สื่อต่างชาติลงข่าวกองทัพไทยยืนยันไม่รัฐประหารหลังเลือกตั้ง

กรุงเทพฯ 12 พ.ค.- เว็บไซต์สเตรทส์ไทมส์ของสิงคโปร์รายงานข่าวผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ของไทยยืนยันว่า มีโอกาสเป็นศูนย์ที่ไทยจะกลับไปอยู่ภายใต้การปกครองของทหาร ในกรณีที่เกิดความวุ่นวายหลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคมนี้ สเตรทส์ไทมส์อ้างรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.ที่เหลือวาระดำรงตำแหน่งอีก 5 เดือนก่อนเกษียณราชการในเดือนกันยายนรับประกันว่า จะไม่มีการรัฐประหารในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่ง และกองทัพจะวางตัวเป็นกลาง เขาไม่สามารถยืนยันได้ว่า ประเทศจะเดินหน้าอย่างมีเสถียรภาพหรือไม่ เป็นเรื่องที่พรรคการเมืองทุกพรรคต้องร่วมมือกัน แต่สิ่งที่สามารถยืนยันได้คือ ไม่มีโอกาสหรือมีโอกาสเป็นศูนย์ที่จะเกิดความพยายามยึดอำนาจการปกครองครั้งใหม่ บลูมเบิร์กมองว่า คำกล่าวของ ผบ.ทบ.ไทยอาจช่วยคลายความกังวลเรื่องกองทัพจะเข้ามาแทรกแซงอีกครั้งในกรณีที่พรรคฝ่ายค้านที่สนับสนุนประชาธิปไตยชนะเลือกตั้งอย่างเด็ดขาด พรรคเหล่านี้ชูนโยบายแจกเงินสดและปฏิรูปครั้งใหญ่ เช่น ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร หวังลดอิทธิพลของบรรดานายพลที่มีต่อการเมืองไทย บลูมเบิร์กระบุว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและรัฐบาลทหารผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาบริหารประเทศไทย บางครั้งนำมาซึ่งการปะทะกันอย่างรุนแรงและการประท้วง ไทยมีการรัฐประหารสำเร็จทั้งหมด 12 ครั้งนับตั้งแต่เปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในปี พ.ศ.2475 ด้านนายปีเตอร์ มัมฟอร์ด ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของยูเรเชียกรุ๊ป (Eurasia Group) ระบุว่า ไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างเด็ดขาดว่าไม่มีโอกาสที่จะเกิดรัฐประหารขึ้นในไทย แต่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้ ยกเว้นเกิดกรณีร้ายแรงจริง ๆ.-สำนักข่าวไทย

สื่อต่างชาติลงข่าวผลโพลเลือกตั้งไทย

กรุงเทพฯ 1 พ.ค.- หนังสือพิมพ์สเตรทส์ไทมส์ของสิงคโปร์รายงานข่าวผลการสำรวจความคิดเห็นหรือโพลที่จัดทำโดยผู้สำรวจในไทยเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั่วไปของไทยที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ รายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์กที่เผยแพร่ในเว็บไซต์สเตรทส์ไทมส์ระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้กำลังกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างกลุ่มสนับสนุนอำนาจเดิมที่ประกอบด้วยพรรคร่วมรัฐบาลกับกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยที่ประกอบด้วยพรรคฝ่ายค้าน พรรคการเมืองใหญ่ล้วนหาเสียงด้วยนโยบายคล้าย ๆ กันเรื่องแจกเงิน ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และพักชำระหนี้ หวังได้คะแนนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 52 ล้านคน รายงานระบุว่า สวนดุสิตโพลสอบถามผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศประมาณ 162,000 คนระหว่างวันที่ 10-20 เมษายนแล้วเผยแพร่ผลโพลเมื่อวันเสาร์ว่า พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนิยมมากที่สุดร้อยละ 41.37 พรรคก้าวไกลมีคะแนนนิยมเป็นอันดับ 2 ร้อยละ 19.32 พรรครวมไทยสร้างชาติมีคะแนนนิยมร้อยละ 8.48 และพรรคพลังประชารัฐมีคะแนนนิยมร้อยละ 7.49 รายงานยังได้อ้างถึงผลโพลของหนังสือพิมพ์มติชน-เดลินิวส์ที่สอบถามออนไลน์กับผู้ตอบ 78,000 คน ระหว่างวันที่ 22-28 เมษายน และเผยแพร่เมื่อวันเสาร์เช่นเดียวกันว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้รับเสียงสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุดด้วยคะแนนร้อยละ 49.17 ตามด้วยแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย 2 คนคือ แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 19.59 และเศรษฐา ทวีสินร้อยละ 15.54 ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ […]

สื่อสิงคโปร์เผยผู้นำจีนจะไปเกาหลีเหนือครั้งแรก

สื่อสิงคโปร์เผยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนจะไปเกาหลีเหนือเดือนหน้าตามคำเชิญของนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือเพื่อร่วมฉลองครบรอบ 70 ปีการก่อตั้งเกาหลีเหนือ

...