อิสราเอล-ยูเออีหวังผลเศรษฐกิจหลังผูกสัมพันธ์
ดูไบ 20 ส.ค.- อิสราเอลและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออี (UAE) คาดหวังผลทางเศรษฐกิจจากการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในระดับปกติที่ประกาศไปเมื่อสัปดาห์ก่อนและจะมีการลงนามใน 3 สัปดาห์ผ่านแอปพลิเคชันซูมเพราะสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ยูเออีเป็นประเทศริมอ่าวอาหรับหรืออ่าวเปอร์เซียประเทศแรกและอาหรับประเทศที่สามที่สถาปนาความสัมพันธ์ระดับปกติกับอิสราเอล ตามหลังอียิปต์และจอร์แดนที่ลงนามในปี 2522 และ 2537 ตามลำดับ นักวิจัยศูนย์น้ำมันโลก สภาแอตแลนติกในสหรัฐชี้ว่า อิสราเอลและยูเออีน่าจะได้ประโยชน์อย่างมากจากความสัมพันธ์นี้ อิสราเอลต้องการซื้อน้ำมันจากยูเออี ขณะที่ยูเออีต้องการลงทุนในอุตสาหกรรมไฮเทค อุปกรณ์ทางการแพทย์ เทคโนโลยีการเงิน และการสื่อสารของอิสราเอล นอกจากนี้ยูเออียังเป็นจุดหมายท่องเที่ยวแห่งใหม่ของชาวอิสราเอลที่เดิมไปเที่ยวแต่สหรัฐและยุโรป สถานีโทรทัศน์ในอิสราเอลอ้างกระทรวงเศรษฐกิจที่คาดว่า จะส่งออกไปยูเออีได้ปีละ 300-500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9,435-15,725 ล้านบาท) และยูเออีจะมาลงทุนในอิสราเอลมากถึงปีละ 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 11,007 ล้านบาท) เศรษฐกิจของยูเออีที่มีความหลากหลายมากที่สุดในภูมิภาคนี้หดตัวร้อยละ 3.5 ในไตรมาสแรกของปีหลังจากเติบโตปานกลางมาสองปีติดต่อกัน ขณะที่เศรษฐกิจอิสราเอลกำลังถดถอยอย่างหนักหลังจากขยายตัวมาหลายปี อัตราว่างงานเพิ่มพรวดจากร้อยละ 3.4 ในเดือนกุมภาพันธ์เป็นร้อยละ 23.5 ในเดือนพฤษภาคม ทางการคาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวร้อยละ 6.2 ในปีนี้.-สำนักข่าวไทย