รู้จัก “ไพรินทร์ ชูโชติถาวร” เจ้าของแนวคิดโครงการ “คนละครึ่ง”

11 ธ.ค. – โครงการ “คนละครึ่ง” ที่กำลังคึกคักกันอยู่ในเวลานี้ ถือเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ประสบความสำเร็จและตรงใจ ตรงเป้า โดยเฉพาะกลุ่มคนระดับฐานรากที่เป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศมากที่สุดก็ว่าได้ ซึ่งเจ้าของแนวความคิดที่ออกมาเป็นโครงการนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ คุณไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม อดีตซีอีโอของ ปตท. ปัจจุบันเป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการบริหารเศรษฐกิจ ภายใต้ ศบศ.เป็นหนึ่งในนักคิดนโยบายคนละครึ่งที่ประสบความสำเร็จ​ที่ปัจจุบันคนใช้กันแยอะ​มาก คุณไพรินทร์​ บอกว่าที่มาของโครงการคนละครึ่ง คือ​ ดูจากโมเดลการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ​ช่วงการระบาดของโรคซาร์ในสาธารณรัฐประชาชนจีน​ ที่ดึงคนเข้าสู่ระบบโมบายแบงก์​กิ้งได้​ จึงนำมาใช้กับไทย​ และปัจจุบัน​เห็นว่าคนไทยตั้งแต่เอสเอ็มอี​ร้านค้าเล็ก ๆ​ พนักงาน​ เจ้าหน้าที่รัฐ ต่างก็สามารถใช้โมบายแบงก์กิ้งในการใช้จ่ายได้อย่างคล่องแคล่วช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย​ ยอดขาย​ ยอดผลิต​ จากคนเล็กๆ มาเอสเอ็มอี​ มาถึงโรงงาน​ คุณ​ไพรินทร์​ ก็ยังเป็นคีย์​แมนหลักผลักดันวังจันทร์​วัลเลย์เมืองนวัตกรรมในพื้นที่อีอีซี​ เพื่อให้เกิดนวัตกรรม​สร้างความสามารถการแข่งขันของประเทศระยะยาว​ โดยมองว่าตัวเองเป็นนักคิด​ และทุกคนร่วมเป็นนักคิดด้วยเช่นกัน​ แม้จะเกษียณอายุแล้ว​ หากไม่หยุดติดตามสถานการณ์​โลกทุกแง่มุม​ นำมาหาทางช่วยพัฒนาประเทศ​ แน่นอนว่าก็จะทำให้ไทยผ่านพ้นวิกฤตด้านต่างไปได้ ทางทีมข่าวสำนักข่าวไทยมีโอกาสพิเศษ​สัมภาษณ์​คุณไพรินทร์ ในเรื่องต่างๆ ซึ่งสามารถติดตามรายละเอียดได้ในรายการนาทีลงทุน วัน​อังคารที่ 15 ธันวาคมนี้ .- สำนักข่าวไทย

โควิด 19 สติ ความกลัว และความกล้า…

.. บทความพิเศษ (4)…โดย ไพรินทร์​ ชูโชติถาวร​ ในการประชุมครั้งหนึ่งเกี่ยวกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ​ไทย หลังการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19  ได้มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งพูดขึ้นมาว่า เหตุการณ์​ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่พวกเราทั้งหลายได้ร่วมใจต่อสู้กันมาด้วยดี จนประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นจนเป็นที่ประจักษ์แล้วนั้น จะว่าไปแล้วก็เหมือนกับการดูหนังผีที่พอดูไปมาก ๆ แล้วก็เกิดอินกับเนื้อเรื่องมาก จนกลายเป็นคนกลัวผีหรือเชื่อว่าผีมีจริง… ทำไมข้าราชการผู้นั้นจึงพูดเช่นนั้น… ถ้าจะย้อนเหตุการณ์​กลับไปดูเหตุการณ์​ช่วงปลายเดือนมีนาคม เมื่อการระบาดของเชื้อไวรัสกำลังเข้าสู่พีค และมีการระบาดติดเชื้อในประเทศกันวันละเกินร้อย  จนดูเหมือนว่าสถานการณ์​จะเอาไม่อยู่แล้ว รัฐบาลจึงต้องออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน​ เพื่อจัดการกับการระบาดอย่างเด็ดขาด ไม่ให้เกินกว่าความสามารถของระบบสาธารณสุข​ที่มีอยู่จะรองรับไว้ได้ ซึ่งตอนนั้นเรียกว่า Flattened the curve… แต่แล้วด้วยความสามารถอันยอดเยี่ยมของระบบสาธารณ​สุขไทย และอาจจะเพราะพระบารมีของพระสยามเทวาธิราช​ ฯลฯ เราสามารถกำหราบเชื้อไวรัสได้อย่างราบคาบ จนไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศอีกเลยตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภา​คม จากนั้นมาจึงเป็นช่วงของการเฝ้าระวังไม่ให้มีการติดเชื้อซ้ำหรือการระบาดรอบสอง ที่เรามักใช้คำว่าไม่ให้การ์ดตก เป้าหมายจึงเริ่มแปรเปลี่ยนจาก Flattered the curve ไปเป็น Zero infection…. พอพูดคำว่า “ไม่ให้การ์ดตก”​ ซ้ำ ๆ กันทุกวันกันมาเป็นเวลาหลายเดือน คนไทยหลายคนจึงเริ่มเชื่อกันว่าการที่จะรักษาไม่ให้มีการระบาดติดเชื้อภายในประเทศไทยเลยตลอดไปเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ และเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องรักษาไว้เหนือสิ่งอื่นใด อันดูได้จากเหตุการณ์​กรณี​ทหารอียิปต์​ที่ระยอง และเหตุการณ์​กรณี​ทหารอเมริกัน​ใน กทม… นี่กระมังที่เป็นที่มาของอุปมา​ที่ว่า “เหมือนดูหนังผีจนเชื่อเรื่องผี”​ […]

ถึงเวลาคิดทบทวน เรื่องโควิด-19แล้ว

ประเทศไทยได้รับคำชื่นชมในการสกัดกั้นการระบาดของ โรคโควิด-19 ได้ที่สุดประเทศหนึ่งของโลกสิ่งที่ต้องมาคิดกันต่อก็คือ แล้วต่อจากไปจะเป็นอย่างไร…

ศบศ.เสนอแผนสะพานไทยกระตุ้นเศรษฐกิจ

ศบศ.เตรียมมาตรการดึงเงินเป๋าใหญ่ คนรวยใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ และเสนอแผนสร้างสะพานข้ามทะเล 9 แสนล้านบาท เชื่อมอีอีซีและภาคใต้

“ไพรินทร์” ไม่คิดรับตำแหน่ง รัฐมนตรี ขอทำงานช่วยชาติ

“ไพรินทร์ ชูโชติถาวร” เปิดใจ ไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรีใดใด พร้อมทำงานร่วม เพียงช่วยชาติ ไม่มีเป้าหมายทางการเมือง ย้ำ ศบศ.จะทยอย สร้างผลงานด้านเศรษฐกิจต่อเนื่อง ฟื้นจาก โควิด-19 ทุกด้าน

...