คาดสะพานพังในสหรัฐจะกระทบห่วงโซ่อุปทานโลก

ลอนดอน 27 มี.ค.- เหตุสะพานในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ของสหรัฐถูกเรือสินค้าชนจนพังถล่มลงไปในแม่น้ำทั้งสะพานเมื่อเช้ามืดวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น จุดกระแสวิตกว่าจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลก   เรือดาลี (Dali) ติดธงชาติสิงคโปร์ชนเสาตอม่อสะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ (Francis Scott Key Bridge) ทำให้สะพานพังถล่มลงมา สะพานนี้ทอดข้ามทางเข้าท่าเรือบัลติมอร์ ซึ่งเป็นท่าเรือพลุกพล่านเป็นอันดับ 9 ของสหรัฐ และพลุกพล่านที่สุดสำหรับการส่งออกยวดยาน โดยเมื่อปี 2566 มีการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศน้ำหนักรวมมากกว่า 47 ล้านตัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทางการสหรัฐสั่งระงับการเดินเรือทั้งหมดผ่านท่าเรือแห่งนี้โดยไม่มีกำหนด   นายมาร์โก โฟร์จอยน์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งออกและการค้าระหว่างประเทศของสหราชอาณาจักรเผยกับบรรษัทแพร่ภาพและกระจายแห่งอังกฤษหรือบีบีซี (BBC) ว่า การระงับการเดินเรือผ่านท่าเรือบัลติมอร์จะส่งผลกระทบอย่างสำคัญต่อห่วงโซ่อุปทานโลก เฉพาะปี 2566 มีการส่งออกรถยนต์และยวดยานผ่านท่าเรือนี้มากกว่า 750,000 คัน มีทั้งแบรนด์ใหญ่ของสหรัฐ สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป บัลติมอร์ยังเป็นผู้ส่งออกก๊าซรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจี (LNG) รายใหญ่ราวเดือนละ 500,000 ตัน จึงมีความหมายสำคัญต่อสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป นอกจากนี้ท่าเรือบัลติมอร์ยังจ้างงานคนโดยตรง 15,000 ตำแหน่ง และโดยอ้อมอีกราว 140,000 ตำแหน่ง.-814.-สำนักข่าวไทย

จีนชี้นโยบายสหรัฐกระทบห่วงโซ่อุปทานโลกอย่างหนัก

ปักกิ่ง 10 ส.ค.- จีนประกาศจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ และกล่าวหาสหรัฐที่ออกนโยบายใหม่เพื่อจำกัดการลงทุนในเทคโนโลยีจีนว่า กระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลกอย่างร้ายแรง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ทางออนไลน์ว่า รัฐบาลจีนไม่พอใจอย่างยิ่งและคัดค้านอย่างจริงจังต่อการที่สหรัฐยืนกรานออกมาตรการจำกัดการลงทุนในจีน และได้แสดงความไม่พอใจทางการทูตต่อสหรัฐแล้ว การกระทำของสหรัฐเป็นความพยายามต่อต้านกระแสโลกาภิวัตน์และลดทอนความเป็นจีน ขอเตือนว่าจีนจะปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของประเทศอย่างเด็ดเดี่ยว คาดกันว่ามาตรการจำกัดดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่ปี 2567 ด้านกระทรวงพาณิชย์จีนแถลงว่า คำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐที่ให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจำกัดการลงทุนในจีนที่เป็นการลงทุนภาคไฮเทคที่มีความอ่อนไหวอย่างเซมิคอนดักเตอร์ การคำนวณเชิงควอนตัม (quantum computing) และปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (artificial intelligence) เป็นการเบี่ยงเบนอย่างร้ายแรงจากหลักการเศรษฐกิจแบบตลาดและการแข่งขันเสรีที่สหรัฐประชาสัมพันธ์มาโดยตลอด กระทบต่อการตัดสินใจบริหารงานตามปกติของธุรกิจ ทำลายระเบียบการค้าสากล และกระทบอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานและห่วงโซ่อุตสาหกรรมโลก จีนขอแสดงความกังวลอย่างยิ่งในเรื่องนี้และขอสงวนสิทธิที่จะดำเนินมาตรการตอบโต้ หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานว่า ยักษ์ใหญ่ด้านไฮเทคของจีนอย่างอาลีบาบา, ไป่ตู้, ไบแดนซ์ และเทนเซ็นต์ ได้สั่งชิปที่มีความจำเป็นต่อระบบเอไอแบบรู้สร้าง (generative artificial intelligence systems) จากบริษัทเอ็นวิเดีย (Nvidia) ในสหรัฐมูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 175,550 ล้านบาท) เพราะวิตกว่าสหรัฐจะเริ่มจำกัดการส่งออกในเร็ว ๆ นี้.-สำนักข่าวไทย

...