสุปัน รักเชื้อ เชิญตัวแทน 6 พรรคการเมือง ร่วมแลกเปลี่ยนกลยุทธ์สู้ศึกเลือกตั้งโค้งสุดท้าย ประกอบด้วย 1.นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ที่ปรึกษาคณะกรรมการนโยบาย พรรคพลังประชารัฐ 2.นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) 3.นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคประชาธิปัตย์ 4.นายนิมิตร สมเจริญ รองโฆษกพรรคเสรีรวมไทย 5.นายวรภพ วิริยะโรจน์ ทีมเศรษฐกิจ พรรคก้าวไกล 6.นายนิกร จำนง ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ พรรคชาติไทยพัฒนา

ช่วงแรกให้แต่ละพรรคสะท้อนว่ามองผลโพลที่ออกมาเป็นอย่างไร นายวรวุฒิ พรรคชาติพัฒนากล้า มองว่าปัจจุบันประเทศไทยมีโพลหลายสำนัก และจัดทำถี่เกินไป เปรียบเสมือนใช้โพลชี้นำทางการเมือง ถือเป็นอันตราย แม้รัฐธรรมนูญจะเปิดให้มีพรรคการเมืองได้มากรอบนี้ 69 พรรคการเมือง แต่ก็ทำให้พรรคการเมืองขนาดเล็กไม่ได้รับความสนใจ เพราะสื่อจะสนใจไปที่พรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่อยู่ลำดับต้นๆ ของโพล จึงไม่เหมาะกับการสนับสนุนประชาธิปไตย และในต่างประเทศจะไม่มีการทำโพลถี่ขนาดนี้ อีกทั้งจะมีเพียงไม่กี่สำนักโพลที่จัดทำและเชื่อถือได้ อ้างอิงตามหลักวิชาการ มีฐานกลุ่มตัวอย่างที่มากกระจายตามหลักวิชาการ แต่ตอนนี้ประเทศไทยไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ


นายนิกร พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า บางสำนักโพลต้องใช้มือถือในการโหวต และค่อนข้างทำได้ยาก ไม่เหมาะกับคนทุกกลุ่ม จากนั้นก็นำมาเผยแพร่ทำให้ผู้ที่ถูกจัดอันดับเชื่อ ทั้งที่จริงไม่ใช่อย่างนั้น และเรื่องโพลมีผลทางการเมืองอยู่มาก เพราะมีการนำไปใช้ส่งผลกระทบเยอะ แต่พรรคชาติไทยพัฒนาไม่หวั่นไหวเรื่องนี้ เพราะมีแผนที่วางไว้ เพียงแต่มีปัญหากับการเลือกตั้งโดยรวมแน่

ด้านนายวรภพ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า แต่ละโพลมีวิธีจัดทำแตกต่างกัน เพียงแต่ต้องดูว่าโพลครั้งที่ผ่านมากับครั้งล่าสุดแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งการที่ผลโพลออกมาสามารถสื่ออะไรบางอย่างได้ และไม่ใช่เพียงโพลเท่านั้น การลงพื้นที่ การปราศรัย นโยบาย ก็สามารถส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงได้ จึงเป็นที่มาว่าผลโพลล่าสุด พรรคก้าวไกลเริ่มนำขึ้นมาเมื่อเทียบกับครั้งก่อน

นายพิสิฐ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การทำโพลเป็นเรื่องที่ดี ทำให้รู้ว่าพรรคมีเรทติ้งอย่างไร และผลสะท้อนออกมาอย่างไร แต่ในทางปฏิบัติต้องดูว่ามีการใช้โพลชี้นำหรือไม่ จึงอยากให้ กกต. ตรวจสอบด้วยว่าการจัดทำโพลเหล่านั้นถูกหลักวิชาการหรือไม่


ขณะที่นายนิมิตร พรรคเสรีรวมไทย มองว่าผลโพลที่ออกมา พรรคเสรีรวมไทยน้อมรับ เพราะเป็นเสียงสะท้อนจากประชาชน และเป็นสิ่งที่พรรคต้องขยันทำงานให้หนักขึ้น

นายธีระชัย กล่าวว่า ผลโพลสะท้อนการเมืองและบรรยากาศทางการเมืองมากเกินไป หลายพรรคมีนโยบายที่ดีมาก แต่การทำผลโพลที่ออกมาไม่ได้สะท้อนว่าประชาชนชื่นชอบในนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองอย่างไร

จากนั้นช่วงสุดท้ายของเวทีเสวนาได้ให้ตัวแทนพรรคการเมืองสะท้อนคำถามของสังคม เรื่องจะสนับสนุนรัฐบาลเสียงข้างน้อยหรือไม่

นายนิกร พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ในความเป็นจริงเป็นไปไม่ได้ เพราะจะไม่สามารถทำงานในสภาฯ โดยเฉพาะการผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ ซึ่งเดิมทีประเทศไทยให้พรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงเลือกตั้งมากที่สุดได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ปัจจุบันพบว่าหากเป็นแกนนำในการรวมเสียงได้มากก็จัดตั้งรัฐบาล ขั้นตอนต่อไปคือการประชุมสภาฯ และหากใครเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็จะสามารถบอกได้ ดังนั้น พรรคชาติไทยพัฒนาไม่หนุนรัฐบาลเสียงข้างน้อย ส่วนหลังเลือกตั้งตนมองว่าจะเกิดความวุ่นวาย และปัญหาจะมาจาก ส.ว. ที่ยังมีวาระสามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ จะทำให้สภาฯ บิดตัวไปมา ทำให้มองยาก แต่หลังจากมี ส.ว.ชุดใหม่ ที่ไม่มีอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี ช่วงนั้นจะเป็นหลุมใหญ่ที่สภาฯ ไม่น่าจะผ่านจุดนั้นไปได้ และมีปัญหาจนอาจเกิดการยุบสภาฯ ในช่วงรอยต่อนั้น

นายวรภพ พรรคก้าวไกล ระบุว่า เห็นว่าการยุบพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้มีผลอะไร และสุดท้ายก็มีคนใหม่ที่มีชุดความคิดเหมือนกัน อุดมการ เหมือนกันขึ้นมาทำงาน และความต้องการของประชาชนก็ยังอยู่ เท่ากับว่าไม่ได้มีการยึดติดตัวบุคคล แต่เป็นความต้องการของประชาชนที่ต้องการเห็นการขับเคลื่อนประเทศไทยไปในสิ่งที่พรรคก้าวไกลต้องการนำเสนอ

นายนิมิตร พรรคเสรีรวมไทย ระบุว่า สนับสนุนหลักการประชาธิปไตย เคารพในเสียงส่วนมาก ในเมื่อฉันทามติเห็นควรให้พรรคใดพรรคหนึ่งมีเสียงส่วนมากในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคเสรีรวมไทยต้องเคารพ และจุดยืนคือไม่เข้าร่วมกับผู้ยึดอำนาจ

นายพิสิฐ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มองโลกทุกวันนี้ด้วยความเป็นห่วง เพราะกำลังแบ่งฝักแบ่งฝ่ายออกเป็นสองพวก และเอเชียกำลังร้อนแรง ดังนั้น ในการกำหนดชะตาอนาคตของประเทศไทยต้องดูตามสภาวะของโลกที่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนการบริหารประเทศด้วยการยึดอำนาจ เรามองว่าประเทศต้องการผู้นำที่มีความสุขุมรอบคอบ และพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นสถาบันการเมืองที่สนับสนุนประชาธิปไตยมาอย่างยาวนาน

นายนิกร พรรคชาติพัฒนากล้า ยืนยันว่า ไม่สนับสนุนรัฐบาลเสียงข้างน้อย และ ส.ว. ควรปิดสวิตช์ตัวเองได้แล้ว อย่าทำให้ประชาชนมองว่าสิ่งที่ตัวเองเลือกมาถูก คนไม่กี่คนมาล้มล้างสิ่งที่ประชาชนทั้งประเทศคิดและตัดสินใจ และหากยังดึงดันในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ตนเชื่อว่าเหตุการณ์จะบานปลาย จบไม่สวย ดังนั้น วิงวอน ส.ว. 250 ท่าน ปิดสวิตช์ตัวเอง เพราะไม่ควรงัดข้อกับประชาชนทั้งประเทศ

นายธีระชัย พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าไม่เข้าร่วมกับรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่หากมีพรรคการเมืองที่พยายามจะจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ก็ไม่แน่ใจว่า พล.อ.ประวิตร มีจุดยืนเรื่องนี้อย่างไร และตนมองว่าการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยภายในบริบทขณะนี้ ความเข้าใจของตนคือคงต้องใช้เสียง ส.ว. เข้ามาโหวตด้วย และคงทำให้เกิดข้อวิจารณ์ว่าใครเป็นผู้แต่งตั้ง ส.ว. เมื่อมาถึงตอนนี้กลับไม่ได้เสียงไว้วางใจจากประชาชน ผลงานไม่เข้าตา และมาจากอาศัย ส.ว. ที่ตนเองตั้งไว้ เพื่อจะทำให้จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย คงจะเกิดข้อวิจารณ์

ส่วนข้อวิจารณ์อีกประการคือเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลเสียงข้างน้อย คือการจัดตั้งรัฐบาลไปก่อน จากนั้นจะมีเสียงเข้ามาเพื่อให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมากไปเองในที่สุด จึงทำให้เกิดคำถามว่าสิ่งที่จะเข้ามาเป็นงูเห่าหรือไม่ และถ้าเป็นงูเห่า เป็นเรื่องดี สำหรับระบบการเมืองไทยหรือไม่ ในเมื่อไม่ตรงใจกับสิ่งที่ประชาชนลงคะแนนเอาไว้จะยิ่งทำให้การบริหารเศรษฐกิจในอนาคตยากขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักบางพื้นที่-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนภาคอีสาน ภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง มีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.นครพนม จันทบุรี และตราด ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ และภาคกลาง มีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดนครพนม จันทบุรี และตราด ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 […]

ชนกัน 10 คันรวด ทางลอดอุโมงค์แยกดาราสมุทร จ.ภูเก็ต

ภูเก็ต 23 ก.ย.-รถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกเสาเข็ม เบรกแตก พุ่งชนระเนระนาดในอุโมงค์ดาราสมุทร จ.ภูเก็ต รถเสียหาย 10 คัน บาดเจ็บ 4 คน เป็นคนไทย 3 คน และชาวมาเลเซีย 1 คน เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 กันยายน 2568 ศูนย์วิทยุพิทักษ์วิชิตได้รับแจ้งเหตุรถชนกันหลายคันภายในอุโมงค์ทางลอดแยกดาราสมุทร ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต มีรถได้รับความเสียหายจำนวนมากและมีผู้บาดเจ็บ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.วิชิต พร้อมด้วย พ.ต.ท.วุฒิวัฒน์ เลี้ยงบุญจินดา รอง ผกก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร รีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบการจราจรติดขัดอย่างหนัก รถไม่สามารถผ่านอุโมงค์ได้ทั้ง 2 เลน เบื้องต้นตรวจสอบพบรถชนกันเสียหายรวม 10 คัน มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย อาการแน่นหน้าอก […]

ผลตรวจยืนยัน “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง โครงสร้างผิดปกติตั้งแต่เกิด

สุพรรณบุรี 23 ก.ย. – ทีมสัตวแพทย์สรุปผลตรวจ “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าเพศเมียแรกเกิดที่พลัดหลงจากแม่ในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พบความผิดปกติทางโครงสร้างร่างกายตั้งแต่เกิด เร่งวางแผนการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทีมสัตวแพทย์สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตรวจสุขภาพ “น้องข้าวต้ม” อย่างละเอียด โดยผลมีดังนี้ สัตวแพทย์สรุปว่า “น้องข้าวต้ม” มีภาวะโครงสร้างร่างกายผิดปกติตั้งแต่กำเนิดในลูกสัตว์ นอกจากนี้จากภาวะร่างกายที่อ่อนแอ จำเป็นต้องเอาตัวรอด รวมถึงความพยายามช่วยประคับประคองโดยฝูงทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น เบื้องต้นทีมสัตวแพทย์ได้ฉีดยาลดปวดและลดอักเสบให้แล้ว พร้อมวางแผนรักษาตามอาการระยะยาว โดยเน้นการให้อาหารและเสริมโภชนาการควบคู่กับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ลูกช้างป่าสามารถยืนและเคลื่อนไหวได้ในอนาคต หากอาการไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่คาด จะตรวจ X-ray และ Ultrasound ซ้ำอีกครั้ง ลำดับเหตุการณ์การช่วยเหลือลูกช้างป่าตัวนี้ • 21 ก.ย. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบลูกช้างเพศเมียนอนอยู่เพียงลำพังในสภาพอ่อนแรงและบาดเจ็บที่ขาหลัง จึงรีบประสานทีมสัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เข้าช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายมาดูแลที่ทำการอุทยานฯ โดยเบื้องต้นได้ป้อนน้ำข้าวต้มเพื่อให้พลังงาน […]

ทหารเขมรเข้าใกล้รั้วภูผี ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า

ศรีสะเกษ 23 ก.ย.-แม่ทัพภาค 2 เผยได้รับรายงานเหตุทหารเขมรเข้าใกล้เขตรั้วลวดหนามพื้นที่ภูผีแล้ว ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า ก่อนถูกตอบโต้จนต้องล่าถอยออกไป ยันติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด จากกรณีมีการเผยแพร่ข่าวเหตุยิงปะทะในพื้นที่ภูผี ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ตนได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยได้ตรวจพบทหารกัมพูชามีลักษณะท่าทางจะเข้ามาในอธิปไตยไทยใกล้กับเขตรั้วลวดหนาม เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงได้แจ้งเตือน ทำให้ทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กประจำกายยิงขึ้นฟ้า เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงยิงตอบโต้ไป กระทั่งทหารกัมพูชา ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจำนวน 2-3 นาย ได้ล่าถอยกลับไป ขณะนี้ยืนยันว่า เหตุการณ์ปกติ และกองทัพภาคที่ 2 มีการตรวจเฝ้าระวังทหารกัมพูชาที่รุกล้ำและลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิด ซึ่งเรามีมาตรการในการดูแลตรงนี้อยู่แล้วอย่างใกล้ชิด.-313.-สำนักข่าวไทย