ทช. 4 ส.ค. 63 – ทช. ผลักดันเกาะมันในเป็นต้นแบบพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรฯ แหล่งเรียนรู้นกอพยพตามธรรมชาติ
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ 2 ฉบับ ระหว่างกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย และระหว่างกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและมูลนิธิรักสัตว์ป่า เพื่อร่วมยกระดับให้เกาะมันใน จ.ระยอง เป็นต้นแบบพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและแหล่งเรียนรู้นกอพยพและนกธรรมชาติ
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า จากรายงานการติดตามตรวจสอบ และวิจัยความหลากหลายในระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง ระหว่างปี พ.ศ. 2560 – 2563 ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พบว่าพื้นที่เกาะใกล้แนวชายฝั่งและในทะเลเป็นแหล่งอาศัยของทรัพยากรสัตว์ป่าและนกที่มีความหลากหลาย ซึ่งหลายชนิด เป็นสัตว์ป่าสงวนและคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ที่ในปัจจุบัน มีแนวโน้มได้รับผลกระทบเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการพัฒนาและใช้ประโยชน์ด้านต่าง ๆ ของมนุษย์ บริเวณพื้นที่ชายฝั่ง และผลกระทบด้านสภาพภูมิอากาศ และมลพิษทางทะเล ทำให้ทรัพยากรสัตว์ป่าและนกลดลง และอาจมีผลกระทบต่อความหลากหลายของชนิดพันธุ์มากขึ้น หากไม่ได้รับการแก้ไข หรือการได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน
โดยความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการผลักดันให้เกาะมันใน จ.ระยอง เป็นโมเดลต้นแบบ พื้นที่สำหรับการบริหารจัดการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ พัฒนางานด้านระบบนิเวศทางทะเล ระบบนิเวศทางบก และความหลากหลายของทรัพยากรสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ รวมถึงนกอพยพที่บินมาเป็นประจำทุกปี รวมทั้งนกที่อยู่ตามธรรมชาติบนเกาะอย่างเป็นระบบแห่งแรกของประเทศไทย โดยจะพัฒนารูปแบบพื้นที่เกาะมันในให้ต้นแบบด้านการอนุรักษ์ การใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์แห่งอื่นๆ ทั่วประเทศ อีกทั้งเพื่อให้เป็นที่ยอมรับในนานาชาติด้วย
อย่างไรก็ตามความร่วมมือครั้งนี้ จะสนับสนุนงานด้านวิชาการและให้ความร่วมมือทางวิชาการด้านโครงการอนุรักษ์ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในด้านการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมบริหารจัดการและพัฒนาพื้นที่ทางทะเลและชายฝั่งตามหลักวิชาการในระดับสากล การศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านวิชาการ ด้านระบบนิเวศทางทะเล ระบบนิเวศทางบกของหมู่เกาะมันใน เพื่อบรรลุเป้าหมายสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป .-สำนักข่าวไทย