fbpx

รัสเซียถล่มอาคารพักอาศัยในซาปอริชเชีย ตายสิบกว่าคน

ซาปอริชเชีย 9 ต.ค.- ยูเครนแจ้งว่า รัสเซียโจมตีอาคารพักอาศัยหลายหลังในเมืองซาปอริชเชีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12-17 คน นายอนาโตลี คูร์เตฟ เลขานุการสภาเทศบาลซาปอริชเชียเผยว่า มีจรวดหลายลูกยิงถล่มเข้ามาช่วงกลางดึก ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 คน อาคารพักอาศัยเสียหายยับเยินอย่างน้อย 5 หลัง และเสียหายบางส่วนอีกราว 40 หลัง ขณะที่นายโอเล็กซานเดอร์ สตารุคห์ ผู้ว่าการแคว้นซาปอริชเชียเผยผ่านแอปพลิเคชันเทเลแกรมว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล 49 คน เป็นเด็ก 6 คน อาคารพักอาศัย 5 หลังพังราบ อาคารพักอาศัยขนาด 9 ชั้นพังเสียหายบางส่วน และมีอาคารเสียหายอีกหลายหลังจากการที่รัสเซียยิงจรวดถล่มทั้งหมด 12 ครั้ง คาดว่าอาจมีประชาชนติดอยู่ใต้ซากอาคารอยู่เป็นจำนวน เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังค้นหาอยู่ และช่วยได้แล้ว 8 คนจนถึงขณะนี้ เมืองซาปอริชเชียอยู่ห่างจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียประมาณ 125 กิโลเมตร เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดในยูเครนและยุโรป กองกำลังรัสเซียยึดได้เมื่อต้นเดือนมีนาคมหลังจากบุกยูเครนเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ยูเครนและรัสเซียต่างกล่าวโทษกันว่ายิงใส่โรงไฟฟ้าจนอาคารเสียหาย เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์ครั้งใหญ่.-สำนักข่าวไทย

ยูเครนเผยรัสเซียโจมตีขบวนรถพลเรือน ตาย 23 คน

เคียฟ 30 ก.ย. – ยูเครนระบุว่ารัสเซียได้ยิงโจมตีขบวนรถเพื่อมนุษยธรรมในเมืองซาปอริชเชีย เมืองเอกของแคว้นซาปอริชเชีย ทางตอนใต้ของยูเครน เมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 23 คน และบาดเจ็บ 28 คน โดยทั้งหมดเป็นพลเรือน ผู้ว่าการแคว้นซาปอริชเชียของยูเครนเผยผ่านสื่อโซเชียลมีเดียว่า รัสเซียได้ยิงจรวดโจมตีพื้นที่รอบนอกของเมืองซาปอริชเชีย ในขณะที่ขบวนรถของพลเมืองยูเครนกำลังต่อแถวเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ที่ถูกรัสเซียยึดครองชั่วคราว เพื่อรับญาติและส่งมอบความช่วยเหลือ ทั้งยังระบุว่า ขณะนี้มีรายงานผู้เสียชีวิต 23 คน และผู้บาดเจ็บ 28 คน โดยทั้งหมดเป็นพลเรือน ขณะที่เจ้าหน้าที่ของแคว้นซาปอริชเชียที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซีย กล่าวโทษกองทัพยูเครนว่าเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าว บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานว่า เหตุโจมตีดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย กำลังเตรียมลงนามในพิธีประกาศผนวกแคว้น 4 แห่งของยูเครนที่รัสเซียยึดครอง ได้แก่ แคว้นซาปอริชเชีย โดเนตสก์ ลูฮันสก์ และเคอร์ซอน ในวันนี้ หลังผู้นำแคว้นทั้งสี่ที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซียอ้างผลประชามติที่ชี้ว่าประชาชนเกือบทั้งหมดเห็นด้วยกับการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ซึ่งเป็นการกระทำที่ยูเครนและชาติตะวันตกระบุว่าเป็นเรื่องหลอกลวง. -สำนักข่าวไทย

“ปูติน” ประกาศรับรองเอกราช 2 แคว้นของยูเครน

มอสโก 30 ก.ย. – ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ประกาศกฤษฎีการับรองเอกราชแคว้น 2 แห่งของยูเครนที่รัสเซียยึดครอง ได้แก่ แคว้นซาปอริชเชียและเคอร์ซอน เมื่อช่วงค่ำวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น ก่อนจัดพิธีประกาศผนวกแคว้น 4 แห่งของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอย่างเป็นทางการในวันนี้ ประธานาธิบดีปูตินระบุในกฤษฎีกาว่า เขาขอประกาศรับรองอำนาจอธิปไตยและเอกราชของแคว้นซาปอริชเชียและเคอร์ซอน ทางตอนใต้ของยูเครน เช่นเดียวกับแคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ที่เคยประกาศในเดือนกุมภาพันธ์ ในขณะที่รัสเซียเตรียมจัดพิธีประกาศผนวกแคว้น 4 แห่งของยูเครนที่ถูกรัสเซียยึดครอง ได้แก่ แคว้นซาปอริชเชีย เคอร์ซอน โดเนตสก์ และลูฮันสก์ในวันนี้ ก่อนหน้านี้ รัฐบาลรัสเซียเผยว่า รัสเซียจะจัดพิธีประกาศผนวกแคว้นทั้งสี่เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอย่างยิ่งใหญ่ที่รัฐสภารัสเซียในวันนี้ ขณะที่นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ระบุว่า ประธานาธิบดีปูตินจะกล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญในพิธีดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ผู้นำของแคว้นทั้งสี่ที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซียได้เดินทางถึงกรุงมอสโกในวันพฤหัสบดีเพื่อเข้าร่วมพิธีผนวกดินแดนในวันนี้เช่นกัน ในขณะเดียวกัน ยูเครนระบุว่า ชาติตะวันตกควรตอบโต้แผนการดังกล่าวของรัสเซียอย่างเหมาะสมด้วยการประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียและสนับสนุนกองทัพยูเครนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์มากขึ้น เพื่อให้ยูเครนยึดพื้นที่เหล่านี้คืนจากรัสเซีย ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ เผยเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาในสหรัฐว่า สหรัฐจะไม่มีวันยอมรับข้อกล่าวอ้างของรัสเซียเหนือดินแดนอธิปไตยของยูเครนอย่างเด็ดขาด ส่วนนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น กล่าวว่า เขาไม่ยอมรับแผนการผนวกแคว้นทั้งสี่เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ทั้งยังประณามการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการขยายขอบเขตสงครามที่อันตราย. -สำนักข่าวไทย

รัสเซียขอ IAEA แจงรายงานผลตรวจโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพิ่ม

มอสโก 7 ก.ย. – รัสเซียขอให้สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดบางส่วนที่อยู่ในรายงานผลการตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียที่ถูกรัสเซียยึดครอง แต่ไม่ได้ระบุว่าต้องการให้ไอเออีเออธิบายเกี่ยวกับประเด็นใด นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวกับสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ของทางการรัสเซียว่า รัฐบาลรัสเซียขอให้ไอเออีเอ ซึ่งเป็นหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ในรายงานผลการตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย เขาไม่ขอระบุว่าเป็นประเด็นใดบ้าง แต่ได้ยื่นคำร้องขอให้ชี้แจงรายละเอียดไปยังผู้อำนวยการของไอเออีเอแล้ว ในขณะเดียวกัน สำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียรายงานอ้างคำพูดนางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกหญิงกระทรวงต่างประเทศรัสเซียที่กล่าวหาชาติตะวันตกว่ากดดันภารกิจตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของไอเออีเอ รัสเซียได้ให้ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับที่มาของการระดมยิงโจมตีให้แก่ไอเออีเอ และรู้สึกข้องใจว่า ทำไมไอเออีเอจึงไม่ระบุในรายงานว่ายูเครนเป็นผู้ก่อเหตุยิงโจมตีในพื้นที่ใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย นางซาคาโรวายังอ้างว่า ยูเครนได้ก่อเหตุยิงโจมตีพื้นที่ใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ด้วยความช่วยเหลือจากสหรัฐและชาติตะวันตก อย่างไรก็ดี ยูเครนปฏิเสธว่าไม่ได้โจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย และกล่าวหารัสเซียว่าเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์อันตรายไว้ในโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่รัสเซียระบุว่าไม่เป็นความจริง ก่อนหน้านี้ ไอเออีเอได้เผยแพร่รายงานผลการตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียที่ระบุว่า การระดมยิงโจมตีในพื้นที่ใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์อาจทำให้สารกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลอย่างไร้ขีดจำกัด และอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพรัสเซียที่ตั้งอยู่ที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้อาจเป็นภัยต่อความปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย

IAEA เรียกร้องให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นเขตปลอดภัย

เคียฟ 7 ก.ย. – รายงานของสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ ซึ่งเป็นหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุว่า การระดมยิงโจมตีในพื้นที่ใกล้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาปอริชเชียอาจทำให้สารกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลอย่างไร้ขีดจำกัด และอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพรัสเซียที่ตั้งอยู่ที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้อาจเป็นภัยต่อความปลอดภัย รายงานของไอเออีเอที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารระบุว่า เจ้าหน้าที่ชาวยูเครน 907 คนที่ทำงานในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียต้องเผชิญกับภาวะตึงเครียดอย่างหนักขณะทำงานภายใต้การควบคุมของกองทัพรัสเซีย เจ้าหน้าที่เหล่านี้ควรมีสิทธิได้พบปะกับครอบครัวและทำงานในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ขณะที่การระดมยิงต่อเนื่องของรัสเซียกับยูเครนยังไม่ได้ถึงขั้นทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตกอยู่ในภาวะฉุกเฉิน แต่ก็ทำให้เป็นภัยต่อความปลอดภัยที่อาจนำไปสู่หายนะด้านกัมมันตภาพรังสีอย่างมีนัยสำคัญ ไอเออีเอยังเรียกร้องให้มีการจัดทำข้อตกลงชั่วคราวโดยด่วนเพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นจากปฏิบัติการทางทหาร ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเห็นพ้องในข้อตกลงที่กำหนดให้โรงไฟฟ้าซาปอริชเชียเป็นเขตปลอดภัยทางนิวเคลียร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งยังเตือนว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพรัสเซียที่ตั้งอยู่ในเขตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และการสู้รบในพื้นที่ใกล้เคียงเป็นภัยต่อระบบป้องกันของโรงไฟฟ้าแห่งนี้ และเรียกร้องให้กองทัพรัสเซียเคลื่อนย้ายยานพาหนะทางทหารที่อาจเป็นภัยต่อความปลอดภัยออกจากเขตโรงไฟฟ้า ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวว่า เขารู้สึกพอใจกับรายงานดังกล่าวของไอเออีเอที่ระบุถึงประเด็นเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพรัสเซียในเขตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย การกดดันเจ้าหน้าที่ชาวยูเครน และการยึดครองทางทหารของรัสเซียอย่างชัดเจน ทั้งยังระบุว่า เขาจะสนับสนุนเรื่องการกำหนดให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นพื้นที่ปลอดภัย ถ้าการทำเช่นนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้โรงไฟฟ้าดังกล่าวเป็นเขตปลอดทหาร.-สำนักข่าวไทย

ยูเครนว่าภารกิจของ ‘IAEA’ ไร้ประสิทธิภาพ

เคียฟ 5 ก.ย. – เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนระบุว่า รัฐบาลยูเครนกำลังรอรายงานจากสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ เกี่ยวกับสถานการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียที่ถูกรัสเซียยึดครอง ทั้งยังกล่าวว่า ภารกิจของไอเออีเอไม่มีประสิทธิภาพ นายมิไคโล โปโดเลียก ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ในวันนี้ว่า ยูเครนไม่ทราบเลยว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียที่ไอเออีเอเข้าไปตรวจสอบมีความปกติหรือไม่ ทั้งในด้านความปลอดภัย ระบบระบายความร้อนของเตาปฏิกรณ์ สวัสดิภาพของเจ้าหน้าที่ชาวยูเครนในโรงไฟฟ้า และขั้นตอนการทำงาน เพราะยูเครนยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าภารกิจของไอเออีเอไร้ประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง นายโปโดเลียกยังกล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียควรเป็นการตรวจสอบด้านนิวเคลียร์ที่ต้องมีเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญด้านฟิสิกส์นิวเคลียร์และเทคโนโลยีวิศวกรรมทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ยูเครนที่ทำงานอยู่ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทั้งยังระบุว่า กองทัพรัสเซีย ซึ่งไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย ไม่มีทางประเมินความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้องแน่นอน ก่อนหน้านี้ นายราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการของไอเออีเอ เผยเมื่อวันศุกร์ว่า ไอเออีเอได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้มากขึ้นหลังลงพื้นที่ตรวจโรงไฟฟ้า และได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบยังคงอยู่ที่โรงไฟฟ้าต่อไป. -สำนักข่าวไทย

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดของยูเครนถูกตัดไฟ

เคียฟ 4 ก.ย.- โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดของยูเครนและใหญ่ที่สุดของยุโรปถูกตัดกระแสไฟฟ้าที่จ่ายมาจากภายนอกอีกครั้ง และเป็นกระแสไฟฟ้าจากภายนอกที่เหลืออยู่เป็นแหล่งสุดท้าย ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศหรือไอเออีเอ (IAEA) แจ้งเมื่อวันเสาร์ว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียถูกตัดกระแสไฟฟ้าจ่ายมาจากภายนอกที่เหลืออยู่เป็นแหล่งสุดท้าย ขณะนี้มีเตาปฏิกรณ์เดินเครื่องอยู่เพียงเครื่องเดียวจากทั้งหมด 6 เครื่อง โดยต้องผลิตไฟฟ้าเพื่อให้การเดินเครื่องที่โรงไฟฟ้าเป็นไปอย่างปลอดภัย และเพื่อการใช้ไฟฟ้าของครัวเรือนและภาคธุรกิจ คณะผู้เชี่ยวชาญของไอเออีเอเข้าตรวจสอบโรงไฟฟ้าแห่งนี้เมื่อวันพฤหัสบดี และมีบางคนยังคงอยู่ที่โรงไฟฟ้าเพื่อรอไอเออีเอออกรายงานในอีกไม่กี่วัน ด้านโรงไฟฟ้าแถลงว่า ปิดเตาปฏิกรณ์เครื่องที่ 5 เนื่องจากกองกำลังรัสเซียยังคงยิงถล่มโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง และไฟฟ้าจากภายนอกที่เหลืออยู่เป็นแหล่งสุดท้ายไม่เพียงพอที่จะจ่ายให้แก่เตาปฏิกรณ์ 2 เครื่องพร้อมกัน รัสเซียยึดโรงไฟฟ้าแห่งนี้เมื่อต้นเดือนมีนาคมหลังจากเปิดฉากบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ โดยที่ยังให้บุคลากรชาวยูเครนดูแลการเดินเครื่อง และได้กลายเป็นจุดปะทะหลักของทั้งสองฝ่ายที่ต่างกล่าวโทษอีกฝ่ายว่ายิงถล่มโรงไฟฟ้า สัปดาห์ที่แล้วโรงไฟฟ้าซาปอริชเชียถูกตัดออกจากระบบจ่ายไฟฟ้าระดับประเทศเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มเดินเครื่องครั้งแรกในปี 2528 ทำให้ไฟฟ้าดับทั่วยูเครน เนื่องจากผลิตไฟฟ้าได้ถึงครึ่งหนึ่งของไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วประเทศ และผลิตไฟฟ้าได้กว่า 1 ใน 5 ของไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั่วประเทศ.-สำนักข่าวไทย

ไอเออีเอปักหลักตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในยูเครน

เคียฟ 2 ก.ย. – คณะผู้เชี่ยวชาญของสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ ซึ่งเป็นหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ได้ลงพื้นที่ครั้งแรกเพื่อตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียที่ถูกรัสเซียยึดครองแล้ว และจะยังคงปักหลักอยู่ที่โรงไฟฟ้าดังกล่าวต่อไป นายราฟาเอล กรอสซี หัวหน้าไอเออีเอ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า ความสมบูรณ์ด้านกายภาพของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียถูก “ละเมิดหลายครั้ง” ทั้งยังกล่าวในขณะที่เดินทางกลับถึงดินแดนที่ยูเครนยึดครองว่า คณะผู้เชี่ยวชาญของไอเออีเอจะไม่เดินทางไปไหนทั้งนั้น และจะปักหลักอยู่ที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้ แต่ไม่ได้เปิดเผยว่ามีผู้เชี่ยวชาญของไอเออีเออยู่ที่โรงไฟฟ้าดังกล่าวกี่คนและเป็นเวลานานเท่าใด ทั้งนี้ คณะผู้เชี่ยวชาญของไอเออีเอได้เดินทางไปถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียภายใต้การคุ้มกันของทหารรัสเซีย หลังเกิดเหตุโจมตีขึ้นจนทำให้การเดินทางล่าช้ากว่ากำหนด โดยรัสเซียกับยูเครนต่างกล่าวโทษว่าต่างฝ่ายต่างเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ในขณะเดียวกัน สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ของรัสเซียรายงานว่า มีคณะผู้เชี่ยวชาญของไอเออีเอราว 8-12 คนอยู่ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย ขณะที่อีเนอร์โกอะตอม (Energoatom) รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานของยูเครน ระบุว่า มีคณะผู้เชี่ยวชาญของไอเออีเอ 5 คนอยู่ที่โรงไฟฟ้าดังกล่าวเพื่อประเมินสภาพของโรงไฟฟ้าและพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ชาวยูเครนของโรงไฟฟ้าที่ตกอยู่ใต้การควบคุมของรัสเซีย ด้านประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวเมื่อคืนวันพฤหัสบดีว่า เขาหวังว่าคณะผู้เชี่ยวชาญของไอเออีเอจะสรุปผลการตรวจสอบโรงไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม แต่รู้สึกเสียใจที่ไม่มีนักข่าวต่างประเทศร่วมเดินทางไปกับคณะผู้เชี่ยวชาญในครั้งนี้.-สำนักข่าวไทย  

รัสเซียเผยยูเครนพยายามยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์คืน

เคียฟ 1 ก.ย. – กระทรวงกลาโหมรัสเซียและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซีย เผยว่า กองทัพยูเครนกำลังพยายามบุกยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียที่รัสเซียยึดครองอยู่ ขณะที่เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ มีกำหนดเดินทางลงพื้นที่ตรวจโรงไฟฟ้าดังกล่าวในวันนี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า กองทหารยูเครนราว 60 นายได้นั่งเรือข้ามแม่น้ำดนิโปร ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนของทั้งสองฝ่าย เมื่อเวลา 06.00 น. ของวันนี้ตามเวลาในยูเครน หรือตรงกับเวลา 10.00 น. ของวันนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยจงใจใช้ปฏิบัติการครั้งนี้เพื่อยั่วยุและขัดขวางแผนเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียของไอเออีเอ กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังระบุว่า ได้ใช้มาตรการหลายหลากหลายรูปแบบเพื่อโจมตีกองกำลังของฝ่ายตรงข้าม เช่น การใช้เครื่องบินรบ ทั้งยังกล่าวหายูเครนว่า ยิงปืนใหญ่ใส่จุดนัดพบของคณะผู้แทนจากไอเออีเอและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียอีกด้วย ในขณะเดียวกัน นายวลาดีมีร์ โรกอฟ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของเมืองซาปอริชเชียที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซีย กล่าวกับสถานีโทรทัศน์อาร์ทีของทางการรัสเซียในวันนี้ว่า กองกำลังยูเครนได้เปิดฉากโจมตีในขณะที่คณะเจ้าหน้าที่จากไอเออีเอมีกำหนดเดินทางลงพื้นที่ตรวจโรงไฟฟ้าซาปอริชเชียที่เมืองเอเนอร์โฮดาร์ในวันนี้เพื่อประเมินความเสี่ยงหลังตกอยู่ในสมรภูมิรบระหว่างรัสเซียกับยูเครน ก่อนหน้านี้ รัสเซียได้ยึดโรงไฟฟ้าแห่งนี้จากยูเครนในเดือนมีนาคม โรงไฟฟ้าดังกล่าวตกอยู่ในสมรภูมิรบดุเดือดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากที่ตั้งของโรงไฟฟ้าอยู่ใกล้กับแนวรบด่านหน้า จนทำให้ทั่วโลกหวั่นเกรงว่าอาจเกิดภัยพิบัติทางนิวเคลียร์ได้ ทั้งนี้ รัสเซียกับยูเครนต่างกล่าวโทษกันไปมาว่าแต่ละฝ่ายยิงปืนใหญ่โจมตีพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย

ผอ.ไอเออีเอจะเยือนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในยูเครนสัปดาห์นี้

เวียนนา 29 ส.ค. – นายราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ ระบุว่าเขากำลังเดินทางไปโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียของยูเครนในสัปดาห์นี้ หลังโรงไฟฟ้าแห่งนี้ตกอยู่ในสมรภูมิรบดุเดือด ระหว่างรัสเซียกับยูเครน ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรอสซี ระบุผ่านทวิตเตอร์ในวันนี้ว่า ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่ทีมงานด้านการช่วยเหลือและสนับสนุนซาปอริชเชียของไอเออีเอ กำลังออกเดินทางไปยังโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียในยูเครน ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรป  และจะเดินทางถึงโรงไฟฟ้าดังกล่าวในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ นายกรอสซียังได้โพสต์รูปภาพที่มีตัวเขาพร้อมทีมงานอีก 13 คนสวมหมวกแก๊ปและเสื้อกั๊กที่มีตราสัญลักษณ์ของไอเออีเอ ทั้งนี้ นายกรอสซีได้ออกมาเรียกร้องเป็นเวลานานหลายเดือนเพื่อขอเดินทางไปเยือนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย พร้อมทั้งเตือนว่าโรงไฟฟ้าแห่งนี้มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดหายนะทางนิวเคลียร์ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย ซึ่งมีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 6 เครื่อง ถูกกองทัพรัสเซียยึดครองเพียงไม่นานหลังจากที่รัสเซียเปิดฉากบุกโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ และตกเป็นสมรภูมิด่านรบแนวหน้าระหว่างรัสเซียกับยูเครนนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังกล่าวโทษกันไปมาว่าแต่ละฝ่ายเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีในพื้นที่รอบโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เมืองเอเนอร์โฮดาร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของแคว้นซาปอริชเชีย ก่อนหน้านี้ อีเนอร์โกอะตอม (energoatom) รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานนิวเคลียร์ของยูเครน เผยเมื่อวันเสาร์ว่า โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียมีความเสี่ยงที่จะเกิดรังสีรั่วไหลและไฟไหม้จากการโจมตี ขณะที่องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เรียกร้องให้ยุติกิจกรรมทางทหารในสมรภูมิรบที่อยู่รอบโรงไฟฟ้าแห่งนี้. -สำนักข่าวไทย

ชี้อันตรายยังอยู่แม้ป้อนไฟฟ้าให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แล้ว

ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ที่ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาปอริชเชีย ยังถือว่ามีความเสี่ยงสูงมาก แม้ว่าเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์ 2 เตา จากจำนวน 6 เตาสามารถกลับไปเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าของยูเครนได้แล้ว หลังจากที่การโจมตีทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์

ผู้นำยูเครนเผยโลกรอดพ้นอุบัติเหตุนิวเคลียร์ฉิวเฉียด

เคียฟ 26 ส.ค. – ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ระบุว่าทวีปยุโรปรอดพ้นจากหายนะกัมมันภาพรังสีรั่วไหลมาได้อย่างฉิวเฉียดเมื่อวันพฤหัสบดี หลังโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาปอริชเชีย ที่ถูกรัสเซียยึดครอง ถูกตัดขาดจากระบบไฟฟ้าของยูเครนไปชั่วขณะ ประธานาธิบดีเซเลนสกี กล่าวเมื่อคืนวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า หากเครื่องปั่นไฟพลังงานดีเซลไม่ทำงาน ระบบอัตโนมัติและเจ้าหน้าที่ของยูเครนไม่ได้เร่งดำเนินการแก้ไขหลังเกิดเหตุไฟดับที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย ทั่วโลกคงต้องเผชิญกับหายนะที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุกัมมันภาพรังสีรั่วไหล ขณะที่หน่วยงานด้านนิวเคลียร์ของยูเครน ระบุว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นจากเหตุไฟไหม้ที่ส่งผลกระทบต่อสายไฟฟ้าแรงสูงที่เชื่อมต่อกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียในวันพฤหัสบดี ทำให้โรงไฟฟ้าแห่งนี้ถูกตัดไฟชั่วคราวเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานอ้างภาพถ่ายดาวเทียมเมื่อวันพุธที่แสดงให้เห็นภาพไฟลุกไหม้เป็นวงกว้างในพื้นที่ใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย โดยมีรายงานว่าเหตุไฟไหม้ทำให้สายไฟฟ้าแรงสูงเสียหาย และทำให้เกิดไฟดับที่โรงไฟฟ้าดังกล่าว ขณะที่ประธานาธิบดีเซเลนสกีโทษว่าเหตุดังกล่าวเกิดจากการโจมตีของรัสเซีย และกล่าวหารัสเซียว่าทำให้ยูเครนและทวีปยุโรปเกือบตกอยู่ในหายนะครั้งใหญ่ ด้านผู้ว่าการเมืองซาปอริชเชียที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซีย กล่าวโทษยูเครนว่าเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ดังกล่าวเอง ทั้งยังกล่าวหาว่ายูเครนเป็นฝ่ายทำให้ไฟฟ้าดับในพื้นที่นี้ ทั้งนี้ ทั่วโลกกำลังรู้สึกวิตกกังวลมากขึ้นจากสถานการณ์สู้รบในพื้นที่ใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรป.-สำนักข่าวไทย

1 2
...