ศาลบราซิลห้าม “โบลโซนารู” ยุ่งการเมือง 8 ปี
ศาลตัดสินห้าม “ฌาอีร์ โบลโซนารู” อดีตประธานาธิบดีบราซิล เล่นการเมือง 8 ปี จากข้อกล่าวหากล่าวโจมตีระบบการเลือกตั้ง โดยเฉพาะเครื่องลงคะแนนเสียงอัตโนมัติ
ศาลตัดสินห้าม “ฌาอีร์ โบลโซนารู” อดีตประธานาธิบดีบราซิล เล่นการเมือง 8 ปี จากข้อกล่าวหากล่าวโจมตีระบบการเลือกตั้ง โดยเฉพาะเครื่องลงคะแนนเสียงอัตโนมัติ
บราซิเลีย 14 ม.ค.- ศาลฎีกาบราซิลเห็นชอบเมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นให้เปิดการสอบสวนอดีตประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารูตามที่ถูกกล่าวหาว่า ส่งเสริมให้คนประท้วงต่อต้านประชาธิปไตย เป็นเหตุให้กลุ่มผู้สนับสนุนเขาบุกอาคารที่ทำการรัฐบาลในกรุงบราซิเลีย ผู้พิพากษาศาลฎีกาซึ่งเห็นชอบตามที่อัยการรัฐบาลกลางยื่นขอให้เปิดการสอบสวนกล่าวว่า บุคคลสาธารณะที่ยังคงสมคบคิดกันต่อต้านประชาธิปไตยอย่างขี้ขลาด ด้วยการพยายามสร้างสภาวะยกเว้น (state of exception) ที่ให้อำนาจพิเศษในสถานการณ์วิกฤต จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ด้านสำนักงานอัยการสูงสุดแถลงว่า นายโบลโซนารูที่ปัจจุบันอยู่ในสหรัฐจะถูกอัยการสอบสวนเรื่องอาจเป็นผู้ยุยงและเจ้าของความคิดเรื่องการกระทำต่อต้านประชาธิปไตยที่ทำให้มีการทำลายทรัพย์สินและความรุนแรงในกรุงบราซิลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่พรรคเสรีนิยมหรือพีแอล (PL) ที่นายโบลโซนารูสังกัดอยู่ได้ตระเตรียมทีมทนายความเพื่อแก้ต่างให้แก่เขา ก่อนหน้านี้ศาลฎีกาบราซิลได้สั่งให้จับกุมนายแอนเดอร์สัน ตอร์เรส อดีตรัฐมนตรียุติธรรมและความมั่นคงสาธารณะสมัยรัฐบาลนายโบลโซนารูไปแล้วเรื่องอนุญาตให้เกิดการประท้วงในกรุงบราซิเลีย หลังจากที่รัฐบาลใหม่ของนายลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา แต่งตั้งให้เขาดำรงตำแหน่งเลขาความมั่นคงสาธารณะของกรุงบราซิเลีย นายตอร์เรสซึ่งอยู่ในรัฐฟลอริดาเช่นเดียวกับนายโบลโซรานูเผยว่า จะกลับมามอบตัวด้วยตัวเอง ขณะที่นายโบลโซนารูเผยว่า จะกลับประเทศเร็วกว่ากำหนด.-สำนักข่าวไทย
ฟลอริดา 10 ม.ค.- อดีตประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู ของบราซิลเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลในรัฐฟลอริดาของสหรัฐเมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนเขาประมาณ 1,500 คนถูกจับกุมจากเหตุบุกที่ทำการรัฐในกรุงบราซิเลีย อดีตประธานาธิบดีโบลโซนารูวัย 67 ปี เดินทางไปสหรัฐ 2 วันก่อนหมดวาระเมื่อสิ้นปี 2565 และไม่ได้ส่งมอบตำแหน่งให้แก่นายลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ผู้นำฝ่ายซ้ายวัย 77 ปี ที่ชนะเลือกตั้งเมื่อเดือนตุลาคม เขาเข้าโรงพยาบาลในเมืองออร์ลันโดเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากปวดท้องอันเป็นผลมาจากการที่เขาเคยถูกแทงระหว่างหาเสียงเลือกตั้งปี 2561 แพทย์ระบุว่า เป็นอาการลำไส้อุดตันที่ไม่ร้ายแรง และไม่ถึงขั้นต้องผ่าตัด เขาให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นบราซิลว่า เดิมตั้งใจจะพักอยู่ในสหรัฐจนถึงสิ้นเดือนมกราคม แต่ได้เปลี่ยนใจจะกลับบราซิลเร็วขึ้นแล้วเพื่อพบแพทย์ประจำตัว นายโบลโซนารูมีคดีในศาลฎีกาบราซิลหลายคดี เขาเดินทางไปสหรัฐด้วยวีซ่าที่ออกให้แก่ประมุขของรัฐ นักการทูต และเจ้าหน้าที่รัฐบาล ส.ส. ฮัวคิน กัสโตร พรรคเดโมแครตเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐส่งตัวนายโบลโซนารูกลับประเทศ โดยระบุว่าสหรัฐไม่ควรให้ที่ลี้ภัยแก่เผด็จการที่ปลุกเร้าให้เกิดการก่อการร้ายในประเทศ ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐเผยว่า ผู้เข้าสหรัฐด้วยวีซ่าเจ้าหน้าที่ต่างชาติจะต้องออกจากสหรัฐภายใน 30 วัน หรือยื่นขอเปลี่ยนแปลงสถานะการเข้าเมืองหากไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่แล้ว ขณะเดียวกันทหารบราซิลพร้อมกำลังหนุนจากตำรวจได้รื้อถอนแคมป์ที่ฝ่ายสนับสนุนนายโบลโซนารูปักหลักหน้ากองบัญชาการกองทัพมานาน 2 เดือนตั้งแต่เขาพ่ายการเลือกตั้ง มีผู้ถูกจับกุมไปสอบปากคำประมาณ 1,200 คน หลังจากมีคนถูกจับกุมไปแล้ว […]
วอชิงตัน 9 ม.ค.- ผู้นำทั่วโลกประณามเหตุกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารูของบราซิลบุกอาคารรัฐสภา ทำเนียบประธานาธิบดี และศาลฎีกาเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาบราซิล เพื่อประท้วงรัฐบาลชุดใหม่ที่ชนะเลือกตั้งเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐกล่าวกับสื่อว่า เป็นการกระทำที่อุกอาจ จากนั้นทวีตผ่านทวิตเตอร์ว่า ขอประณามการทำร้ายประชาธิปไตยและการทำร้ายการเปลี่ยนถ่ายอำนาจอย่างสันติในบราซิล สถาบันประชาธิปไตยของบราซิลได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากสหรัฐ เจตนารมณ์ของชาวบราซิลจะต้องไม่ถูกสั่นคลอน เขาพร้อมเดินหน้าทำงานร่วมกับประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ที่เป็นผู้นำคนใหม่ของบราซิล ประธานาธิบดีในอเมริกาใต้หลายคน เช่น อาร์เจนตินา ชิลี โคลอมเบีย เวเนซุเอลา พากันประณามการกระทำของกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีบราซิล และให้กำลังใจประธานาธิบดีลูลา เช่นเดียวกับผู้นำฝรั่งเศสและคิวบา ขณะที่นายโจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปหรืออียูทวีตว่า ตกใจกับการที่กลุ่มสุดโต่งใช้ความรุนแรงและเข้ายึดที่ทำการรัฐบาลบราซิลอย่างผิดกฎหมาย แม้แต่นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี ของอิตาลีที่มีแนวคิดขวาจัดก็ประณามกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตผู้นำบราซิลฝ่ายขวาว่า การก่อเหตุกับที่ทำการรัฐบาลเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้และไม่ใช่การแสดงความเห็นต่างแบบประชาธิปไตย ทวิตเตอร์ของสมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครตสหรัฐหลายคนระบุว่า เหตุการณ์ที่บราซิลเกิดขึ้นในวันที่ 8 มกราคม สองปีเต็มหลังจากกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์บุกรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 หวังล้มล้างการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2563 และมีผู้เสียชีวิต 5 คน สะท้อนว่า สิ่งที่สืบทอดมาจากทรัมป์ยังคงเป็นพิษต่อทวีปอเมริกาอยู่ […]
บราซิเลีย 9 ม.ค.- กลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู ของบราซิลบุกอาคารรัฐสภาในกรุงบราซิเลียเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น และขอให้กองทัพเข้ามาแทรกแซง เพราะไม่พอใจประธานาธิบดีคนใหม่ที่สาบานตนรับตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ก่อน กลุ่มผู้สนับสนุนที่สวมเสื้อสีเหลืองและเขียวซึ่งเป็นสีธงชาติบราซิล ทำลายหน้าต่างอาคารและสร้างความเสียหายขณะบุกเข้าไปตามสำนักงานของสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในอาคารรัฐสภา และได้แห่กันขึ้นบันไดไปยังหลังคาอาคาร คล้ายกับภาพความวุ่นวายเมื่อครั้งกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐบุกอาคารรัฐสภาเมื่อเดือนมกราคม 2564 ประท้วงการสาบานตนของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต่างกันตรงที่เหตุการณ์ที่สหรัฐเกิดขึ้นในวันทำงาน แต่เหตุการณ์ที่บราซิลเกิดขึ้นในวันหยุดจึงไม่มีเจ้าหน้าที่ทำงานในขณะเกิดเหตุ ส่วนที่ด้านนอกอาคารกลุ่มผู้สนับสนุนพากันขว้างปาสิ่งของใส่ตำรวจ ขณะที่ด้านบนมีเจ้าหน้าที่ทิ้งกระป๋องแก๊สน้ำตาลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ที่บินวนอยู่ จนกระทั่งฝูงชนยอมสลายตัวในที่สุด แต่ประกาศว่าจะไม่ยอมถอย กลุ่มผู้สนับสนุนอ้างว่า ประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ที่มีแนวคิดฝ่ายซ้าย วัย 77 ปี ปล้นชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อเดือนตุลาคม 2565 จากอดีตประธานาธิบดีโบลโซนารู ที่มีแนวคิดฝ่ายขวา วัย 67 ปี และเรียกร้องให้กองทัพเข้ามากวาดล้างรัฐสภา นอกจากนี้ยังมีผู้สนับสนุนบางส่วนไปบุกทำเนียบประธานาธิบดีและศาลฎีกาที่อยู่ใกล้กัน ด้านนายโบลโซนารูที่เดินทางออกนอกประเทศ 2 วันก่อนวันส่งมอบตำแหน่ง และไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งตำหนิการบุกรุกที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์.-สำนักข่าวไทย
ผู้สนับสนุนนายฌาอีร์ โบลโซนารู เดินขบวนประท้วง ต่อต้านนายหลุยส์ อินาซิโอ ลูลา ดาซิลวา ที่ได้รับชัยชนะหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดี
บราซิลมียอดผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายวันทะลุ 3,000 คนเป็นครั้งแรก ในขณะที่กำลังประสบปัญหาในการควบคุมยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นจนทำให้โรงพยาบาลหลายแห่งใกล้รับมือไม่ไหว