ศาลสูง

ลิมา 26 เม.ย.- หญิงชาวเปรูที่ป่วยด้วยโรคที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ เสียชีวิตแล้วจากการทำการุณยฆาตเป็นรายแรกของประเทศ หลังจากศาลสูงวินิจฉัยให้เธอสามารถทำการุณยฆาตโดยได้รับการช่วยเหลือจากแพทย์ ตามที่เธอยื่นเรื่องร้องขอ อนา เอสตราดา นักจิตวิทยาวัย 47 ปี ป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออักเสบมานานกว่า 30 ปี และในช่วง 5 ปีหลัง อาการของเธอแย่ลงเรื่อยๆ ถึงขั้นกล้ามเนื้อเกือบทั้งหมดไม่สามารถใช้การได้ ทำให้เธอไม่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ มีชีวิตแบบผู้ป่วยติดเตียง และอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจและอยู่ภายใต้การดูแลของบุคคลอื่น ล่าสุด ทนายความของเอสตราดาแจ้งผ่านเอ็กซ์ (X) ว่า เอสตราดาเสียชีวิตแล้วจากทำการุณยฆาตโดยได้รับการช่วยเหลือจากแพทย์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน ก่อนหน้านี้ เอสตราดาไม่สามารถทำการุณยฆาตเพื่อจบชีวิตของตัวเองได้ เนื่องจากขัดต่อกฎหมายของเปรูที่ระบุไว้ว่า ผู้ที่มีส่วนช่วยเหลือให้คนคนหนึ่งจบชีวิตตัวเอง จะมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 3 ปี แต่เอสตราดาได้ยื่นคำร้องต่อศาลสูง ระบุว่าสาเหตุที่เธอต้องการทำการุณยฆาต เนื่องจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอต้องล้มหมอนนอนเสื่อเป็นผู้ป่วยติดเตียง และใช้ชีวิตอยู่กับเครื่องช่วยหายใจ จากโรคที่ไม่มีทางรักษา เธอต้องการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานเพื่อจากไปอย่างมีศักดิ์ศรี ภายใต้การดำเนินงานทางการแพทย์ ต่อมา ศาลสูงเปรูมีคำวินิจฉัยในปี 2566 โดยแม้จะยังยืนยันว่า การทำการุณยฆาตไม่สามารถทำได้ตามกฎหมายในประเทศเปรู แต่ศาลจะยกเว้นไม่เอาผิดกับแพทย์ที่ให้ยาเพื่อช่วยทำการุณยฆาตให้กับเอสตราดา เพื่อให้เธอได้จากไปอย่างมีศักดิ์ศรีตามที่ร้องขอ การทำการุณยฆาตยังคงถือว่าผิดกฎหมายในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงในเปรู ซึ่งผู้คนนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเป็นส่วนใหญ่ […]

โซล 21 ก.พ.- ศาลสูงในเกาหลีใต้มีคำตัดสินรับรองสิทธิของคู่รักเพศเดียวกันเป็นครั้งแรกของประเทศในวันนี้ นายซอ ซอง-อุก ยื่นฟ้องสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติของเกาหลีใต้ในปี 2564 จากกรณีที่ยกเลิกสิทธิประโยชน์ของนายคิม ยง-มิน คู่รักที่เขาจัดพิธีสมรสในปี 2562 และลงทะเบียนว่าเป็นผู้อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดู หลังจากสำนักงานฯ พบว่า ทั้งคู่เป็นชาย ศาลชั้นต้นมีคำตัดสินเมื่อปี 2565 ให้สำนักงานฯ ไม่ผิด แต่ศาลสูงในกรุงโซลกลับคำตัดสินในวันนี้ และสั่งให้สำนักงานฯ ต้องคืนสิทธิประโยชน์ให้แก่คู่รักของนายซอ ด้านสำนักงานฯ จะยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาต่อไป ศาลสูงมีคำตัดสินว่า สำนักงานฯ ไม่ได้นำเสนอเหตุผลที่สมเหตุสมผลอย่างเพียงพอ เรื่องการปฏิบัติต่อการครองคู่ของคนเพศเดียวกันแตกต่างจากการครองคู่ฉันสามีภรรยาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ซึ่งปัจจุบันการครองคู่แบบหลังจะได้รับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานฯ คำตัดสินระบุด้วยว่า ทุกคนสามารถเป็นคนส่วนน้อยได้ และการเป็นคนส่วนน้อยหมายความว่ามีความแตกต่างจากคนส่วนใหญ่เท่านั้น ไม่ได้เป็นเรื่องผิดหรือถูก พฤติกรรมการเลือกปฏิบัติในคดีนี้จึงถือว่า ละเมิดหลักการเรื่องความเสมอภาค ปัจจุบันกฎหมายเกาหลีใต้ยังไม่ยอมรับการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน คู่รักเพศเดียวกันจึงไม่มีสิทธิตามกฎหมายสมรส แต่ไม่ถือว่าเป็นการกระทำผิดทางกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย