“พรศิลป์” ชี้ภาษีทรัมป์ 19% ผลดีอุตสาหกรรมส่งออกอาหารสัตว์ไทย

กรุงเทพฯ 1 ส.ค.-สมาพันธ์ปศุสัตว์ไทยและผู้ประกอบการอาหารสัตว์ ขอบคุณคณะทำงานฝ่ายไทยที่เจรจาลดภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จาก 36% เหลือ 19% มองเป็นสัญญาณดีต่อการขยายการค้าระหว่างสองประเทศ พร้อมยืนยันความพร้อมผลักดันอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และปศุสัตว์ไทยให้ก้าวสู่ตลาดสหรัฐฯ อย่างแข็งแกร่ง นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย และเลขาธิการสมาพันธ์ปศุสัตว์ไทย กล่าวว่า การลดภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมปศุสัตว์และอาหารสัตว์ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันและสร้างโอกาสทางการส่งออกได้มากขึ้น นายพรศิลป์อธิบายเพิ่มเติมว่า การลดภาษีดังกล่าวทำให้ประเทศไทยได้ประโยชน์ทั้งจากการส่งออกและการนำเข้าวัตถุดิบ โดยเฉพาะ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กากถั่วเหลือง ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับภาคปศุสัตว์ และยังช่วยลดต้นทุนการผลิตได้มากขึ้น ขณะเดียวกันยังช่วยลดต้นทุนการนำเข้ากากถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ที่มีราคาถูกกว่าแหล่งอื่นถึง 10 เท่า ซึ่งส่งผลดีโดยตรงต่อผู้ประกอบการในประเทศ นอกจากนี้ สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยยังมีแผนที่จะเร่งสรุป บันทึกความเข้าใจ (MoU) กับ U.S. Grains Council และ U.S. Soybean Export Council (USSEC) เพื่อสร้างความร่วมมือในการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์คุณภาพสูงจากสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะสามารถลงนามความร่วมมือได้ในเร็วๆ นี้ “นี่คือโอกาสสำคัญที่อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ไทยต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เราจะเดินหน้าร่วมมือกับพันธมิตรในสหรัฐฯ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยมีวัตถุดิบคุณภาพดี ต้นทุนที่เหมาะสม และแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน” […]

ส่งออกเครื่องปรับอากาศไทยใช้สิทธิ GSP ไปตลาดสหรัฐฯ พุ่ง

นนทบุรี 4 เม.ย.-กรมการค้าต่างประเทศเผยตัวเลขการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP ส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ สวิตเซอร์แลนด์ กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) และนอร์เวย์ ในเดือนแรกของปี 2566 มูลค่ารวม 281.67 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยตลาดสหรัฐฯ ยังคงครองแชมป์อันดับ 1 ใช้สิทธิสูงถึง 264.77 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศใช้สิทธิ GSP ส่งออกสูงสุด นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยสถิติการใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ GSP ทั้ง 4 ระบบที่ไทยได้รับอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ และกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช มีมูลค่ารวม 281.67 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ สูงถึง 53.56% โดยตลาดสหรัฐอเมริกามีมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยที่ใช้สิทธิ GSP มากที่สุดเป็นอันดับ 1 คิดเป็นสัดส่วน 94% ของมูลค่าการส่งออกรวมที่ใช้สิทธิ GSP ทั้ง 4 ระบบ โดยมีมูลค่าการใช้สิทธิ GSP ส่งออกไปสหรัฐฯ 264.77 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.83% ส่วนการส่งออกไปสวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์และกลุ่ม CIS มีการใช้สิทธิ GSP ลดลง 16.90% 22.14% และ 66.78% ตามลำดับ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและสถานการณ์สงครามระหว่างรัฐเซีย-ยูเครน ทั้งนี้ สินค้าสำคัญที่มีการส่งออกโดยใช้สิทธิไปยังสหรัฐฯ สูงสุดอันดับ 1 คือส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศ มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 44.31 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 176.24% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยสหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นลำดับที่ 1 ของกลุ่มประเทศที่ได้รับสิทธิ GSP จากสหรัฐฯ ซึ่งคาดการณ์ว่าไทยจะมีแนวโน้มการใช้สิทธิฯ เพื่อส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก สหรัฐฯ ยังมีการดำเนินนโยบายตอบโต้ทางการค้าทางด้านภาษีกับจีนอย่างต่อเนื่อง  นอกจากนี้ สินค้าอื่นที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูง คือ อาหารปรุงแต่ง เลนส์แว่นตาทำจากวัสดุอื่นๆ ที่ไม่ใช่แก้ว หีบเดินทางขนาดใหญ่ กระเป๋าใส่เสื้อผ้า และถุงมือยาง สำหรับโครงการ GSP อื่นๆ มีสินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิสูง อาทิ ของผสมของสารที่มีกลิ่นหอมชนิดที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารหรือเครื่องดื่ม (สวิตเซอร์แลนด์) เพชรพลอยรูปพรรณทำด้วยโลหะมีค่าอื่นๆ (สวิตเซอร์แลนด์) ของที่ใช้บรรจุสินค้ารวมทั้งฝาทำด้วยโพลิเมอร์ของเอทิลีน (สวิตเซอร์แลนด์) สูทของสตรีหรือเด็กหญิงทำด้วยขนแกะหรือขนละเอียดของสัตว์ เนื้อสัตว์แปรรูป (นอร์เวย์) อาหารปรุงแต่งอื่นๆ ข้าวที่สีบ้างแล้วหรือสีทั้งหมด และข้าวโพดหวาน (นอร์เวย์) เป็นต้น ทั้งนี้ โครงการ GSP สหรัฐฯ ได้สิ้นสุดอายุไปเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 และขณะนี้สหรัฐฯ อยู่ระหว่างการดำเนินขั้นตอนการต่ออายุโครงการฯ ส่งผลให้ผู้นำเข้าสินค้าที่เคยได้รับสิทธิ GSP สหรัฐฯ จะต้องชำระภาษีในอัตราปกติ (MFN rate) ไปจนกว่าโครงการฯ จะได้รับการต่ออายุ แต่เพื่อเป็นการรักษาสิทธิฯ ผู้นำเข้าสามารถยื่นขอใช้สิทธิ GSP ในการนำเข้าสินค้าได้ตามปกติ โดยที่ผ่านมาสหรัฐฯ จะทำการคืนภาษีเมื่อโครงการฯ ได้รับการต่ออายุแล้ว หากผู้ประกอบการมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสามารถค้นหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th หรือโทรสายด่วน 1385 รวมถึงไลน์แอปพลิเคชันชื่อบัญชี “@gsp_helper” .-สำนักข่าวไทย

กำชับเข้มงวดตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าก่อนส่งออก

โฆษกรัฐบาล เตือนหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้มงวดตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าก่อนส่งออก นายกฯ ห่วงสินค้าไทยขาดความน่าเชื่อถือจากคู่ค้าสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ดีใจโอกาสส่งออกวัตถุดิบอาหารยังพุ่ง ปลื้มผลิตภัณฑ์จากแมลงฮิตในตลาดสหรัฐฯ ต่อเนื่อง

...