fbpx

สหรัฐเริ่มพิจารณาคดีหญิงผ่าท้องเพื่อนสาวขโมยทารก

เทกซัส 15 ก.ย. – ศาลรัฐเทกซัสของสหรัฐกำลังพิจารณาคดีหญิงที่ตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าเพื่อนสาวด้วยการผ่าท้องเอาทารกในครรภ์ของเพื่อนมาเป็นลูกของตัวเอง ศาลรัฐเทกซัสของสหรัฐอาจตัดสินให้ เทย์เลอร์ พาร์คเกอร์ วัย 29 ปี ได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต หลังเธอตกเป็นผู้ต้องหาฆ่า เรแกน ซิมมอนส์-แฮนค็อก เพื่อนสาว วัย 21 ปี ที่กำลังตั้งครรภ์ ด้วยการผ่าท้องเอาทารกในครรภ์ของเพื่อนมาเป็นลูกของตัวเอง จนทำให้ทารกเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเมืองนิวบอสตัน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐเทกซัส พาร์คเกอร์ให้การปฏิเสธว่า ไม่มีความผิดในข้อหาฆ่าด้วยเหตุฉกรรจ์ คณะอัยการของรัฐเทกซัสระบุว่า พาร์คเกอร์โกหกแฟนหนุ่มและแกล้งทำตัวให้ดูเหมือนตั้งครรภ์มาเป็นเวลานานหลายเดือน รวมถึงโพสต์ภาพถ่ายที่เธอตั้งครรภ์ปลอม ๆ ในสื่อโซเชียลมีเดียในขณะที่เธอกำลังมองหาผู้ที่จะมาเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย เนื่องจากเธอได้รับการผ่าตัดมดลูกและไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ส่วนสาเหตุที่พาร์คเกอร์โกหกเรื่องตั้งครรภ์ เพราะเธอกลัวว่าแฟนหนุ่มจะทิ้งเธอไปหากเขารู้เรื่องนี้ คณะอัยการยังเผยว่า พาร์คเกอร์ได้แวะไปบ้านของซิมมอนส์-แฮนค็อก เพื่อนสาวที่กำลังตั้งครรภ์แก่ใกล้คลอดในวันที่ 9 ตุลาคม 2563 และใช้มีดกระหน่ำแทงซิมมอนส์-แฮนค็อกกว่า 100 ครั้ง หลังจากนั้นได้ใช้มีดผ่าท้องเอาทารกออกมาจากครรภ์ของเพื่อนคนดังกล่าว โดยที่ลูกวัย 3 ขวบของเหยื่อนอนหลับอยู่อีกห้องหนึ่ง แล้วหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นไม่นานเธอถูกตำรวจเรียกให้หยุดรถขณะกำลังขับรถยนต์โดยมีทารกอยู่บนตัก เธออ้างว่าเธอเพิ่งคลอดลูกในรถยนต์ ตำรวจได้รีบส่งตัวทารกไปโรงพยาบาล แต่ทารกเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทั้งนี้ ศาลรัฐเทกซัสคาดว่าจะใช้เวลาพิจารณคดีของพาร์คเกอร์อีกอย่างน้อย 1 […]

ตั้งข้อหาชายเม็กซิโกเหตุคนลอบเข้าสหรัฐตายในรถบรรทุก

ซานอันโตนิโอ 29 มิ.ย.- ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐตั้งข้อหาชายเม็กซิโก 2 คน ที่เกี่ยวข้องกับเหตุคนลอบเข้าเมือง 51 คนเสียชีวิตในรถบรรทุกที่ร้อนอบอ้าวและถูกจอดทิ้งไว้ชานเมืองซานอันโตนิโอ รัฐเทกซัสเมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ชายเม็กซิโกทั้ง 2 คนถูกตั้งข้อหาครอบครองอาวุธปืนขณะพักอาศัยในสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่แกะรอยทะเบียนรถบรรทุกไปจนพบที่พักแห่งหนึ่งในเมืองซานอันโตนิโอ และรอจับกุมเมื่อชายแต่ละคนออกจากที่พัก ส่วนผู้ต้องสงสัยรายที่ 3 เป็นพลเมืองอเมริกันที่ขับรถบรรทุกคันดังกล่าว ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้แล้วและเตรียมตั้งข้อหา แต่ขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ในกลุ่มผู้เสียชีวิตมีชาวเม็กซิโกอย่างน้อย 27 คน ชาวกัวเตมาลา 3 คน และชาวฮอนดูรัส 4 คน ในรถอาจมีคนลอบเข้าเมืองมากถึง 100 คน แต่ยังไม่ทราบจำนวนที่ชัดเจน เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเล่ารายละเอียดว่า รถบรรทุกคันนี้ถูกจอดทิ้งไว้ใกล้รางรถไฟ อุณหภูมิในเวลานั้นสูงถึง 39.4 องศาเซลเซียส พบศพทั้งในรถและบนพื้นห่างออกไปไม่กี่ช่วงตึก ประตูหลังของรถถูกเปิดทิ้งไว้ ภายในรถไม่มีทั้งน้ำและเครื่องปรับอากาศ นายกเทศมนตรีเมืองซานอันโตนิโอกล่าวว่า เป็นโศกนาฏกรรมที่เกินจะบรรยายได้ เมืองนี้ต้องพึ่งพาแรงงานต่างถิ่นเพราะขาดแคลนแรงงาน แต่พวกเขากลับต้องพบจุดจบเช่นนี้ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประณามการหากำไรจากผู้อ่อนแอ และประกาศจะกวาดล้างแก๊งลอบส่งคนเข้าเมืองที่ทำให้มีคนข้ามพรมแดนจากเม็กซิโกเข้าสหรัฐมากเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม 2564.-สำนักข่าวไทย

ชายอเมริกันป่วยฝีดาษวานรหนี รพ. ในเม็กซิโกกลับสหรัฐ

เม็กซิโกซิตี 9 มิ.ย. – หน่วยงานสาธารณสุขของเม็กซิโกเผยว่า ชายอเมริกันที่ติดโรคฝีดาษวานรได้หลบหนีออกจากโรงพยาบาลในเม็กซิโกและเดินทางกลับสหรัฐ ทั้งที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้บอกให้เขากักตัวและเข้ารับการตรวจหาเชื้อฝีดาษวานรก่อน หน่วยงานสาธารณสุขของเม็กซิโกระบุเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า ชายอเมริกัน วัย 48 ปี ซึ่งเป็นชาวรัฐเทกซัส ได้หลบหนีออกจากโรงพยาบาลในเมืองเปอร์โตวัลลาร์ตา ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศริมชายหาดทางตะวันตกของเม็กซิโกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้บอกให้ชายคนนี้กักตัวและเข้ารับการตรวจหาเชื้อฝีดาษวานรก่อน ทั้งยังระบุว่า ชายอเมริกันมาถึงโรงพยาบาลด้วยอาการไอ หนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ และมีตุ่มคล้ายหนองตามใบหน้า คอ และลำตัว หน่วยงานสาธารณสุขของเม็กซิโกยังระบุว่า ชายคนนี้ได้หลบหนีออกจากโรงพยาบาลและกลับไปยังห้องพักในโรงแรมที่พักอยู่กับคนรักก่อนตัดสินใจขึ้นเครื่องบินเดินทางออกจากเมืองเปอร์โตวัลลาร์ตาในวันที่ 4 มิถุนายน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี ยืนยันการเปิดเผยข้อมูลของทางการเม็กซิโกเมื่อวันจันทร์ว่า ชายคนดังกล่าวได้เดินทางกลับมายังสหรัฐและมีผลตรวจติดโรคฝีดาษวานรจริง ก่อนที่ชายคนนี้เดินทางไปเที่ยวเมืองเปอร์โตวัลลาร์ตาในวันที่ 27 พฤษภาคม เขามีประวัติเดินทางไปกรุงเบอร์ลินของเยอรมนีในวันที่ 12-16 พฤษภาคมก่อนที่จะกลับมายังเมืองดัลลัสในรัฐเทกซัส ส่วนองค์การอนามัยโลกเผยเมื่อวันพุธว่า ขณะนี้ทั่วโลกพบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรกว่า 1,000 คนในประเทศนอกทวีปแอฟริกา.-สำนักข่าวไทย

ครูว่าตำรวจ “ขี้ขลาด” รับมือเหตุกราดยิง รร. ในสหรัฐช้า

เทกซัส 8 มิ.ย. – คุณครูที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุกราดยิงโรงเรียนประถมศึกษาในเมืองอูวัลเดในรัฐเทกซัสของสหรัฐเมื่อเดือนพฤษภาคม กล่าวตำหนิตำรวจในที่เกิดเหตุว่าขี้ขลาด เนื่องจากตัดสินใจล่าช้าในเหตุกราดยิงจนทำให้มีเด็กนักเรียนเสียชีวิต 19 ราย และคุณครูเสียชีวิต 2 ราย นายอาร์นัลโฟ เรเยส คุณครูประจำชั้นเกรด 4 หรือเทียบเท่าระดับ ป. 4 ซึ่งประกอบอาชีพครูมานานถึง 17 ปี ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์เอบีซี นิวส์ ของสหรัฐว่า นักเรียนในห้องเรียนของเขากำลังชมภาพยนตร์ในขณะที่ทุกคนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น เขาบอกให้นักเรียนหลบใต้โต๊ะเรียนและแกล้งทำเป็นหลับตามวิธีเอาตัวรอดที่เคยสอนไว้ แต่นายซัลวาดอร์ รามอส มือปืนวัย 18 ปี ก็ได้บุกเข้ามาในห้องเรียนนี้ผ่านทางห้องเรียนที่อยู่ติดกันและเปิดฉากยิง เหตุดังกล่าวทำให้นายเรเยสถูกยิงและมีเด็กนักเรียนเสียชีวิต 11 ราย ในขณะที่ตำรวจยืนอยู่ในห้องโถงของโรงเรียน นายเรเยสยังระบุว่า ตำรวจใช้เวลานานกว่าชั่วโมงก่อนที่จะตัดสินใจบุกเข้ามาในห้องเรียนและวิสามัญฆาตกรรมคนร้าย ทั้งที่ตำรวจสวมเสื้อเกราะกันกระสุน ส่วนเขาไม่มีอุปกรณ์ป้องกันอะไรทั้งนั้น ทั้งยังระบุว่า เขารู้สึกว่าตัวเองถูกตำรวจทอดทิ้ง เชื่อว่าตำรวจที่อยู่ในเหตุกราดยิงมีความผิด และจะไม่มีวันให้อภัยตำรวจเด็ดขาด ก่อนหน้านี้ ตำรวจของเมืองอูวัลเดเผยว่า มือปืนได้ใช้เวลาอยู่ในห้องเรียนนานถึง 77 นาทีก่อนที่ตำรวจตัดสินใจบุกเข้าไปในห้องเรียนจนทำให้ถูกตำหนิอย่างหนักจากการการรับมือเหตุกราดยิงที่ล่าช้า นอกจากนี้ เหตุกราดยิงในครั้งนี้ยังทำให้เกิดการถกเถียงเป็นวงกว้างในระดับประเทศเกี่ยวกับกฎหมายควบคุมปืนของสหรัฐอีกด้วย. -สำนักข่าวไทย

“ไบเดน” ร่วมไว้อาลัยเหตุกราดยิงที่โรงเรียนในรัฐเทกซัส

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ เดินทางไปยังโรงเรียนประถมศึกษาร็อบบ์ในเมืองอูวัลเดของรัฐเทกซัส เมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อร่วมไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิตและแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต หลังเกิดเหตุกราดยิงครั้งใหญ่ในรอบสิบปี

สามีครูที่เสียชีวิตจากเหตุกราดยิง รร. หัวใจวายตาย

เทกซัส 27 พ.ค. – นายโจ การ์เซีย สามีของนางเออร์มา การ์เซีย ซึ่งเป็นครูที่เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงโรงเรียนประถมในรัฐเทกซัสของสหรัฐ เสียชีวิตกะทันหันด้วยโรคหัวใจวายเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น โดยญาติคาดว่านายการ์เซียตกอยู่ภาวะโศกเศร้าอย่างหนักหลังสูญเสียภรรยาจากเหตุกราดยิง หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สของสหรัฐรายงานว่า นายโจ การ์เซีย เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวายในขณะที่กำลังเตรียมจัดงานศพให้นางเออร์มา การ์เซีย ที่เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงเพื่อปกป้องนักเรียน ขณะที่เพจโกฟันด์มี (GoFundMe) แพลตฟอร์มระดมทุนเพื่อทำประโยชน์ให้แก่บุคคลและชุมชนที่ก่อตั้งโดยเดบรา ออสติน ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องกับนางเออร์มา เผยว่า นายโจได้เสียชีวิตอย่างกะทันหันเมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น และเชื่อว่าเขาเสียชีวิตเพราะตกอยู่ในภาวะเศร้าโศกอย่างหนักจากการสูญเสียภรรยาผู้เป็นที่รักยิ่ง ในขณะเดียวกัน จอห์น มาร์ติเนซ หลานชายของนางเออร์มา ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า เขารู้สึกใจสลายและเสียใจอย่างมากต่อการจากไปของนายโจที่ตกอยู่ในภาวะเศร้าโศก นอกจากนี้ มาร์ติเนซยังเผยกับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีของสหรัฐว่า นายโจเสียชีวิตในบ้านพักหลังนำดอกไม้ไปวางที่โรงเรียนประถมศึกษาร็อบบ์ในเมืองอูวัลเดของรัฐเทกซัสเพื่อเป็นการระลึกถึงภรรยา ด้านผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของสหรัฐระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า นายโจเสียชีวิตจากโรคหัวใจวาย ข้อมูลจากเว็บไซต์โรงเรียนประถมศึกษาร็อบบ์ระบุว่า นายโจและนางเออร์มาสมรสกันมายาวนานถึง 24 ปีและมีบุตรทั้งหมด 4 คน ก่อนหน้านี้ ซัลวาดอร์ รามอส มือปืน วัย 18 ปี ได้ก่อเหตุกราดยิงในโรงรียนประถมศึกษาร็อบบ์เป็นเวลา 40 นาที จนทำให้มีเด็กนักเรียนเสียชีวิต 19 ราย […]

ทั่วโลกห่วงเหตุกราดยิงกระทบภาพประเทศต้นแบบของสหรัฐ

วอชิงตัน 26 พ.ค. – ทั่วโลกต่างประณามเหตุกราดยิงที่โรงเรียนประถมในรัฐเทกซัสของสหรัฐที่ทำให้มีเด็กเสียชีวิต 19 ราย และครูเสียชีวิต 2 ราย พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงการชูภาพลักษณ์ความเป็นประเทศต้นแบบของสหรัฐว่ายังคงมีประสิทธิภาพหรือไม่ ชาติพันธมิตรของสหรัฐ รวมถึงนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่ของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ซึ่งไม่ค่อยกล่าวถึงปัญหาในสหรัฐมากนัก ต่างแสดงความวิตกกังวลหลังมือปืน วัย 18 ปี ก่อเหตุกราดยิงที่โรงเรียนประถมศึกษาในเมืองอูวัลเดของรัฐเทกซัส จนทำให้มีเด็กนักเรียนเสียชีวิต 19 รายและครูเสียชีวิต 2 ราย ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ซึ่งได้รับอาวุธจากสหรัฐเพื่อนำมาใช้ป้องกันการบุกรุกของรัสเซีย มองว่า เหตุกราดยิงดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่ากลัว ส่วนประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ระบุว่า เขาขอมีส่วนร่วมกับผู้ที่ต่อสู้เพื่อยุติความรุนแรง ในขณะเดียวกัน ชาติพันธมิตรบางส่วนของสหรัฐได้ตั้งคำถามว่า ทำไมสหรัฐจึงไม่สามารถแก้ปัญหาเหตุกราดยิงในประเทศได้ ทั้งที่รัฐธรรมนูญสหรัฐมีสิทธิที่จะแก้กฎหมายครอบครองอาวุธและจัดการกลุ่มนักล็อบบี้ทางการเมืองที่ไม่ต้องการให้ออกกฎหมายควบคุมการซื้อปืนได้ ในขณะที่สหรัฐมีสถิติผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงโดยเฉลี่ยมากถึงวันละ 111 ราย นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ของนิวซีแลนด์ ซึ่งอยู่ในระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนสหรัฐ เผยกับสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสของสหรัฐว่า รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้แก้กฎหมายควบคุมปืนให้เข้มงวดยิ่งขึ้นหลังมือปืนที่เชื่อเรื่องคนผิวขาวเป็นใหญ่ก่อเหตุกราดยิงที่มัสยิด 2 แห่งในเมืองไครสต์เชิร์ชจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 51 รายเมื่อปี […]

“ไบเดน” วอนชาวอเมริกันค้านกลุ่มล็อบบี้กฎหมายคุมปืน

วอชิงตัน 25 พ.ค. – ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรียกร้องให้ชาวอเมริกันยืนหยัดคัดค้านกลุ่มนักล็อบบี้ที่ไม่ต้องการให้มีการออกกฎหมายควบคุมการซื้อขายปืน (Gun Lobby) และผลักดันให้สมาชิกรัฐสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายควบคุมปืน หลังเกิดเหตุกราดยิงที่โรงเรียนประถมในรัฐเทกซัสจนทำให้มีเด็กเสียชีวิตอย่างน้อย 19 ราย และมีผู้ใหญ่เสียชีวิต 2 ราย ประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งมีประสบการณ์สูญเสียสมาชิกในครอบครัวจากเหตุโศกนาฏกรรม กล่าวถึงเหตุกราดยิงดังกล่าวเมื่อช่วงค่ำวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า เขาเคยตั้งความหวังไว้ว่าเมื่อได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ จะต้องไม่มีเหตุสะเทือนใจเช่นนี้เกิดขึ้นอีก พร้อมทั้งประณามเหตุกราดยิงในโรงเรียนประถมว่าเป็นการสังหารหมู่นักเรียนชั้นประถมที่เป็นผู้บริสุทธิ์  ผู้นำสหรัฐยังกล่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของเด็ก ซึ่งจะไม่มีโอกาสได้พบหน้าและเล่นกับลูก ๆ ได้อีกต่อไป นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้ชาวอเมริกันยืนหยัดคัดค้านกลุ่มนักล็อบบี้ที่ไม่ให้ออกกฎหมายควบคุมเรื่องซื้อขายปืนอีกด้วย เนื่องจากประชาชนต่างได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้มามากพอแล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์สระบุว่า ชาวอเมริกันมักออกมาชุมนุมและเรียกร้องให้นักการเมืองของพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล เดินหน้าดำเนินการบางอย่างหลังเกิดเหตุกราดยิงในแต่ละครั้ง แต่นโยบายเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้ปืนของรัฐบาลกลาง เช่น การตรวจสอบประวัติผู้ครอบครองปืน ซึ่งมีผลบังคับใช้ในหลายประเทศทั่วโลก กลับถูกคัดค้านจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ข้อมูลจากสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ หรือเอฟบีไอ ระบุว่า สหรัฐมีเหตุกราดยิงมากถึง 61 ครั้งเมื่อปี 2564 เป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากปี 2563 และทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี สำหรับเหตุกราดยิงครั้งล่าสุดนี้ ผู้ก่อเหตุมีอายุ 18 ปี […]

เผยมือปืนจับตัวประกันที่โบสถ์ยิวในสหรัฐเป็นชาวอังกฤษ

เทกซัส 17 ม.ค. – ตำรวจสหรัฐเผยว่า มือปืนที่ก่อเหตุจับตัวประกัน 4 คนที่โบสถ์ยิวในรัฐเทกซัสของสหรัฐและเสียชีวิตเป็นชาวอังกฤษ ในขณะที่ตำรวจอังกฤษระบุว่า ได้คุมตัววัยรุ่น 2 คนเพื่อสอบสวนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐ หรือเอฟบีไอ เผยเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุดังกล่าวคือ นายมาลิก ไฟซัล อักราม ชาวอังกฤษ วัย 44 ปี แต่ไม่ได้ระบุว่าเขาเดินทางเข้าสหรัฐเมื่อใดและอย่างไร ขณะที่พี่ชายของนายไฟซัลโพสต์ผ่านเพจชุมชนมุสลิมของเมืองแบล็กเบิร์นในเฟซบุ๊กว่า นายไฟซัลอาศัยอยู่ในเมืองแบล็กเบิร์น ทางตอนเหนือของอังกฤษ และมีอาการป่วยทางจิต โดยที่ญาติของเขาได้ใช้เวลาทั้งคืนที่สถานีตำรวจแบล็กเบิร์นเพื่อพยายามพูดคุยกับนายไฟซัล นักเจรจาตัวประกัน และเอฟบีไอ แต่ก็ไม่สามารถโน้มน้าวให้นายไฟซัลยอมมอบตัวได้ ทั้งยังระบุว่า ในนามของครอบครัวของนายไฟซัล เขาไม่ให้อภัยต่อการกระทำของนายไฟซัล และขอโทษอย่างจริงใจต่อผู้เคราะห์ร้ายที่ต้องตกอยู่ในเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้ ในขณะเดียวกัน ตำรวจของภูมิภาคแมนเชสเตอร์ในอังกฤษระบุในแถลงการณ์เมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า เจ้าหน้าที่หน่วยต่อต้านก่อการร้ายของภูมิภาคนอร์ทเวสต์ได้จับกุมวัยรุ่น 2 คนที่มีส่วนพัวพันกับเหตุจับตัวประกันในรัฐเทกซัส และกำลังคุมตัวทั้งสองคนไว้เพื่อสอบปากคำ ส่วนประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ซึ่งไปร่วมงานรำลึกถึงวันคล้ายวันเกิดมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ที่เมืองฟิลาเดลเฟียในรัฐเพนซิลเวเนีย พร้อมด้วยนางจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐ กล่าวประณามเหตุจับตัวประกันที่รัฐเทกซัสว่าเป็นการก่อการร้าย ก่อนหน้านี้ […]

ผู้ว่าการรัฐเทกซัสของสหรัฐระงับคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนโควิด

นายเกร็ก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเทกซัสของสหรัฐ จากพรรครีพับลิกัน ประกาศระงับคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยหน่วยงานทุกแห่ง รวมทั้งนายจ้างเอกชน พร้อมกล่าวโจมตีรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนว่ากลั่นแกล้งประชาชน

“อีลอน มัสก์” จะย้ายสำนักงานใหญ่เทสลาไปรัฐเทกซัส

แคลิฟอร์เนีย 8 ต.ค. – อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอของเทสลา บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐ ประกาศว่า จะย้ายสำนักงานใหญ่ของเทสลาจากซิลิคอน วัลเลย์ในรัฐแคลิฟอร์เนียไปยังนครออสตินของรัฐเทกซัส มัสก์ประกาศเรื่องดังกล่าวในงานประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของเทสลาในนครออสติน โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับการย้ายสำนักงานใหญ่ว่า โรงงานที่เมืองฟรีมอนต์ในรัฐแคลิฟอร์เนียมีปัญหาติดขัด พนักงานของบริษัทประสบปัญหาเรื่องการหาที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาว์ และพื้นที่แถบอ่าวซานฟรานซิสโกมีข้อจำกัด แต่โรงงานในนครออสตินตั้งอยู่จากท่าอากาศยานเพียง 5 นาทีและห่างจากตัวเมือง 15 นาทีเท่านั้น อย่างไรก็ดี มัสก์ระบุเพิ่มเติมว่า เทสลาได้วางแผนเพิ่มกำลังผลิตร้อยละ 50 ที่โรงงานในรัฐแคลิฟอร์เนียและเนวาดา แม้จะตัดสินใจย้ายสำนักงานใหญ่ไปรัฐเทกซัสก็ตาม ก่อนหน้านี้ มัสก์เคยมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างเปราะบางกับรัฐแคลิฟอร์เนีย เช่น เขาเคยปะทะคารมกับบรรดานักการเมืองท้องถิ่นของรัฐแคลิฟอร์เนีย หลังจากที่ถูกสั่งให้ปิดโรงงานของเทสลาในเมืองฟรีมอนต์ เทสลาไม่ใช่บริษัทยักษ์ใหญ่รายแรกที่ย้ายสำนักงานไปยังรัฐเทกซัส แต่ยังมีบริษัทอื่น ๆ ที่ย้ายไปก่อนแล้ว เช่น ออราเคิล เอชพี และโตโยตา ทั้งนี้ รัฐแคลิฟอร์เนียขึ้นชื่อเรื่องการใช้กฎหมายแรงงานที่เข้มงวด ค่าครองชีพและการจัดเก็บภาษีที่สูงกว่ารัฐอื่น ๆ ของสหรัฐ ในขณะที่รัฐเทกซัสเป็นที่รู้จักว่าค่าแรงต่ำและกฎระเบียบที่เข้มงวดน้อยกว่า.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐเนรเทศชาวเฮติชุดแรกจากรัฐเทกซัสแล้ว

ชาวเฮติประมาณ 300 คนถูกสหรัฐเนรเทศจากรัฐเทกซัสกลับประเทศแล้วเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น หลายคนโกรธและเสียใจที่ความหวังจะหนีจากความยากจนในประเทศไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่สหรัฐพังทลาย

1 2
...