อ.เกษตรสมบูรณ์ น้ำท่วมยังไม่พ้นวิกฤติ ครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจ
อิทธิพลพายุคมปาซุ ทำชัยภูมิฝนตกหนัก เกิดน้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งลำน้ำพรม ไหลทะลักท่วมตัว อ.เกษตรสมบูรณ์ เป็นวันที่ 2
อิทธิพลพายุคมปาซุ ทำชัยภูมิฝนตกหนัก เกิดน้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งลำน้ำพรม ไหลทะลักท่วมตัว อ.เกษตรสมบูรณ์ เป็นวันที่ 2
เพิ่งทำความสะอาดบ้านได้แค่วันเดียว ฤทธิ์พายุ “คมปาซุ” ทำชัยนาทฝนตกทั้งคืน ท้ายเขื่อนที่ อ.สรรพยา สูงขึ้น 23 ซม. ล้นตลิ่งท่วมบ้านงิ้ว ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา กว่า 100 หลัง
อิทธิพลพายุ “คมปาซุ” ทำโคราชฝนตกหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ อ.ด่านขุนทด และโนนไทย มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อยู่ที่ 14 ล้านลูกบาศก์เมตร
อุตุฯ เผยพายุ “คมปาซุ” ในเวียดนามตอนบน อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนลดลง
แม้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเริ่มลดลง แต่หลายพื้นที่ยังคงได้รับผลกระทบหนักจากน้ำที่ท่วมขัง
มะนิลา 14 ต.ค. – ฟิลิปปินส์ระบุวันนี้ว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 19 รายจากเหตุพายุโซนร้อน “คมปาซุ” กำลังแรง ที่พัดผ่านฟิลิปปินส์ในช่วงสัปดาห์นี้ ซึ่งทำให้เกิดดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลันทั่วประเทศ โดยคาดว่าปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากมีความเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โฆษกสำนักงานภัยพิบัติแห่งชาติของฟิลิปปินส์เผยว่า พายุคมปาซุทำให้ฟิลิปปินส์มีปริมาณน้ำฝนที่ตกในช่วง 2 วันที่ผ่านสูงกว่าปริมาณมาณน้ำฝนรายเดือนในขณะที่พายุดังกล่าวกำลังเคลื่อนตัวผ่านฟิลิปปินส์ในสัปดาห์นี้ และยังทำให้มีฝนตกหนักกว่าในช่วงที่ฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับพายุไต้ฝุ่นเกดสะหนา หรือที่ชาวฟิลิปปินส์รู้จักกันในชื่อ พายุโซนร้อนโอนโดย ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในปี 2552 และทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยราย ทั้งนี้ หลายจังหวัดบนเกาะลูซอน ซึ่งเป็นเกาะที่มีประชากรมากที่สุดของฟิลิปปินส์ เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุดังกล่าวมากที่สุด มีพื้นที่เกษตรจำนวนมากและบ้านเรือนหลายร้อยหลังได้รับความเสียหายคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านเปโซ (663 ล้านบาท) โฆษกคนนี้ระบุด้วยว่า พายุคมปาซุเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกี่ยวกับอันตรายทางธรรมชาติที่เพิ่มมากขึ้น และทำให้ระบบจัดการภัยพิบัติของฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับความท้าทายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทุกครั้ง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะเพิ่มความเสี่ยงและความรุนแรงของน้ำท่วมที่เกิดจากฝนตกหนัก.-สำนักข่าวไทย
ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี สั่งเร่งระบายน้ำใน อ.บ้านหมี่ ให้เร็วที่สุด เพราะน้ำเริ่มเน่าเสีย พร้อมวางแผนเตรียมรับมือพายุลูกใหม่ “คมปาซุ”
กรมอุตุนิยมวิทยา เฝ้าระวังสถานการณ์พายุ “คมปาซุ” ที่คาดว่าอาจขึ้นฝั่งเวียดนามในวันที่ 13 – 14 ตุลาคม คาดอาจทำให้ภาคอีสานเกือบทั้งหมดมีฝนตก
กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40%