เหตุไม่สงบ

มะนิลา 28 พ.ย.- รัฐบาลฟิลิปปินส์และกลุ่มกบฏคอมมิวนิสต์ตกลงฟื้นการเจรจาสันติภาพอีกครั้ง เพื่อยุติการก่อเหตุไม่สงบที่ดำเนินมาหลายทศวรรษ รัฐบาลฟิลิปปินส์และกลุ่มกบฏคอมมิวนิสต์ระบุในแถลงการณ์ร่วมที่ลงนามในกรุงออสโลของนอร์เวย์เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนว่า ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องตามแนวทางการแก้ไขที่มีหลักการและสันติต่อความขัดแย้งที่มีการสู้รบกัน โดยยอมรับว่ามีความคับข้องใจทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองแบบหยั่งรากลึก และตกลงที่จะร่างกรอบกำหนดประเด็นสำคัญในการเจรจาสันติภาพ การก่อเหตุไม่สงบในฟิลิปปินส์เริ่มขึ้นในปี 2502 โดยเป็นผลจากแนวคิดคอมมิวนิสต์ในระดับโลกที่มาเติบโตในฟิลิปปินส์ ประเทศที่มีช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนสูงมาก การเคลื่อนไหวของกลุ่มกบฏคอมมิวนิสต์ในฟิลิปปินส์ถึงจุดสูงสุดในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980 ทางกลุ่มอ้างว่ามีนักรบมากถึง 26,000 คน กองทัพฟิลิปปินส์ระบุว่า ตัวเลขนี้ลดลงเหลือเพียงไม่กี่พันคนในขณะนี้ รัฐบาลฟิลิปปินส์เจรจาสันติภาพกับกลุ่มกบฏคอมมิวนิสต์มาตั้งแต่ปี 2529 ผ่านฝ่ายการเมืองของกลุ่มที่ตั้งอยู่ในเนเธอร์แลนด์ การเจรจามีความหวังอย่างยิ่งเมื่อนายโรดริโก ดูเตอร์เตได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในปี 2559 เนื่องจากเขาประกาศตัวว่าเป็นนักสังคมนิยม แต่เขาได้ประกาศให้กลุ่มนี้เป็นกลุ่มก่อการร้ายในปี 2560 โดยกล่าวหาว่า สังหารทหารตำรวจในระหว่างที่ยังมีการเจรจากัน รัฐบาลอ้างในช่วงหลายปีมานี้ว่า สมาชิกกบฏหลายร้อยคนได้เข้ามอบตัวกับทางการ แลกกับความช่วยเหลือทางการเงินและโอกาสในการดำเนินชีวิต.-สำนักข่าวไทย

อัลมาตี 4 ก.ค.- อุซเบกิสถานซึ่งเป็นประเทศในเอเชียกลางแจ้งว่า มีผู้เสียชีวิต 18 คน บาดเจ็บ 243 คน จากเหตุไม่สงบที่เกิดขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เรื่องแผนการจำกัดอำนาจการปกครองตนเองของสาธารณรัฐที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ สำนักงานกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติของอุซเบกิสถานแถลงวันนี้ว่า เจ้าหน้าที่สลายการประท้วงในสาธารณรัฐการากัลปักสถานเมื่อวันศุกร์ มีผู้ถูกควบคุมตัว 516 คน แต่ส่วนใหญ่ได้รับการปล่อยตัวแล้ว ผู้ประท้วงไม่พอใจแผนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยกเลิกสถานภาพการปกครองตนเองของสาธารณรัฐการากัลปักสถาน รายงานของทางการระบุว่า ผู้ประท้วงเคลื่อนขบวนทั่วเมืองนูคูสที่เป็นเมืองเอกของสาธารณรัฐ แล้วพยายามบุกยึดที่ทำการรัฐบาลท้องถิ่น ด้านประธานาธิบดีอุซเบกิสถานประกาศยกเลิกแผนการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันถัดมา และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 1 เดือนในสาธารณรัฐดังกล่าว ประธานพรรคฝ่ายค้านอุซเบกิสถานประณามทางการที่ใช้กำลังกับผู้ประท้วง ทั้งที่ควรเลือกใช้การเจรจาตั้งแต่ต้น เขาเกรงว่าสถานการณ์จะบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งทางเชื้อชาติระหว่างชาวอุซเบก ซึ่งเป็นชนส่วนใหญ่ของประเทศกับชาวการากัลปัก ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีภาษาของตนเอง เดิมสาธารณรัฐการากัลปักสถานเป็นเขตปกครองตนเองในสหภาพโซเวียต ต่อมากลายเป็นส่วนหนึ่งของอุซเบกิสถานในปี 2479 มีประชากรเกือบ 2 ล้านคน.-สำนักข่าวไทย