ราชบุรี 30 พ.ย.63 – โปรแกรม ITAP สวทช. ส่งเสริมระบบการบ่มมะม่วงด้วยแก๊สเอทิลีน ช่วยให้มะม่วงสุกอย่างทั่วถึง และลดการสูญเสียน้ำของผลไม้ ทำให้เกษตรกรสามารถส่งขายตลาดผลไม้เกรดพรีเมียมได้มากขึ้น
วิสาหกิจุชมชนผู้ผลิตมะม่วงส่งออกอำเภอบางแพ จ.ราชบุรี นำโครงการ “ระบบการควบคุมและบ่มมะม่วงด้วยแก๊สเอทิลีน” ทดแทนการบ่มผลมะม่วง ด้วยวิธีเดิมที่ใช้ถ่านแก๊สแคลเซียมคาร์ไบด์ ที่ประสบปัญหาไม่ได้รับการยอมรับในตลาดต่างประเทศเป็นปัญหาต่อการส่งออก
นายพีรพงษ์ แสงวนางค์กูล ที่ปรึกษาโครงการ ITAP สวทช. กล่าวว่า การบ่มผลไม้ด้วยการใช้ถ่านแก๊สแคลเซียมคาร์ไบด์เป็นวิธีที่เกษตรกรส่วนใหญ่คุ้นเคย เพราะเป็นวิธีปฏิบัติที่ง่าย แต่ส่งผลกระทบเชิงลบค่อนข้างมาก เช่น สูญเสียน้ำหนักระหว่างบ่ม ควบคุมการสุกของผลไม้ได้ยาก หากใช้ถ่านแก๊สมากเกินไป จะส่งผลให้ผลไม้สุกเร็วและเนื้อนิ่ม หรืออาจทำให้ผิวผลไม้มีลักษณะไหม้ได้ และมีกลิ่นอาจเป็นอันตรายต่อระบบหายใจของผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งมีโอกาสปนเปื้อนสารหนูเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคด้วย จึงเป็นข้อจำกัดในการส่งออกสินค้าไปบางประเทศในสหภาพยุโรป
โครงการ ITAP จึงได้นำโครงการ “ระบบการควบคุมและบ่มมะม่วงด้วยแก๊สเอทิลีน” ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้บ่มผลไม้แทนวิธีแบบเดิม ซึ่งการบ่มผลไม้ในห้องบ่มด้วยแก๊สเอทิลีน เป็นวิธีบ่มผลไม้ทางการค้าที่ใช้กันทั่วไปในต่างประเทศ โดยออกแบบห้องบ่มที่สามารถควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และปริมาณแก๊สเอทิลีนที่เหมาะสมกับผลไม้แต่ละชนิด โดยผลที่ได้ทำให้สามารถนำผลไม้ออกมาหลังการบ่มและปล่อยให้สุกตามธรรมชาติได้ โดยที่รสชาติของมะม่วง หรือผลไม้แต่ละชนิดคงคุณภาพ รักษาความหวาน และเนื้อสัมผัสที่อร่อย ต่างจากกระบวนการบ่มแบบเดิม นอกจากนี้ยังลดการสูญเสียจากผลเน่าเหลือเพียงร้อยละ 7 มูลค่ากว่า 100,000 บาท มีราคาที่ถูกกว่าการใช้ถ่านก้อนแคลเซียมคาร์ไบด์กว่า536,426 บาทต่อหนึ่งรอบการผลิตมะม่วง ที่สำคัญได้รับการยอมรับในตลาดการส่งออกช่วยให้เกษตรกรมียอดสั่งซื้อมะม่วงเติบโตเกือบ 2 เท่า หรือเพิ่มขึ้น 193.4% เป็นมูลค่า 3.3 ล้านบาท ได้มะม่วงที่มีคุณภาพเกรดพรีเมียมส่งขายในซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำปรับกลยุทธ์ด้านการตลาด
นายราเชนทร์ สุขหวานอารมณ์ ประธานวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตมะม่วงส่งออกอำเภอบางแพ จ.ราชบุรี กล่าวว่า วิสาหกิจชุมชนฯ เห็นความแตกต่างจากการบ่มมะม่วงด้วยแก๊สเอทิลี ปลอดภัยต่อทั้งคนงาน ผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ประสิทธิภาพที่ชัดเจน คือ มะม่วงมีเนื้อสัมผัสแน่น ไม่เละ ไม่เน่าเสียง่าย เกษตรกรเพิ่มระยะเวลาในการวางจำหน่ายได้นานขึ้น ทำให้มีกำไรมากขึ้นด้วย โดยในปี 2563 นี้ “มะม่วงน้ำดอกไม้ เบอร์ 4 และมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง ของวิสาหกิจชุมชนฯ ได้รับคัดเลือกจากห้างสรรถสินค้า ให้เป็นสินค้าเกรดคุณภาพ นำไปจำหน่ายให้คนไทยได้ทานมะม่วงที่มีคุณภาพคุ้มค่า คุ้มราคา ยกระดับคุณเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงและชุมชนมีงานทำและมีรายได้อย่างต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย
