สดร. จัดตั้งภาคีวิจัยบรรยากาศแห่งประเทศไทย

กทม. 23 พ.ย.-สดร. ร่วมกับ 28 หน่วยงาน ตั้งภาคีวิจัยบรรยากาศแห่งประเทศไทย ศึกษาแนวทางแก้ปัญหา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ-PM 2.5 ด้าน อว. ขอผลงานเป็นรูปธรรมเข้า ครม. ใน 3 เดือน


ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม(อว.) เป็นประธานในพิธีลงนามจัดตั้งภาคีความร่วมมือวิจัยบรรยากาศแห่งประเทศไทย บูรณาการกำลังคน และทรัพยากรทางการวิจัยร่วมกัน เพื่อกำหนดแผนที่นำทางของการวิจัยที่เชื่อมโยงกับการศึกษาคุณภาพอากาศ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร. , สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) , สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) , กรมควบคุมมลพิษ , สมาคมสถาบันอุดมศึกษาสิ่งแวดล้อมไทย และมหาวิทยาลัย 23 แห่ง เข้าร่วม

ศ.ดร.เอนก กล่าวว่า ภาคีความร่วมมือวิจัยบรรยากาศแห่งประเทศไทย ถือเป็นครั้งแรกที่เป็นการรวบรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยด้านบรรยากาศสิ่งแวดล้อมมาศึกษาวิจัยร่วมกัน ซึ่งปัญหาสิ่งแวดล้อมถือเป็นปัญหาสำคัญของโลก เพราะโลกต้องเผชิญกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงมากขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณก๊าซเรือนกระจก ฉะนั้นหากกลุ่มภาคีความร่วมมือดังกล่าวสัมฤทธิ์ผลในการวิจัยสาเหตุการเกิดมลพิษทางอากาศ รวมทั้งหาแนวทางป้องกันผลกระทบได้อย่างเป็นรูปธรรม ก็สามารถยกระดับงานวิจัยของไทยสู่ระดับนานาชาติได้อย่างภาคภูมิ


ศ.ดร.เอนก กล่าวว่า ขอมอบหมายให้ภาคีความร่วมมือวิจัยบรรยากาศแห่งประเทศไทย มีผลวิจัยบางเรื่องออกมาเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน เพื่อให้กระทรวงฯ มีผลลัพธ์งานวิจัยสามารถนำเสนอเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อวางแผนพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะปัญหาการเกิดมลพิษ สอดคล้องกับนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน เพื่อให้การพัฒนาและแก้ปัญหาสามารถเดินหน้าไปได้โดยเร็ว ลดปัญหาและอุปสรรค และพัฒนาวงการวิจัยวิทยาศาสตร์บรรยากาศของไทยให้เข้มแข็ง

ดร. ศรัณย์  โปษยะจินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) กล่าวว่า สดร. ได้เล็งเห็นความสำคัญของการวิจัยวิทยาศาสตร์บรรยากาศ ซึ่งรวมถึงคุณภาพอากาศ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หลังจากดำเนินการมาระยะหนึ่ง พบว่าในไทย ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์บรรยากาศ ในประเทศไทยต่างกระจายอยู่ตามหน่วยงานรัฐ และสถาบันการศึกษาต่างๆ ทำให้ผลงานวิจัย ไม่สามารถตอบโจทย์ปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวกับ มลภาวะทางอากาศ ฝุ่น PM2.5 และการคาดการณ์ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สดร. จึงเชิญหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งเป็นภาคีวิจัยบรรยากาศแห่งประเทศไทย เพื่อบูรณาการและ ขยายขอบเขตความเชี่ยวชาญหลักของแต่ละหน่วยงาน ให้มีการทำงานที่สอดประสานกัน

ดร. ศรัณย์ ย้ำภาคีวิจัยบรรยากาศแห่งประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันจัดทำแผนที่นำทางของการวิจัยแบบบูรณาการ บูรณาการวิจัยบรรยากาศที่เชื่อมโยงกับการศึกษาคุณภาพอากาศของประเทศและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ  จัดสร้างห้องปฏิบัติการกลางที่มีเครื่องมือที่ทันสมัยสนับสนุนการวิจัยบรรยากาศ พัฒนาระบบฐานข้อมูล สร้างนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์บรรยากาศ สร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศ พัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยบรรยากาศ และผลักดันให้มีการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ได้จริง โดยเป็นการวิจัยในระยะยาว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด