หุ้นไทยบวกหลังรับรู้ FED ตรึงดอกเบี้ย

กรุงเทพฯ 21 ก.ย.-หุ้นไทยบวกหลังรับรู้ FED ตรึงดอกเบี้ยตามคาด พร้อมส่งสัญญาณจะขึ้นอีก 1 ครั้งปีนี้ ส่วนผลกังวลนโยบายรัฐลดลง ผ่อนคลายความกังวลการก่อหนี้ จิตวิทยาบวกต่อ SET บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ (21 ก.ย.) แม้เปิดทำการ. ดัชนีปรับตัวลดลง 3.35 จุด แตะ 1,504.55 จุด แต่มีแรงซื้อ ทำให้ เวลา 11.37 น. ดัชนีกลับมาบวก 2.34 จุด แตะ 1,510.24 จุด นายกรภัทร  วรเชษฐ์  ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน  บล.กรุงศรี พัฒนสิน  กล่าวว่าจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ(FED)  มีมติ ตามคาดคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุม 20ก.ย.66 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี  หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้งตั้งแต่ มี.ค.65  และคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (dot plot) […]

ยุโรปเตรียมประกาศเรื่องดอกเบี้ยหลังเฟดขึ้น 0.25%

ลอนดอน 23 มี.ค.- ธนาคารกลางของหลายประเทศในยุโรปเตรียมประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด (Fed) ประกาศขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ในขณะที่ภาคกิจการธนาคารของโลกยังคงปั่นป่วน ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ และนอร์เวย์จะขึ้นดอกเบี้ยเช่นเดียวกัน โดยคาดว่าธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์จะขึ้นร้อยละ 0.50 เท่ากับการขึ้นล่าสุดในเดือนธันวาคมที่ครั้งนั้นทำให้ดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ร้อยละ 1.0 ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษมีแนวโน้มสูงว่าจะขึ้นร้อยละ 0.25 หลังจากเมื่อวานนี้มีการเผยแพร่ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์ว่า เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ถือว่าเกินความคาดหมาย และจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 11 ติดต่อกันนับจากสิ้นปี 2564 ที่ขณะนั้นอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 0.1 ส่วนธนาคารกลางนอร์เวย์คาดว่าจะขึ้นร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 3.0 หลังจากขึ้นมาแล้วครั้งที่ 5 ติดต่อกันจนถึงเดือนมกราคม เฟดออกแถลงการณ์หลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายเมื่อวันพุธตามเวลาสหรัฐว่า การเข้มงวดนโยบายเพิ่มเติมอาจเป็นเรื่องเหมาะสมเพื่อคงนโยบายการเงินที่จะสามารถกดอัตราเงินเฟ้อลงได้ ขณะที่สถานการณ์ในภาคการธนาคารเมื่อไม่นานมานี้อาจช่วยให้เฟดบรรลุเป้าหมายนี้ได้ เพราะน่าจะทำให้การปล่อยสินเชื่อครัวเรือนและธุรกิจมีเงื่อนไขที่เข้มงวดขึ้น และน่าจะมีผลต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และอัตราเงินเฟ้อ.-สำนักข่าวไทย

เฟดอาจจะหยุดขึ้นดอกเบี้ย หลังขึ้นล่าสุด 0.25%

ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด (Fed) ประกาศขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ในวันพุธตามเวลาท้องถิ่น และส่อนัยว่าจะหยุดการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย หลังจากธนาคารในสหรัฐต้องปิดกิจการไป 2 แห่ง เมื่อไม่นานมานี้

“สี” ขอประเทศรวยในจี 20 ลดผลกระทบจากขึ้นดอกเบี้ย

นูซา ดัว 15 พ.ย.- ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนขอให้ประเทศร่ำรวยในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่หรือจี 20 (G20) จำกัดผลกระทบจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด (Fed) เตรียมขึ้นดอกเบี้ยอีกเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ ประธานาธิบดีสีกล่าวต่อที่ประชุมสุดยอดจี 20 ซึ่งเปิดการประชุมที่บาหลีของอินโดนีเซียในวันนี้ว่า จี 20 จะต้องจำกัดภาวะเงินเฟ้อโลกและแก้ไขความเสี่ยงทั้งระบบในภาคเศรษฐกิจและภาคการเงิน ประเทศพัฒนาแล้วควรลดผลกระทบภายนอกที่เกิดจากการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน และรักษาเสถียรภาพหนี้ให้อยู่ในระดับที่ยั่งยืน ผู้นำจีนกล่าวเรื่องนี้หลังจากเฟดขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องจนไปแตะระดับสูงสุดนับจากช่วงก่อนเกิดวิกฤตการเงินโลกปี 2551 ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ สร้างปัญหาให้แก่เศรษฐกิจกำลังพัฒนาที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลักและเศรษฐกิจกำลังพัฒนาที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงเช่นเดียวกัน ประธานาธิบดีสียังได้ขอให้จี 20 แสดงความคัดค้านอย่างจริงจังต่อการนำปัญหาอาหารและพลังงานมาเป็นเรื่องทางการเมือง เป็นเครื่องมือ และเป็นอาวุธ พร้อมกับย้ำเรื่องที่เขาคัดค้านมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก รวมทั้งเตือนว่าการขีดเส้นอุดมการณ์และปลุกปั่นความเป็นปรปักษ์กันระหว่างกลุ่มการเมืองมีแต่จะทำให้โลกแตกแยกและเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของมนุษยชาติ.-สำนักข่าวไทย

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าที่สุดในรอบ 20 ปี

ดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่น ๆ ทะยานขึ้นมาแข็งค่าที่สุดในรอบ 20 ปี ในวันนี้ หลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด (Fed) ส่งสัญญาณว่าจะคงนโยบายดอกเบี้ยสูงนานขึ้น หวังลดอัตราเงินเฟ้อที่สูงอยู่ในขณะนี้

“เฟด” ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% หวังควบคุมเงินเฟ้อ

ธนาคารกลางสหรัฐ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.75 เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่กำลังกระทบการจับจ่ายของครัวเรือนชาวอเมริกัน

ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน “ซบเซา” ครั้งแรกในรอบ 10 เดือน

FETCO เผย ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ลดลง 23.1% อยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา” ครั้งแรกในรอบ 10 เดือน เหตุนักลงทุนห่วง FED ขึ้นดอกเบี้ยแรง เพื่อแก้เงินเฟ้อ ทำเศรษฐกิจถดถอย ซ้ำห่วงการระบาดโควิด สายพันธ์ ใหม่ BA.4 และ BA.5

จีนคงดอกเบี้ยกู้ยืม สวนทางเศรษฐกิจใหญ่

เซี่ยงไฮ้ 20 มิ.ย.- ธนาคารกลางจีนคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เป็นอัตราอ้างอิงตามที่ตลาดคาด เนื่องจากไม่สามารถลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในยามที่เศรษฐกิจใหญ่อื่น ๆ พากันขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ธนาคารประชาชนจีนคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้าชั้นดี หรือแอลพีอาร์ (LPR) ระยะ 1 ปีไว้ที่ร้อยละ 3.70 และระยะ 5 ปีไว้ที่ร้อยละ 4.45 แอลพีอาร์ระยะ 1 ปีเป็นอัตราอ้างอิงสำหรับสินเชื่อใหม่และสินเชื่อคงค้าง ส่วนแอลพีอาร์ระยะ 5 ปีเป็นอัตราอ้างอิงสำหรับสินเชื่อบ้าน นักวิเคราะห์ชี้ว่า ธนาคารกลางจีนคงลังเลที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพราะจะสวนทางกับนโยบายของธนาคารกลางประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด (Fed) และจะดำเนินนโยบายนี้ไปอีกระยะหนึ่งก่อนจะใช้มาตรการอัดฉีดสภาพคล่องและส่งเสริมการกู้ยืมอีกครั้ง แม้ธนาคารกลางจีนไม่วิตกเรื่องเงินหยวนอ่อนค่า เพราะขณะนี้ยังคงแข็งค่าค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่ต้องการให้เกิดการเทขายเงินหยวนจนเกิดภาวะไร้เสถียรภาพ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นหากธนาคารกลางจีนลดอัตราดอกเบี้ยในขณะที่ธนาคารกลางประเทศอื่น ๆ ขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่ หลังจากเฟดขึ้นดอกเบี้ยคราวเดียวร้อยละ 0.75 ไปเมื่อสัปดาห์ก่อนเพื่อควบคุมเงินเฟ้อสูง.-สำนักข่าวไทย

บิตคอยน์ร่วงต่ำสุดในรอบ 18 เดือนครั้งใหม่

ลอนดอน 15 มิ.ย.- บิตคอยน์ ซึ่งเป็นคริปโทเคอร์เรนซีใหญ่ที่สุดในโลก ราคาร่วงลงทำสถิติต่ำที่สุดในรอบ 18 เดือนครั้งใหม่ในวันนี้ และดึงราคาคริปโทฯ ที่เล็กกว่าร่วงตามไปด้วย ราคาบิตคอยน์ลดลงมากถึงร้อยละ 7.8 ลงไปทดสอบที่หน่วยละ 20,289 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 711,535 บาท) ในวันนี้ ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 โดยลดลงไปแล้วร้อยละ 28 นับตั้งแต่วันศุกร์ และลดลงกว่าครึ่งนับตั้งแต่ต้นปี แต่หากเทียบกับที่เคยทำสถิติสูงสุดที่หน่วยละ 69,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.42ล้านบาท) เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ถือว่าลดลงไปแล้วถึงร้อยละ 70 ขณะที่คริปโทฯ ขนาดเล็กกว่าก็มีราคาลดลงตามบิตคอยน์เช่นเดียวกัน อีเธอร์ ซึ่งเป็นคริปโทฯ ใหญ่อันดับ 2 ราคาลดลงมากถึงร้อยละ 12 ลงไปทดสอบที่หน่วยละ 1,045 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 36,648 บาท) ต่ำที่สุดในรอบ 15 เดือนครั้งใหม่ ตลาดคริปโทฯ ถูกกระทบหนักในสัปดาห์นี้ หลังจากเซลเซียส ผู้ให้กู้ยืมคริปโทฯ […]

เยนแตะ 135 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐแล้ว

โตเกียว 13 มิ.ย.- เงินเยนญี่ปุ่นอ่อนค่าลงแตะ 135 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดโตเกียวเช้าวันนี้ เป็นการอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 20 ปีครั้งใหม่ เพราะตลาดคาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของญี่ปุ่นและสหรัฐจะยิ่งห่างกันมากยิ่งขึ้น เว็บไซต์เกียวโดนิวส์รายงานว่า เงินเยนลงไปทดสอบระดับอ่อนค่าที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2545 ในเช้าวันนี้ ก่อนขึ้นมาเคลื่อนไหวที่ 134.82-134.83 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงเที่ยง เทียบกับ 133.59-133.62 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐเมื่อเวลา 17:00 น. วันศุกร์ ตามเวลาญี่ปุ่น เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด (Fed) จะเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกมาก หลังจากเผยแพร่ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 ต่อปี สูงกว่าที่ตลาดคาดหมายไว้ที่ร้อยละ 8.3 และสูงที่สุดในรอบ 40 ปี ขณะที่ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือบีโอเจ (BOJ) ย้ำเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า จะคงนโยบายทำให้เงินเฟ้อแตะร้อยละ 2 ตามเป้าหมายอย่างยั่งยืน นักยุทธศาสตร์ด้านการปริวรรตเงินตราของบริษัทหลักทรัพย์ไดวาเผยว่า นักลงทุนอาจมองอัตราแลกเปลี่ยนว่าจะอ่อนค่าลงไปถึง 140 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ เพราะดูเหมือนว่าไม่มีสิ่งใดสามารถชะลอการอ่อนค่าของเงินเยนได้แล้วในขณะนี้ เงินเยนที่อ่อนค่าเป็นผลดีต่อผู้ส่งออกเมื่อแลกดอลลาร์สหรัฐกลับมาเป็นเยน แต่อาจชะลอการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศเพราะทำให้ราคาอาหารและน้ำมันนำเข้าแพงขึ้น.-สำนักข่าวไทย

รมว.คลังสหรัฐยอมรับคิดผิดเรื่องเงินเฟ้อ

วอชิงตัน 1 มิ.ย.- นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐยอมรับว่า ที่ผ่านมาคิดผิดเรื่องทิศทางเงินเฟ้อ ขณะนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกเรื่องการควบคุมราคาสินค้าที่สูงขึ้น และสนับสนุนมาตรการของธนาคารกลางหรือเฟด (Fed) ที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ นางเยลเลนตอบข้อถามซีเอ็นเอ็น (CNN) เรื่องคิดผิดหรือไม่ที่มองข้ามอันตรายของเงินเฟ้อในถ้อยแถลงที่กล่าวตลอดปีที่ผ่านมาว่า เธอคิดผิดในเวลานั้นเรื่องทิศทางของเงินเฟ้อ เกิดเหตุการณ์เหนือความคาดหมายและรุนแรงหลายอย่างที่ทำให้ราคาอาหารและพลังงานปรับตัวสูงขึ้น และทำให้อุปทานติดขัด ทั้งหมดส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐแต่ในเวลานั้นเธอยังไม่เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง เหตุการณ์เหล่านั้นมีตั้งแต่เรื่องรัสเซียรุกรานยูเครนไปจนถึงเรื่องที่จีนล็อกดาวน์เพื่อจำกัดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 อย่างไรก็ดี แม้อัตราเงินเฟ้อหลักในขณะนี้มีแนวโน้มลดลดลง แต่ราคาน้ำมันยังคงสูงอยู่และสหภาพยุโรปหรืออียู (EU) กำลังร่างแผนห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซีย จึงยังมีโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อไปในอนาคต รัฐมนตรีคลังสหรัฐย้ำว่า ประธานาธิบดีไบเดนให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกเรื่องปัญหาเงินเฟ้อ โดยให้ความเชื่อมั่นอย่างยิ่งและสนับสนุนความเป็นอิสระของเฟดในการดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ รัฐบาลพยายามเสริมการทำงานของเฟดด้วยการลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับยาตามใบสั่งแพทย์และสาธารณสุข และผลักดันข้อเสนอในสภาเรื่องส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน.-สำนักข่าวไทย

1 2
...