บราซิลแล้งจัดจนโลมาตาย
บราซิลกำลังเผชิญกับปัญหาภัยแล้งอย่างรุนแรง โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มน้ำแอมะซอนที่เวลานี้ลำน้ำสาขาสายต่างๆ มีระดับน้ำลดลงต่ำเป็นประวัติการณ์จนทำให้โลมาน้ำจืดต้องล้มตายเป็นจำนวนมาก
บราซิลกำลังเผชิญกับปัญหาภัยแล้งอย่างรุนแรง โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มน้ำแอมะซอนที่เวลานี้ลำน้ำสาขาสายต่างๆ มีระดับน้ำลดลงต่ำเป็นประวัติการณ์จนทำให้โลมาน้ำจืดต้องล้มตายเป็นจำนวนมาก
วิลสัน สุนัขติดตามตัวอายุ 6 ขวบ ที่ช่วยเหลือในการค้นหาเด็ก ๆ ชนพื้นเมืองพี่น้อง 4 คนที่รอดชีวิตจากเครื่องบินตกและหลงอยู่ในป่าแอมะซอนในโคลอมเบียเป็นเวลาราว40 วัน แต่ตอนนี้กลายมาเป็นเป้าหมายในการค้นและช่วยเหลือเสียเอง
ผู้นำโคลอมเบีย เดินทางไปเยี่ยมเด็กกลุ่มชาติพันธุ์ 4 คน ที่โรงพยาบาลในกรุงโบโกตา หลังรอดจากเหตุเครื่องบินตกและต้องใช้ชีวิตในป่าแอมะซอนนานกว่า 40 วัน ก่อนได้รับการช่วยเหลือ
ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตร ของโคลอมเบียกล่าววันศุกร์ว่า เด็กชนพื้นเมือง 4 คนที่สูญหายไปเป็นเวลานานกว่า 1 เดือนในป่าฝนแอมะซอนในโคลอมเบียหลังจากเครื่องบินเล็กที่พวกเขาโดยสารมาเกิดอุบุติเหตุตก ถูกพบรอดชีวิตทั้ง 4 คน
โบโกตา 20 พ.ค.- ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตร ของโคลอมเบียยกเลิกการกล่าวอ้างว่า พบเด็กชนพื้นเมือง 4 คนที่หายไปนานกว่า 2 สัปดาห์ หลังจากเครื่องบินตกกลางป่าแอมะซอน ประธานาธิบดีเปโตรทวีตผ่านทวิตเตอร์เมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า ได้ลบทวีตเมื่อคืนวันพุธที่เขาประกาศว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบเด็กทั้ง 4 คน ซึ่งมีทารกวัย 11 เดือนรวมอยู่ด้วย ในสภาพที่มียังชีวิตอยู่ เขาขอโทษในเรื่องดังกล่าว กองทัพและชุมชนชนพื้นเมืองจะเดินหน้าค้นหาอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยเพื่อหาคำตอบในเรื่องที่ทั้งประเทศรอคอย สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้คือ ชีวิตของเด็ก ๆ ทั้งนี้การที่ผู้นำโคลอมเบียทวีตเมื่อคืนวันพุธว่า พบเด็กทั้งหมดแล้ว เป็นเรื่องน่ายินดีของทั้งประเทศ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดใด ๆ ว่าพบเด็กที่ไหน อย่างไร หรือเด็กมีชีวิตรอดกลางป่าได้อย่างไร ทำให้ผู้คนพากันตั้งข้อสังสัย ทหารมากกว่า 100 นายพร้อมสุนัขได้ออกค้นหาเด็ก 4 คน อายุตั้งแต่ 11 เดือน, 4 ปี, 9 ปี และ 13 ปี ที่สูญหายไปหลังเกิดเหตุเครื่องบินตกกลางป่าแอมะซอนในส่วนที่อยู่ในจังหวัดคาเกตา ทางใต้ของโคลอมเบียเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม และพบศพผู้ใหญ่ […]
ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตร ของโคลอมเบีย เผยว่า เด็กชนพื้นเมือง 4 คน ซึ่งมีทารกวัย 11 เดือนรวมอยู่ด้วย รอดชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกกลางป่าแอมะซอนส่วนที่อยู่ในโคลอมเบีย เมื่อกว่า 2 สัปดาห์ก่อน
วอชิงตัน 5 ม.ค.- แอมะซอน (Amazon) อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของสหรัฐประกาศจะเลิกจ้างพนักงานมากกว่า 18,000 ตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน นายแอนดี แจสซี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอ (CEO) แอมะซอนแจ้งพนักงานว่า บริษัทจะเลิกจ้างพนักงานมากกว่า 18,000 ตำแหน่ง หลังจากที่ประกาศเลิกจ้าง 10,000 ตำแหน่งไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 คณะผู้บริหารตระหนักอย่างยิ่งว่าเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับพนักงาน จึงไม่ใช่การตัดสินใจอย่างง่าย ๆ บริษัทกำลังจัดทำมาตรการสนับสนุนพนักงานที่ได้รับผลกระทบ ทั้งเรื่องค่าจ้าง การประกันสุขภาพ และการหางานใหม่ โดยจะเริ่มแจ้งพนักงานที่ถูกเลิกจ้างตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม และการเลิกจ้างบางส่วนจะอยู่ในยุโรป ซีอีโอของแอมะซอนระบุด้วยว่า สาเหตุที่แจ้งกะทันหันเนื่องจากมีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งได้ปล่อยข่าวนี้ให้แก่บุคคลภายนอกแล้ว บริษัทได้ฝ่าฟันเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและยากลำบากมาแล้ว และจะฝ่าฟันต่อไป แอมะซอนมีการจ้างงานอย่างรวดเร็วในช่วงที่โควิด-19 ระบาด เพื่อรับมือกับความต้องการส่งสินค้าสั่งซื้อออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน โดยได้จ้างงานเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าระหว่างต้นปี 2563 ถึงต้นปี 2565 และมีพนักงานทั่วโลกทั้งหมด 1 ล้าน 5 แสน 4 หมื่นคนนับจนถึงสิ้นเดือนกันยายน ไม่รวมพนักงานชั่วคราวที่จ้างเพิ่มในช่วงเทศกาลจับจ่าย.-สำนักข่าวไทย
ซีแอตเทิล 18 พ.ย.- แอมะซอน (Amazon) เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซใหญ่ของสหรัฐยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐว่า เริ่มทยอยเลิกจ้างพนักงานแล้ว หลังจากมีข่าวลือมาหลายวัน นายแอนดี แจสซี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอ ของแอมะซอนระบุในบันทึกภายในที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของบริษัทว่า เศรษฐกิจขณะนี้ยังคงอยู่ในจุดที่ท้าทาย และในช่วงหลายปีที่ผ่านมาบริษัทได้จ้างงานคนเพิ่มขึ้นมาก บริษัทได้เริ่มกระบวนการเลิกจ้างแล้วและจะดำเนินต่อไปจนถึงต้นปีหน้า แต่ไม่ได้ยืนยันเรื่องที่สื่อในสหรัฐรายงานว่า แอมะซอนและธุรกิจในเครือจะเลิกจ้างพนักงานประมาณ 10,000 คน พนักงานที่ถูกเลิกจ้างเป็นทีมแรก ๆ คือคนที่ทำงานเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของแอมะซอนอย่างคินเดิล ซึ่งเป็นอุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่ร้านสาขาก็จะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน นายแจสซีระบุด้วยว่า การตัดสินใจครั้งนี้ถือว่ายากเย็นที่สุดนับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งซีอีโอแอมะซอนเมื่อ 18 เดือนก่อน ทั้งนี้หากแอมะซอนเลิกจ้างพนักงาน 10,000 คนตามข่าว จะคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึงร้อยละ 1 ของพนักงานทั้งหมด 1 ล้าน 5 แสน 4 หมื่นคนทั่วโลกเมื่อนับถึงสิ้นเดือนกันยายน แอมะซอนจ้างงานคนเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากไตรมาสแรกของปี 2563 เป็น 1 ล้าน 6 แสน 2 หมื่นคนในไตรมาสแรกของปี 2565 เนื่องจากมาตรการจำกัดการระบาดของโควิดทำให้ธุรกิจออนไลน์เฟื่องฟู แต่เมื่อเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว แอมะซอนได้ประกาศระงับการจ้างพนักงานใหม่เมื่อ […]
นิโคล คิดแมน ดาราสาวชาวออสเตรเลีย ได้รับการยกเว้นไม่ต้องกักตัวเพื่อดูอาการเมื่อเธอเดินทางไปฮ่องกงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่ฮ่องกงกำลังจะเริ่มใช้มาตรการควบคุมการเดินทางอย่างเข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่จะมีผลบังคับใช้ในเวลาเที่ยงคืนของวันนี้
เจฟฟ์ เบโซส มหาเศรษฐีชาวอเมริกันที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ประสบความสำเร็จในการท่องอวกาศด้วยจรวดนิว เชพเพิร์ดของบลู ออริจิน บริษัทพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศที่เขาก่อตั้งขึ้น ทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีคนที่สองที่สานฝันและบุกเบิกธุรกิจท่องเที่ยวอวกาศ
ซีแอตเทิล 4 ก.ค.- เจฟฟ์ เบโซส มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกเตรียมส่งมอบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของแอมะซอน บริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติในวันที่ 5 กรกฎาคมนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อมุ่งทำธุรกิจอื่นที่สนใจ เบโซสวัย 57 ปี จะมอบตำแหน่งซีอีโอให้แอนดี แจสซี ซีอีโอแอมะซอนเว็บเซอร์วิสวัย 53 ปี เพื่อไปทำธุรกิจสำรวจอวกาศเอกชน ทำงานการกุศล และงานอื่น ๆ ที่สนใจ แต่จะยังคงดำรงตำแหน่งประธานบริหารของบริษัทที่เขาสร้างขึ้นเมื่อ 27 ปีก่อน เขาขยายธุรกิจจากเว็บไซต์ขายหนังสือไปสู่บริการอีคอมเมิร์ซ บริการประมวลผลบนระบบคลาวด์ ปัญญาประดิษฐ์และอื่น ๆ จนปัจจุบันมีมูลค่าตลาดมากกว่า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 54.61 ล้านล้านบาท) นักวิเคราะห์ชี้ว่า เขาไม่ใช่ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซเจ้าแรกหรือเจ้าเดียว แต่ให้บริการอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ สาเหตุที่แอมะซอนเอาชนะคู่แข่งได้ เพราะเบโซสลงทุนเรื่องสร้างเครือข่ายโลจิติกส์อย่างกว้างขวางและครอบคลุม ขณะเดียวกันสมาชิกสภาสหรัฐกำลังหาทางทำให้บริษัทไฮเทครายใหญ่ รวมทั้งแอมะซอน ต้องแตกเป็นบริษัทเล็ก เพราะเกรงเรื่องครอบงำตลาดจนเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ด้านนักเคลื่อนไหวติงว่า แอมะซอนใช้งานพนักงานที่มีอยู่กว่า 800,000 คนราวกับเครื่องจักร แม้อ้างว่าจ่ายค่าแรงขั้นต่ำชั่วโมงละ 15 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว […]
แอมะซอน อิงค์ บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของสหรัฐเผยว่า พนักงานบริการส่วนหน้าในสหรัฐกว่า 19,000 คนป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.44 ของพนักงานทั้งหมด