“ภูมิธรรม” คาดเสร็จสัปดาห์นี้ กระบวนการทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อ ครม.
“ภูมิธรรม” คาดกระบวนการทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อ ครม. เสร็จสัปดาห์นี้ พร้อมแถลงนโยบายกลาง ก.ย. เผยรายละเอียดไม่ต่างรัฐบาล “เศรษฐา” มาก ย้ำเน้นแก้วิกฤตเศรษฐกิจ
“ภูมิธรรม” คาดกระบวนการทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อ ครม. เสร็จสัปดาห์นี้ พร้อมแถลงนโยบายกลาง ก.ย. เผยรายละเอียดไม่ต่างรัฐบาล “เศรษฐา” มาก ย้ำเน้นแก้วิกฤตเศรษฐกิจ
“เพื่อไทย” แถลงส่งชื่อ “แพทองธาร” นั่งนายกฯ คนที่ 31 ด้านพรรคร่วมประสานเสียงพร้อมโหวตให้พรุ่งนี้ไม่แตกแถว มั่นใจในความรู้ความสามารถ ให้คำมั่นทำงานส่งรัฐนาวาลำนี้ถึงฝั่งให้ได้ ด้าน “แพทองธาร” ขอบคุณทุกพรรคหนุน มั่นใจช่วยกันนำพาประเทศหลุดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ
ปชป. แนะรัฐบาลเร่งวางแผนรับมือวิกฤตเศรษฐกิจหลังอิหร่านโจมตีอิสราเอล หวั่นสงครามขยายตัวส่งผลน้ำมันเงินเฟ้อพุ่ง ส่งออกลด เศรษฐกิจทรุดกระทบปากท้องประชาชน
นิด้าโพล เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่องวิกฤตเศรษฐกิจกับการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต พบประชาชนส่วนใหญ่ไม่โกรธ หากยกเลิกแจกดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท
ทำเนียบประธานาธิบดีศรีลังกา ระบุว่า ศรีลังกาจะยังคงสถานะเป็น ‘ประเทศที่มีรายได้ปานกลาง’ ต่อไป แต่จะขอให้ธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์ อนุมัติเงินกู้บางส่วนที่นำไปช่วยเหลือประเทศยากจนให้แก่ศรีลังกา ซึ่งถือเป็นการแก้ไขคำพูดของโฆษกรัฐบาลศรีลังกาที่ระบุว่า ศรีลังกาจะลดสถานะเป็น ‘ประเทศที่มีรายได้ต่ำ’
โคลัมโบ 11 ต.ค. – คณะรัฐมนตรีศรีลังกามีมติเห็นชอบข้อเสนอปรับให้ศรีลังกาลดสถานะเป็น ‘ประเทศที่มีรายได้ต่ำ’ จากเดิมที่เป็น ‘ประเทศที่มีรายได้ปานกลางถึงต่ำ’ เพื่อให้ศรีลังกามีโอกาสเข้าถึงกองทุนช่วยเหลือจากองค์กรระหว่างประเทศ โฆษกของรัฐบาลศรีลังกาเผยวันนี้ว่า คณะรัฐมนตรีศรีลังกาได้ลงมติเห็นชอบข้อเสนอปรับให้ศรีลังกาลดสถานะเป็นประเทศที่มีรายได้ต่ำในบัญชีจำแนกสถานะประเทศตามระดับรายได้ของธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์ จากเดิมที่เป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางถึงต่ำ ซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำของตัวแทนจากองค์กรระหว่างประเทศที่ระบุว่า การปรับลดสถานะเป็นประเทศที่มีรายได้ต่ำจะทำให้ศรีลังกาเข้าถึงกองทุนช่วยเหลือได้ง่ายขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ที่ศรีลังกากำลังเผชิญกับวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2491 ซึ่งเป็นผลมาจากการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของศรีลังกา ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น การใช้นโยบายประชานิยมลดหย่อนภาษี และคำสั่งห้ามนำเข้าปุ๋ยเคมีนานถึง 7 เดือนเมื่อปีก่อนจนทำให้ภาคการเกษตรเสียหายหนัก จนทำให้ศรีลังกาขาดแคลนเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเพื่อนำเข้าสินค้าจำเป็นต่าง ๆ เช่น อาหาร น้ำมันเชื้อเพลิง และเวชภัณฑ์ สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า เศรษฐกิจของศรีลังกาในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้หดตัวสูงถึงร้อยละ 8.4 ขณะที่ธนาคารกลางของศรีลังกาคาดการณ์เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า เศรษฐกิจศรีลังกาอาจหดตัวเพิ่มเป็นร้อยละ 8.7 ในปีนี้ ส่วนข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า ศรีลังกามีค่าจีดีพีต่อประชากรอยู่ที่ 3,815 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 145,600 บาท) ในปี 2564 และจัดเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางถึงต่ำ. -สำนักข่าวไทย
โคลัมโบ 22 ก.ย. – อัตราเงินเฟ้อศรีลังกาพุ่งสูงถึงร้อยละ 70.2 ในเดือนสิงหาคม ในขณะที่ศรีลังกายังคงรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในรอบกว่า 70 ปี ข้อมูลของทางการศรีลังการะบุว่า ศรีลังกามีอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงถึงร้อยละ 70.2 ในเดือนสิงหาคม และราคาอาหารก็พุ่งสูงถึงร้อยละ 84.6 เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะนี้ ศรีลังกายังคงไม่สามารถนำเข้าสินค้าจำเป็นจากต่างประเทศได้ เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง ปุ๋ย และยารักษาโรค เนื่องจากเผชิญกับวิกฤตทางการเงินและการเมืองครั้งใหญ่ในปีนี้ รวมถึงปัญหาขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางของศรีลังกาเผยในเดือนสิงหาคมว่า คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศชะลอการขยายตัว หลังจากเงินเฟ้อทำสถิติสูงสุดถึงร้อยละ 70 บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานว่า ก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ศรีลังกาพึ่งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยอุตสาหกรรมดังกล่าวเป็นแหล่งที่มาของเงินตราต่างประเทศ เช่น สกุลเงินดอลลาร์ของสหรัฐ อย่างไรก็ดี การระบาดของโรคโควิดทำให้หลายประเทศต้องใช้มาตรการปิดพรมแดนเพื่อควบคุมการระบาดจนทำให้เศรษฐกิจของศรีลังกาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ศรีลังกา ซึ่งมีประชากร 22 ล้านคน ยังต้องเผชิญกับเหตุวุ่นวายทางการเมืองในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จนทำให้อดีตประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ของศรีลังกา หลบหนีออกนอกประเทศและประกาศลาออกจากตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นผลมาจากเหตุประท้วงรุนแรงของผู้ชุมนุมหลายหมื่นคนบนท้องถนนเพื่อประท้วงเรื่องราคาอาหารและน้ำมันเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้ ชาวศรีลังกาส่วนใหญ่กล่าวโทษรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีราชปักษาว่าบริหารงานผิดพลาดในการรับมือกับวิกฤตการณ์ต่าง ๆ . […]
โคลัมโบ 1 ส.ค. – ประธานาธิบดีรานิล วิกรมสิงเห ของศรีลังกา ระบุว่า ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่อดีตประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา จะเดินทางกลับประเทศ เนื่องจากอาจทำให้สถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองปะทุขึ้นอีกครั้ง ประธานาธิบดีวิกรมสิงเหเผยกับหนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ของสหรัฐ ว่า เขาไม่คิดว่าตอนนี้เป็นเวลาเหมาะสมที่อดีตประธานาธิบดีราชปักษาจะเดินทางกลับศรีลังกา และยังไม่ได้รับรายงานว่าอดีตผู้นำศรีลังกาจะเดินทางกลับประเทศในเร็ว ๆ นี้ สื่อดังกล่าวรายงานว่า ประธานาธิบดีวิกรมสิงเหยังคงติดต่อกับอดีตประธานาธิบดีราชปักษาเพื่อจัดการปัญหาด้านการส่งมอบอำนาจบริหารของรัฐบาล ทั้งยังระบุว่า ผู้นำศรีลังกาคาดว่าจะบรรลุข้อตกลงระดับเจ้าหน้าที่ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ภายในสิ้นเดือนนี้ โดยศรีลังกาจำเป็นต้องหาเงินให้ได้ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(108,870 ล้านบาท) จากแหล่งเงินทุนอื่น ๆ ในปีหน้าเพื่อนำมาใช้นำเข้าสินค้าจำเป็น เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง อาหาร และปุ๋ย นอกจากนี้ ประธานาธิบดีวิกรมสิงเห ยังกล่าวว่า ต้องใช้เวลานานอีกหลายเดือนจึงจะเห็นแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของศรีลังกา ก่อนหน้านี้ อดีตประธานาธิบดีราชปักษาถูกกลุ่มผู้ชุมนุมบุกยึดทำเนียบประธานาธิบดีเพื่อกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง จนทำให้เขาต้องหลบหนีออกจากศรีลังกาไปยังมัลดีฟส์ในวันที่ 13 กรกฎาคม ก่อนออกเดินทางต่อไปยังสิงคโปร์ และยื่นจดหมายลาออกต่อรัฐสภาศรีลังกา หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน นายวิกรมสิงเห ซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีศรีลังกา ก็ได้รับเลือกจากรัฐสภาศรีลังกาให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศ. -สำนักข่าวไทย
สิงคโปร์ 27 ก.ค. – สื่อของสิงคโปร์รายงานวันนี้ว่า อดีตประธานาธิบดีโกเตบายา ราชปักษา ของศรีลังกา จะได้รับการต่อวีซ่าให้พำนักอาศัยในสิงคโปร์ได้อีก 14 วัน หนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทมส์ของสิงคโปร์ ระบุว่า อดีตประธานาธิบดีราชปักษา วัย 73 ปี ได้รับวีซ่าให้พำนักอาศัยอยู่ในสิงคโปร์ 14 วัน นับตั้งแต่ที่เขาเดินทางถึงสิงคโปร์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมโดยเที่ยวบินของสายการบินซาอุเดียของซาอุดีอาระเบียจากมัลดีฟส์ และเขาจะได้รับการต่อวีซ่าให้พำนักในสิงคโปร์ได้อีก 14 วัน จนถึงวันที่ 11 สิงหาคม สื่อดังกล่าวยังรายงานว่า อดีตผู้นำศรีลังกาได้เดินทางเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมืองก่อนที่ย้ายไปอยู่ในที่พักส่วนตัวในสิงคโปร์ ทั้งนี้ อดีตประธานาธิบดีราชปักษาได้เก็บตัวเงียบและไม่ได้ปรากฏตัวในที่สาธารณะนับตั้งแต่เดินทางถึงสิงคโปร์ รายงานข่าวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่โฆษกรัฐบาลศรีลังกาเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคารว่า อดีตประธานาธิบดีราชปักษาเตรียมเดินทางกลับบ้านเกิด แต่เขาไม่รู้ว่าอดีตผู้นำศรีลังกาจะเดินทางกลับประเทศเมื่อใด พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า อดีตประธานาธิบดีราชปักษาไม่ได้หลบซ่อนตัวและไม่ได้ถูกสั่งเนรเทศออกนอกประเทศแต่อย่างใด ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กของสหรัฐ รายงานอ้างคำพูดเจ้าหน้าที่รัฐบาลศรีลังที่ไม่เผยนามว่า อดีตประธานาธิบดีราชปักษาต้องการเดินทางกลับประเทศโดยเร็วที่สุด และอยากกลับไปใช้ชีวิตในบ้านพักส่วนตัวที่ย่านชานเมืองกรุงโคลัมโบของศรีลังกา ก่อนหน้านี้ อดีตประธานาธิบดีราชปักษาได้หลบหนีออกนอกศรีลังกาไปมัลดีฟส์ก่อนออกเดินทางต่อไปยังสิงคโปร์ หลังถูกกลุ่มผู้ประท้วงบุกยึดทำเนียบประธานาธิบดีเพื่อกดดันให้เขาลาออกจากตำแหน่งท่ามกลางปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่ทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อจนส่งผลให้ราคาสินค้าจำเป็นพุ่งสูงขึ้น เช่น อาหารและน้ำมันเชื้อเพลิง.-สำนักข่าวไทย
โคลัมโบ 21 ก.ค. – นายรานิล วิกรมสิงเห อดีตนายกรัฐมนตรีศรีลังกา 6 สมัย ได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของศรีลังกาในวันนี้ โดยคาดว่าเขาจะตั้งคณะรัฐบาลสมานฉันท์จากทุกฝ่ายเพื่อช่วยกันแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศ นายวิกรมสิงเห วัย 73 ปี ได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของศรีลังกาในวันนี้ หลังจากที่เขาได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่ให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของศรีลังกาทิ้งห่างผู้สมัครรายอื่นขาดลอยเมื่อวันพุธ เนื่องจากอดีตประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ถูกประชาชนรวมตัวขับไล่จนต้องหนีออกนอกประเทศไปมัลดีฟส์และต่อไปยังสิงคโปร์พร้อมกับยื่นจดหมายลาออกจากตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะที่แหล่งข่าวไม่เผยนามในแวดวงการเมืองของศรีลังกาเผยว่า นายวิกรมสิงเหจะเชิญพรรคการเมืองทุกฝ่ายเข้าร่วมคณะรัฐบาล ซึ่งมีตำแหน่งรัฐมนตรี 30 คน เพื่อนำพาศรีลังกาให้หลุดพ้นวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ และคาดว่าเขาจะแต่งตั้งให้นายดิเนช กุนาวาร์เดนา อดีตรัฐมนตรีกระทรวงบริหารรัฐกิจศรีลังกาและเพื่อนเก่าแก่ของนายวิกรมสิงเห รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีศรีลังกาคนใหม่ ก่อนหน้านี้ นายวิกรมสิงเหเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อช่วงค่ำวันพุธหลังรัฐสภาศรีลังกาเลือกเขาเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ว่า ผู้ที่พยายามโค่นล้มรัฐบาลด้วยการบุกยึดทำเนียบประธานาธิบดีและทำเนียบนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ทำตามวิถีของระบอบประชาธิปไตยและเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย รัฐบาลศรีลังกาจะใช้กฎหมายจัดการกับผู้ที่กระทำการเช่นนั้น ทั้งยังระบุว่า เขาไม่ใช่มิตรของตระกูลราชปักษา แต่เป็นมิตรของประชาชน.-สำนักข่าวไทย
โคลัมโบ 18 ก.ค. – นายรานิล วิกรมสิงเห รักษาการประธานาธิบดีของศรีลังกา ประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินในประเทศเมื่อคืนวันอาทิตย์ ในขณะที่ศรีลังกากำลังควบคุมเหตุไม่สงบและรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศ รัฐบาลศรีลังกาได้ประกาศในแถลงการณ์เมื่อคืนวันอาทิตย์ว่า นายรานิล วิกรมสิงเห รักษาการประธานาธิบดีของศรีลังกา ได้ประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อความปลอดภัยของส่วนรวม ปกป้องความสงบเรียบร้อยของประชาชน และการดูแลสินค้าและบริการที่จำเป็นต่อผู้คนในสังคม ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่การชุมนุมประท้วงในศรีลังกาครบ 100 วันเมื่อวันอาทิตย์ ก่อนหน้านี้ อดีตประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ของศรีลังกา ซึ่งขณะนี้ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปยังสิงคโปร์ หลังถูกประชาชนจำนวนมากขับไล่โดยบุกยึดทำเนียบและที่พักส่วนตัวเมื่อสัปดาห์ก่อน ระบุว่า เขาได้พยายามทำทุกวิถีทางที่เป็นไปได้เพื่อป้องกันวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้แล้ว ด้านรัฐสภาศรีลังกาที่ได้รับจดหมายลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการของอดีตประธานาธิบดีราชปักษาเมื่อวันศุกร์ได้เปิดประชุมเมื่อวันเสาร์ เพื่อหารือเกี่ยวกับกระบวนการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่และแนวทางการจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงล็อตล่าสุดที่เพิ่งได้รับเพื่อนำมาใช้บรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำมันในประเทศ อย่างไรก็ดี นายวิกรมสิงเห อดีตนายกรัฐมนตรีศรีลังกาซึ่งเป็นพันธมิตรกับอดีตประธานาธิบดีราชปักษา มีชื่อเป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ด้วย จุดกระแสวิตกว่า อาจเกิดเหตุไม่สงบอีกหากเขาได้รับเลือกเลือก เนื่องจากผู้ชุมนุมต้องการให้เขาลาออกเช่นเดียวกับอดีตประธานาธิบดีราชปักษา. -สำนักข่าวไทย
โคลัมโบ 5 ก.ค. – นายกรัฐมนตรีรานิล วิกรามาสิงหะ ของศรีลังกา ยอมรับว่า ศรีลังกาตกอยู่ในสถานะล้มละลายและจะต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อต่อไปจนถึงสิ้นปีหน้าเป็นอย่างน้อย นายกรัฐมนตรีวิกรามาสิงหะกล่าวในที่ประชุมรัฐสภาศรีลังกาวันนี้ว่า ศรีลังกาจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างหนักในปีนี้ รวมถึงปัญหาขาดแคลนอาหาร น้ำมันเชื้อเพลิง และยารักษาโรค เขายอมรับว่าปัญหาเหล่านี้จะยืดเยื้อต่อไปจนถึงปีหน้า ส่วนแผนเจรจาเรื่องกู้ยืมเงินช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ขึ้นอยู่กับการสรุปแผนปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ในเดือนสิงหาคม โดยที่ศรีลังกาจะทำเรื่องกู้ยืมเงินในฐานะประเทศที่มีสถานะล้มละลาย นายกรัฐมนตรีวิกรามาสิงหะเผยว่า ศรีลังกายังคงตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ เนื่องจากธนาคารกลางของศรีลังกาคาดการณ์ว่า ศรีลังกาอาจเผชิญกับภาวะหดตัวด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงถึงร้อยละ 4-5 ในปีนี้ รวมถึงปัญหาเงินเฟ้อที่สูงถึงร้อยละ 60 ในช่วงสิ้นปีนี้ ผู้นำศรีลังกายังระบุเพิ่มเติมว่า หลังจากที่บรรลุข้อตกลงระดับเจ้าหน้าที่กับไอเอ็มเอฟ ศรีลังกาได้ตั้งเป้าเปิดประชุมเพื่อรับเงินบริจาคจากประเทศที่เป็นมิตร เช่น จีน อินเดีย และญี่ปุ่น เพื่อใช้ค้ำประกันเงินกู้ผ่านข้อตกลงร่วม. -สำนักข่าวไทย