หนังสือพิมพ์

ลอนดอน 19 มี.ค.- หนังสือพิมพ์ในอังกฤษหลายฉบับนำเสนอข่าวของแคเธอรินหรือเคท เจ้าหญิงแห่งเวลส์ว่า ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงตามภาพที่ปรากฎเป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงคริสต์มาสเมื่อปีที่แล้ว เจ้าหญิงแห่งเวลส์ พระชายาในเจ้าชาย วิลเลียม องค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์อังกฤษ ทรงรับการผ่าตัดและพักฟื้นในโรงพยาบาลตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้ และเพิ่งมีการเปิดเผยภาพวิดีโอของพระองค์พร้อมกับเจ้าชายวิลเลียมเมื่อวานนี้  หนังสือพิมพ์เดอะซันและเดลีเมลได้นำภาพจากวิดีโอดังกล่าวมาตีพิมพ์ลงหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ฉบับวันนี้ ก่อนหน้านี้ในสื่อสังคมออนไลน์มีการคาดเดาไปต่าง ๆ นานาถึงพระอาการประชวรของพระองค์ อย่างไรก็ตามสำนักพระราชวังอังกฤษยังคงไม่เปิดเผยว่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ทรงประชวรด้วยโรคอะไร เพียงแต่ระบุว่า ไม่ใช่โรคมะเร็งและการผ่าตัดเป็นไปด้วยดี และพระองค์จะไม่ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจจนกว่าจะสิ้นสุดเทศกาลอีสเตอร์ปลายเดือนนี้ไปแล้ว.-812(814).-สำนักข่าวไทย

ลอนดอน 6 ก.พ.- หนังสือพิมพ์ในอังกฤษพร้อมใจกันถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 หลังจากสำนักพระราชวังประกาศข่าวทรงพระประชวรด้วยโรคมะเร็ง สื่อเกี่ยวกับราชวงศ์คาดหวังว่า การที่เจ้าชายแฮร์รีจะเสด็จกลับมาเยี่ยมพระราชบิดาจะเป็นสัญญาณของการกลับมาปรองดองกันอีกครั้ง หนังสือพิมพ์ในอังกฤษทั้งรายใหญ่และรายเล็กพร้อมใจกันถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ให้ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ หนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่เผยแพร่ข่าวที่สำนักพระราชวังประกาศเมื่อวันจันทร์เรื่องทรงพระประชวรเต็มหน้าหนึ่ง หลายฉบับระบุว่าเป็นข่าวที่น่าตกใจ และรายงานว่าพระองค์ทรงเริ่มรับการถวายการรักษาแล้ว อย่างไรก็ดี แถลงการณ์ของสำนักพระราชวังไม่ได้ระบุว่า ทรงพระประชวรด้วยโรคมะเร็งประเภทใดและอยู่ในระยะใด นายไมเคิล โฮลเดน ผู้สื่อข่าวในพระราชสำนักของรอยเตอร์ให้ความเห็นกรณีที่แหล่งข่าวใกล้ชิดเจ้าชายแฮร์รี ยุกแห่งซัสเซกซ์เผยว่า เจ้าชายจะเสด็จกลับสหราชอาณาจักรเพื่อเยี่ยมพระราชบิดาในเร็ว ๆ นี้ว่า พระพลานามัยของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 พระชนมพรรษา 75 พรรษา จะทรงอยู่เหนือความไม่พอใจใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่เจ้าชายแฮร์รีกล่าวหาราชวงศ์อังกฤษในสารคดีที่เผยแพร่ในเน็ตฟลิกซ์และหนังสือบันทึกความทรงจำ ทั้งนี้หลังจากที่เจ้าชายแฮร์รีและเมแกน พระชายาย้ายไปพำนักที่รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐตั้งแต่ปี 2563 พระองค์เสด็จกลับอังกฤษเป็นครั้งคราวเท่านั้น ด้านสเตฟานี เพอทิต บรรณาธิการข่าวในพระราชสำนักของนิตยสารพีเพิลแสดงความเห็นว่า ข่าวสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ทรงพระประชวรเป็นเรื่องน่าแปลกใจ เพราะทรงดูมีพระพลานามัยดีอยู่เสมอ จากการที่ทรงออกกำลังกายเป็นประจำ การที่สำนักพระราชวังตัดสินใจประกาศข่าวทรงพระประชวรทันทีถือว่าแตกต่างจากประเพณีปฏิบัติ เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเพิ่งประกาศข่าวเคท เจ้าหญิงแห่งเวลส์และพระชายาในเจ้าชายวิลเลียม มกุฎราชกุมารประทับในโรงพยาบาลเป็นเวลา 2 สัปดาห์ หลังจากรับการถวายการผ่าตัดช่องท้อง เพอทิตมองว่า 2 ข่าวนี้น่าจะส่งผลให้สมเด็จพระราชินีคามิลลาและสมาชิกราชวงศ์พระองค์อื่น ๆ เสด็จออกปฏิบัติพระกรณียกิจเพิ่มมากขึ้น.-814.-สำนักข่าวไทย

ลอนดอน 6 มิ.ย.- เจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ของอังกฤษจะขึ้นศาลกรุงลอนดอนในวันนี้ เพื่อให้การในฐานะพยานในคดีฟ้องร้องสำนักพิมพ์หนังสือพิมพ์แห่งหนึ่ง ถือเป็นสมาชิกราชวงศ์ระดับสูงของอังกฤษที่ขึ้นศาลในฐานะพยานเป็นคนแรกในรอบกว่าศตวรรษ เจ้าชายแฮร์รี พระชันษา 38 ปี พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ร่วมกับผู้มีชื่อเสียงหลายคนกล่าวหามิเรอร์กรุ๊ปนิวส์เปเปอร์ หรือเอ็มจีเอ็น (MGN) ว่าทำผิดกฎหมาย เช่น ดักฟังทางโทรศัพท์ ทนายความของพระองค์แถลงเปิดคดีต่อศาลสูงของกรุงลอนดอนเมื่อวันจันทร์ว่า เจ้าชายแฮร์รีตกเป็นเป้าหมายของการหาข้อมูลอย่างผิดกฎหมายตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ และถูกดักฟังโทรศัพท์หลายครั้ง ชีวิตส่วนพระองค์ถูกสื่อล่วงล้ำไปทุกแง่มุม ขณะที่ทนายความของเอ็มจีเอ็น ผู้พิมพ์หนังสือพิมพ์หัวสีอย่างเดอะมิเรอร์และเดอะซันเดย์พีเพิลแถลงแย้งว่า ไม่มีหลักฐานว่าโทรศัพท์ของเจ้าชายแฮร์รีถูกดักฟัง เอ็มจีเอ็นขอโทษและยอมรับตั้งแต่ศาลเปิดการไต่สวนเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมว่า ข้อมูลบางอย่างได้มาอย่างผิดกฎหมาย รวมถึงเรื่องราวของเจ้าชายแฮร์รี แต่ยืนยันว่าไม่ได้ดักฟังโทรศัพท์ เดิมเจ้าชายแฮร์รีต้องขึ้นศาลเมื่อวันจันทร์เพื่อให้การหลังจากทนายแถลงเปิดคดี แต่ได้เลื่อนมาเป็นวันอังคาร เพราะเดินทางออกจากรัฐแคลิฟอร์เนียในสหรัฐเมื่อเย็นวันอาทิตย์ หลังจากเสร็จสิ้นการฉลองวันคล้ายวันเกิดครบ 2 ขวบของลิลิเบต บุตรสาวคนที่ 2 ทำให้ผู้พิพากษาทิโมธี แฟนคอร์ตกล่าวว่า แปลกใจที่เป็นเช่นนี้ ทั้งที่ได้แจ้งให้เจ้าชายมาขึ้นศาลในวันแถลงเปิดคดี เจ้าชายแฮร์รีอ้างคำฟ้องที่มีการเปิดเผยเมื่อเดือนเมษายนว่า ราชวงศ์อังกฤษได้ทำข้อตกลงลับกับสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งที่ทำให้พระองค์ไม่สามารถยื่นฟ้องได้ เพื่อไม่ให้สมาชิกราชวงศ์ต้องขึ้นศาลในฐานะพยาน การขึ้นศาลในวันนี้จะทำให้พระองค์เป็นสมาชิกราชวงศ์ระดับสูงคนแรกต่อจากสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ที่ขึ้นศาลเป็นพยานในคดีหมิ่นประมาทในปี 2433 เมื่อครั้งที่ยังเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ นอกจากเอ็มจีเอ็นแล้ว เจ้าชายแฮร์รียังเป็นโจทก์ร่วมในการฟ้องแอสโซซิเอท นิวส์เปเปอร์ […]

ลอนดอน 9 ธ.ค.- หนังสือพิมพ์ในอังกฤษแสดงปฏิกิริยาแตกต่างกันต่อสารคดีชุดของเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน พระชายาที่เริ่มออกฉายทางเน็ตฟลิกซ์ แพลตฟอร์มสตรีมมิงรายใหญ่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์อังกฤษหลายฉบับลงข่าวนี้เป็นข่าวใหญ่หน้าหนึ่ง ขณะที่หลายฉบับลงเป็นข่าวแทรกที่ต้องไปอ่านต่อหน้าใน เดลีเทเลกราฟพาดหัวข่าวว่า “รายการโทรทัศน์ของดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์โจมตีโดยตรงต่อสิ่งที่สืบทอดมาจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2” จากการเรียกเครือจักรภพว่าเป็นจักรวรรดิ 2.0 แหล่งข่าวในวังระบุว่า เป็นการก้าวล่วงความทรงจำที่มีต่อพระองค์อย่างยิ่ง เพราะน่ากลัวและไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ขณะที่บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้เขียนว่า เป็นการแสดงความคับข้องใจตามแบบฉบับชาวแคลิฟอร์เนียตัวจริง หนังสือพิมพ์เดลีเอ็กซ์เพรสส์พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งว่า “เจ็บปวดนัก! ราชวงศ์เสียใจอย่างยิ่งต่อการให้ร้ายของแฮร์รี” โดยลงพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เป็นภาพใหญ่ และมีภาพของแฮร์รีและเมแกนเป็นภาพเล็ก ๆ ในวงกลมด้านบน เดอะไทมส์ลงหน้าหนึ่งว่า สำนักพระราชวังบักกิงแฮมและเน็ตฟลิกซ์ปะทะกันเรื่องละครน้ำเน่าของดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ พร้อมกับอ้างแหล่งข่าวว่า เน็ตฟลิกซ์อ้างว่าวังไม่ขอแสดงความเห็นต่อสารคดีชุดนี้ แต่วังแย้งว่า ได้รับการติดต่อจากบริษัทผลิตอิสระที่ไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ เดอะเมโทรที่เป็นหนังสือพิมพ์แจกฟรีเล่นประเด็นที่เจ้าชายแฮร์รีพูดว่า สมาชิกราชวงศ์ไม่ได้แต่งงานกันด้วยความรักว่า เป็นการขุดเรื่องการแต่งงานของเจ้าชายวิลเลียม พระเชษฐา และเคท โดยลงภาพแฮร์รีเป็นภาพใหญ่ และภาพวิลเลียมและเคทเป็นภาพเล็กด้านล่าง เดอะมิเรอร์ลงภาพคู่ของเจ้าชายวิลเลียมกับเคท และเจ้าชายแฮร์รีกับเมแกนอยู่คนละด้าน โดยพาดหัวตัวโตว่า “หยุดละครราชวงศ์นี้เสียที” สมเด็จพระราชชินีเอลิซาเบธที่ 2 สวรรคตได้ไม่ถึง 2 เดือน เจ้าชายแฮร์รีคร่ำครวญเรื่องได้รับการปฏิบัติไม่ดีอีกแล้ว ส่วนเจ้าชายวิลเลียมก็แสดงความเดือดดาลอีก ทั้งที่ประชาชนชาวอังกฤษกำลังเดือดร้อนจากค่าครองชีพสูง.-สำนักข่าวไทย