“ไบเดน” หารือทางเลือกเพิ่มกำลังทหารรับมือรัสเซีย

วอชิงตัน 24 ม.ค.- เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้หารือกับนายทหารระดับสูงเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น เรื่องทางเลือกในการเพิ่มกำลังทหารอเมริกันในทะเลบอลติกและยุโรปตะวันออกเพื่อรับมือกับรัสเซีย เจ้าหน้าที่เผยว่า ประธานาธิบดีไบเดนได้พูดคุยออนไลน์ที่แคมป์เดวิดกับ พล.อ.ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมและ พล.อ.มาร์ก มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วม เรื่องจำนวนกำลังพล ข่าวกรองล่าสุดและการหารือกับพันธมิตรเรื่องแผนการรับมือในกรณีที่รัสเซียรุกรานยูเครน หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์คาดว่า ประธานาธิบดีจะตัดสินใจอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์นี้ ทางเลือกหนึ่งที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคือ การโยกย้ายกำลังพลอเมริกัน 1,000-5,000 นายไปเสริมกำลังพลพันธมิตรริมทะเลบอลติกและยุโรปตะวันออก รวมทั้งทำหน้าที่อพยพชาวอเมริกันหากจำเป็น ด้านทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีไบเดนได้รับรายงานสรุปเรื่องสถานะปัจจุบันของปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียบริเวณชายแดนยูเครน และได้หารือเรื่องความพยายามคลี่คลายความตึงเครียดด้วยวิถีทางทางการทูต มาตรการป้องกันที่กำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรและหุ้นส่วน รวมถึงการจัดส่งความช่วยเหลือด้านความมั่นคงให้แก่ยูเครน ประธานาธิบดีย้ำว่า หากรัสเซียรุกรานยูเครน สหรัฐ พันธมิตรและหุ้นส่วนจะทำให้รัสเซียได้รับผลร้ายแรงอย่างทันที.-สำนักข่าวไทย

รมว. กลาโหมสหรัฐเดินหน้ากระชับความสัมพันธ์เวียดนาม

ฮานอย 29 ก.ค. – พลเอกลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐหาทางกระชับความสัมพันธ์กับเวียดนามที่กำลังค่อย ๆ แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ทั้งสองประเทศต่างเฝ้าระวังกิจกรรมของจีนในทะเลจีนใต้ด้วยความระมัดระวังมากขึ้น พลเอกออสตินกล่าวก่อนเข้าร่วมการประชุมกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลเวียดนามในกรุงฮานอยว่า สหรัฐไม่ได้ขอให้เวียดนามเลือกว่าจะอยู่ข้างประเทศใด แต่มีเป้าหมายหลักข้อหนึ่งคือ การสร้างความมั่นใจให้ประเทศพันธมิตรว่า พวกเขามีอิสระและมีพื้นที่ในการวางแผนสำหรับอนาคต อย่างไรก็ดี พลเอกออสตินไม่ได้กล่าวถึงจีนโดยตรง แต่เป็นที่รู้กันในทวีปเอเชียว่าจีนกำลังพยายามทำให้ประเทศต่าง ๆ เลือกอยู่ข้างจีนหรือสหรัฐ เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างทั้งสองชาติมหาอำนาจได้ทวีความรุนแรงขึ้น ขณะที่ประธานาธิบดีเหวียน ซวน ฟุก ของเวียดนามกล่าวในการประชุมร่วมกับพลเอกออสตินเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า เขาตั้งตารอการเดินทางเยือนเวียดนามของนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวไม่เผยนามว่า นางแฮร์ริสมีกำหนดเดินทางเยือนเวียดนามและสิงคโปร์ในเดือนสิงหาคม แม้สหรัฐและเวียดนามมีความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นมากขึ้นเป็นเวลากว่า 40 ปีหลังสงครามเวียดนามสิ้นสุดลงในปี 2518 แต่รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนเคยระบุว่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศยังคงมีข้อจำกัดจนกว่ารัฐบาลเวียดนามจะแก้ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ เวียดนามถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ต่อต้านการอ้างสิทธิเหนือทะเลจีนใต้ของจีนมากที่สุด และได้รับยุทโธปกรณ์ทางทหารของสหรัฐ เช่น เรือตรวจการณ์.-สำนักข่าวไทย

...