คอนเทนเนอร์ของยูนิเซฟถูกปล้นในเฮติ

ปอร์โตแปรงซ์ 17 มี.ค.- ยูนิเซฟแจ้งว่า คอนเทนเนอร์บรรทุกสิ่งของช่วยเหลือที่จำเป็นต่อความอยู่รอดของมารดาและเด็กถูกปล้นที่ท่าเรือแห่งหนึ่งในเฮติ ประเทศที่แก๊งอาชญากรแผ่ขยายอิทธิพลในกรุงปอร์โตแปรงซ์ที่เป็นเมืองหลวง องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติหรือยูนิเซฟ (UNICEF) แจ้งว่า คอนเทนเนอร์ 1 ตู้จากทั้งหมด 17 ตู้ ถูกปล้นชิงที่ท่าเรือปอร์โตแปรงซ์ ท่าเรือแห่งนี้มีคอนเทนเนอร์ด้านมนุษยธรรมทั้งหมด 260 ตู้ ถูกควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธ สิ่งของในคอนเทนเนอร์ที่ถูกปล้นชิงประกอบด้วยเครื่องกู้ชีพและอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นต่อความอยู่รอดของมารดา ทารกแรกเกิด และเด็ก ผู้แทนยูนิเซฟประจำเฮติเรียกร้องให้ยุติการปล้นชิงสิ่งเหล่านี้ เพราะมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเด็กที่กำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างมาก ยูนิเซฟเตือนด้วยว่า สตรีในกรุงปอร์โตแปรงซ์ราว 3 ใน 4 เข้าไม่ถึงการดูแลด้านสาธารณสุขและโภชนาการขั้นพื้นฐาน ขณะที่โรงพยาบาลหลายแห่งต้องปิดการให้บริการเพื่อความปลอดภัย ขณะนี้เหลือโรงพยาบาลที่มีบริการผ่าตัดเปิดทำการเพียง 2 แห่งเท่านั้น ส่วนโรงพยาบาลทั่วประเทศขาดแคลนไฟฟ้า เชื้อเพลิง และเวชภัณฑ์จนไม่สามารถทำการมากถึง 6 ใน 10 แห่ง.-814.-สำนักข่าวไทย

รัสเซียคืนศพแกนนำฝ่ายค้านที่เสียชีวิตในเรือนจำให้มารดา

กลุ่มสนับสนุนนายอเล็กเซ นาวาลนี แกนนำฝ่ายค้านรัสเซีย ที่เสียชีวิตขณะเดินเล่นในเรือนจำ เผยว่าทางการได้ส่งคืนศพของเขาให้แก่มารดาแล้ว

เผยมีผู้หญิงตายขณะตั้งท้อง-คลอดทุก 2 นาที

เจนีวา 23 ก.พ.- สหประชาชาติหรือยูเอ็นเผยวันนี้ว่า ทุก 2 นาทีจะมีสตรีเสียชีวิตเพราะภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์หรือระหว่างคลอดบุตร รายงานขององค์การอนามัยโลกและหน่วยงานหลายแห่งของยูเอ็นระบุว่า ในภาพรวมแล้วอัตราการเสียชีวิตของมารดาได้ลดลงร้อยละ 34.3 ในช่วง 20 ปี โดยลดลงจากมารดาเสียชีวิต 339 คนต่อการให้กำเนิดเด็กทุก 100,000 คนในปี 2543 เหลือมารดาเสียชีวิต 223 คนต่อการให้กำเนิดเด็กทุก 100,000 คนในปี 2563 แต่ยังคงถือว่าสูงอยู่ เพราะมีมารดาเสียชีวิตวันละเกือบ 800 คน หรือ 1 คนในทุก 2 นาที ประเทศที่มีอัตรามารดาเสียชีวิตลดลงมากที่สุดคือเบลารุส โดยลดลงถึงร้อยละ 95.5 ขณะที่เวเนซุเอลามีอัตรามารดาเสียชีวิตเพิ่มขึ้นมากที่สุด หากดูเฉพาะปี 2543-2558 สหรัฐเป็นประเทศที่มีมารดาเสียชีวิตเพิ่มขึ้นมากที่สุด และหากดูเฉพาะปี 2559-2563 มีเพียงภูมิภาคออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และภูมิภาคเอเชียกลางและเอเชียใต้ที่มีมารดาเสียชีวิตลดลงร้อยละ 35 และร้อยละ 16 ตามลำดับ ขณะที่ภูมิภาคยุโรปและอเมริกาเหนือ และภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริบเบียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 และ 15 ตามลำดับ […]

มาเลเซียจะให้สัญชาติเด็กเกิดต่างประเทศโดยอัตโนมัติ

กัวลาลัมเปอร์ 19 ก.พ.- รัฐบาลมาเลเซียเห็นชอบให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เด็กที่เกิดในต่างประเทศโดยมีมารดาเป็นชาวมาเลเซียสมรสกับชาวต่างชาติ ได้รับสัญชาติมาเลเซียโดยอัตโนมัติ รัฐบาลนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมแถลงเมื่อวันเสาร์ว่า จะนำร่างแก้ไขดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาต่อไป เป็นการแก้ไขเพื่อให้เป็นไปตามจุดยืนของรัฐบาลเรื่องชายหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน ปัจจุบันเด็กที่เกิดในต่างประเทศจะได้รับสัญชาติมาเลเซียโดยอัตโนมัติ ต่อเมื่อบิดาเป็นชาวมาเลเซียเท่านั้น แต่หากมารดาเป็นชาวมาเลเซียที่สมรสกับชาวต่างชาติ เด็กจะไม่ได้รับสัญชาติโดยอัตโนมัติ นายไซฟุดดิน นาซูชัน อิสมาอิล รัฐมนตรีมหาดไทยมาเลเซียกล่าวว่า เรื่องนี้จะมีผลอย่างมาก เนื่องจากมีสตรีจำนวนมากยื่นขอสัญชาติให้แก่บุตร แต่ติดขัดเรื่องขั้นตอนที่กินเวลานานและไม่สมเหตุสมผล ก่อนหน้านี้เขาและนางอาซาลินา โอธมัน ซาอิด รัฐมนตรีที่ดูแลการปฏิรูปรัฐธรรมนูญและกฎหมายแถลงร่วมกันว่า รัฐบาลขอให้คำมั่นว่าจะขจัดการเลือกปฏิบัติกับสตรีในมาเลเซีย และจะกำจัดข้อบกพร่องในมาตราว่าด้วยกฎหมายสัญชาติ โดยจะนำคำว่า “บิดามารดาอย่างน้อย 1 คน” มาใช้แทนที่คำว่า “บิดา” เนื่องจากมาตราปัจจุบันกำหนดไว้เพียงว่า “บิดา” มีสิทธิส่งต่อสัญชาติให้บุตรได้โดยอัตโนมัติ แต่ไม่มีคำว่า “มารดา” ร่างแก้ไขนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจาก ส.ส.อย่างน้อย 2 ใน 3 คือ 148 คนจากทั้งหมด 222 คน รัฐบาลอันวาร์มีเสียงดังกล่าวแล้ว เนื่องจากเป็นรัฐบาลแห่งชาติที่ประกอบด้วยพรรคการเมืองทุกพรรคที่ตั้งขึ้นเมื่อต้นเดือนธันวาคม หลังจากนายอันวาร์ชนะเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2565 ยกเว้นกลุ่มเปอริกาตัน เนซันนัลที่ได้รับเชิญแต่ไม่เข้าร่วมและขอเป็นฝ่ายค้านจำนวน 74 […]

แห่ขอรับเลี้ยงทารกซีเรียรอดจากแผ่นดินไหว

ดามัสกัส 10 ก.พ.- ผู้คนจากหลายประเทศเสนอตัวรับอุปการะทารกเพศหญิงที่ลืมตาดูโลกในขณะที่มารดาติดอยู่ท่ามกลางซากอาคารในซีเรียเพราะแผ่นดินไหวใหญ่ หลังจากที่เธอสูญเสียคนทั้งครอบครัวไปกับภัยพิบัติครั้งนี้ ทารกเพศหญิงได้รับการตั้งชื่อว่า อายะ (Aya) แปลว่า ปาฏิหาริย์ ในภาษาอาหรับ เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยชีวิตเธอในขณะที่ยังมีสายสะดือติดกับมารดา โดยติดอยู่ใต้ซากอาคารที่พังถล่มในเมืองจินดายริส ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย มารดา บิดา และพี่ ๆ 4 คนของเธอเสียชีวิตหมดทั้งครอบครัว กุมารแพทย์ในเมืองอาฟรินที่ดูแลเธอเผยว่า โรงพยาบาลได้รับตัวเธอเมื่อวันจันทร์ในสภาพที่ตัวเย็นจัด แทบไม่หายใจ มีรอยฟกช้ำ ขณะนี้อาการทรงตัวแล้ว คลิปภาพเจ้าหน้าที่กู้ภัยอุ้มทารกที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยฝุ่นสีเทาออกจากซากความเสียหายถูกส่งต่อไปทั่วสื่อสังคมออนไลน์ หลายคนเสนอตัวอุปการะอายะและพร้อมจะเลี้ยงดูอย่างดี เช่น ผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์ในคูเวต ขณะที่โรงพยาบาลเผยว่า มีคนโทรศัพท์มาขออุปการะจากทั่วโลก แต่กุมารแพทย์ที่ดูแลเธอและมีบุตรสาวอายุมากกว่าอายะเพียง 4 เดือนยืนยันว่า จะดูแลเธออย่างดีราวกับลูกของตัวเองในระหว่างที่รอญาติห่าง ๆ ของเธอมารับตัว ขณะนี้ภรรยาของเขาเป็นผู้ให้นมอายะไปพร้อมกับบุตรสาวของตัวเอง ผู้สื่อข่าวในเมืองจินดายริสเผยว่า สถานการณ์ในเมืองนี้เข้าขั้นภัยพิบัติ ยังมีคนจำนวนมากติดอยู่ใต้ซากอาคาร ทั้งเมืองถูกทำลายไปมากถึงร้อยละ 90 ความช่วยเหลือส่วนใหญ่ในขณะนี้ยังคงมาจากคนในพื้นที่ ด้านกลุ่มไวท์เฮลเม็ตส์  (White Helmets) ที่ช่วยเหลือคนติดใต้ซากอาคารตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมืองในซีเรียเมื่อปี 2554 เผยว่า อาสาสมัครอาจกลายเป็นเหยื่อเสียเอง เพราะซากอาคารพร้อมพังถล่มได้ตลอดเวลา.-สำนักข่าวไทย

“ปูติน” พบกลุ่มแม่ทหารที่ไปรบในยูเครน

มอสโก 26 พ.ย.- ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียพบกับกลุ่มมารดาของทหารที่ไปรบในยูเครน และเผยว่าเขารู้สึกเจ็บปวดเช่นเดียวกับผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปในสงคราม การพบกันมีขึ้นที่บ้านพักของประธานาธิบดีปูตินเมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น และมีขึ้นก่อนถึงวันแม่ของรัสเซียที่ตรงกับวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน ปีนี้ตรงกับวันที่ 27 พฤศจิกายน มารดาคนหนึ่งจากทั้งหมด 17 คน คลุมศีรษะด้วยผ้าสีดำ บ่งบอกว่าเพิ่งสูญเสียคนในครอบครัว ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า อยากให้รู้ว่าเขาและผู้นำทั้งหมดของประเทศนี้ร่วมเจ็บปวดไปด้วย เพราะรู้ดีว่าไม่มีสิ่งใดทดแทนการสูญเสียบุตรชายได้ ปูตินแสดงความเสียใจกับสตรีคนหนึ่งที่กล่าวว่า บุตรชายของเธอไม่ได้ตายเปล่า ขอย้ำว่าเขาจะทำให้เป้าหมายในยูเครนประสบความสำเร็จ ขณะนี้รัสเซียกำลังสู้รบกับระบอบนาซีใหม่ในยูเครน ขอให้ระมัดระวังอย่าเชื่อในสิ่งที่ได้อ่านในอินเทอร์เน็ต เพราะชีวิตจริงซับซ้อนกว่าสิ่งที่เห็นในโทรทัศน์และอินเทอร์เน็ต สถานีโทรทัศน์แห่งชาติของรัสเซียได้แพร่ภาพบทสัมภาษณ์มารดาบางคนที่ได้พบปูติน มารดาคนหนึ่งติงว่า กองทัพจัดหาเสื้อคลุมสายพรางให้ไม่เพียงพอ ทำให้สามีและบุตร 2 คนที่ไปรบในยูเครนใช้เครื่องแบบได้ไม่นานเพราะเลอะเทอะไปด้วยโคลนและเปียกชื้น มารดาอีกคนขอบคุณปูตินที่ดูแลบรรดาแม่ ๆ อย่างไรก็ดี มารดาที่เป็นนักเคลื่อนไหวบางคนมองว่า การพบลักษณะนี้ไม่ใช่เวทีที่จะหารือกันอย่างเปิดอก เพราะประธานาธิบดีจะพบกับมารดาที่ถูกเลือกไว้แล้ว.-สำนักข่าวไทย

แม่ผู้ต้องสงสัยยิงอาเบะเป็นสาวกลัทธิมูนิซึ่ม

โตเกียว 11 ก.ค.- โบสถ์แห่งความสามัคคี (Unification Church) ของลัทธิมูนิซึ่มเผยว่า มารดาของผู้ที่ถูกจับกุมในคดีลอบยิงนายชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เป็นสาวกของโบสถ์นี้ นายโทมิฮิโระ ทานากะ ประธานสาขาญี่ปุ่นของโบสถ์แห่งความสามัคคี หรือที่มีชื่อเต็มว่า สหพันธ์ครอบครัวเพื่อความสามัคคีและสันติภาพโลก แถลงข่าวที่กรุงโตเกียวในวันนี้ว่า มารดาของนายเท็ตสึยะ ยามากามิ ชายตกงานวัย 41 ปีที่ถูกจับ เป็นสาวกของโบสถ์ แต่ไม่ขอตอบเรื่องเงินบริจาคของเธอ เนื่องจากตำรวจกำลังสอบสวนอยู่ อย่างไรก็ดี ขอยืนยันว่า ทั้งนายอาเบะและชายที่ถูกจับไม่ได้เป็นสาวกโบสถ์ นอกจากนี้ นายอาเบะก็ไม่ได้เป็นที่ปรึกษาของโบสถ์ด้วย ทางโบสถ์พร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจในการสอบสวน หนังสือพิมพ์โยมิอูริและสื่อญี่ปุ่นหลายแห่งรายงานว่า นายยามากิมิให้การว่า มารดาของเขาบริจาคเงินจนล้มละลาย ขณะที่สำนักข่าวเกียวโดนิวส์อ้างแหล่งข่าวสอบสวนว่า เขาให้การกับตำรวจว่า เชื่อว่านายอาเบะส่งเสริมกลุ่มทางศาสนากลุ่มหนึ่งที่มารดาของเขาบริจาคเงินให้เป็นจำนวนมาก ด้านตำรวจยืนยันว่า นายยามากามิมีความคับแค้นองค์กรแห่งหนึ่ง แต่ตำรวจไม่ขอระบุชื่อ โบสถ์แห่งความสามัคคีก่อตั้งในปี 2497 โดยนายมุน ซัน-มยอง ชายเกาหลีใต้ที่อ้างตัวเป็นผู้นำสารจากพระเจ้า ลัทธิของเขาเรียกว่ามูนิซึ่ม (Moonism) ส่วนสาวกเรียกตนเองว่า มุนนีส์ (Moonies) พิธีกรรมอย่างหนึ่งของลัทธิคือ การสมรสหมู่หลายพันคู่.-สำนักข่าวไทย

มือสังหารแค้น “อาเบะ” โยงกลุ่มศาสนาที่ทำแม่ล้มละลาย

นารา 10 ก.ค.- ตำรวจญี่ปุ่นเผยว่า ชายที่ยิงอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะเชื่อว่าอาเบะโยงใยกับกลุ่มทางศาสนาที่เป็นต้นเหตุให้มารดาของเขาล้มละลาย และเคยพยายามจะทำระเบิดเองด้วย สำนักข่าวเกียวโดนิวส์ของญี่ปุ่นอ้างแหล่งข่าวสอบสวนวันนี้ว่า นายเท็ตสึยะ ยามากามิ วัย 41 ปี ให้การกับตำรวจว่า มารดาของเขาได้บริจาคเงินจำนวนมากให้แก่องค์กรทางศาสนาแห่งหนึ่ง จนเขาเกิดความคับแค้นใจองค์กรดังกล่าวที่เขาเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับนายอาเบะ เดิมเขาตั้งใจจะปองร้ายผู้บริหารองค์กรนี้ แต่ได้เปลี่ยนใจไปปองร้ายนายอาเบะแทน ด้านหนังสือพิมพ์โยมิอูริและสื่อญี่ปุ่นหลายแห่งรายงานว่า นายยามากิมิให้การว่า มารดาของเขาบริจาคเงินจนล้มละลาย หนังสือพิมพ์ไมนิจิรายงานว่า หลังปลดประจำการจากกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลในปี 2548 เขาไปทำงานเป็นพนักงานบริษัท และไปทำงานเป็นคนขับรถยกในโรงงานแห่งหนึ่งช่วงปลายปี 2563 โดยไม่มีปัญหาใด ๆ แต่เมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา เขาขาดงานโดยไม่ได้ขออนุญาต และแจ้งหัวหน้างานว่าต้องการลาออก โดยได้ใช้วันลาหมดจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม เกียวโดนิวส์รายงานว่า เขาได้ทำปืนขึ้นเองหลายกระบอกและเคยพยายามทำระเบิดเองด้วย ตำรวจค้นบ้านพักในเมืองนารา ทางตะวันตกของประเทศ ยึดได้ปืนหลายกระบอกคล้ายกับปืนทำเองที่พบในที่เกิดเหตุลอบสังหารนายอาเบะเมื่อวันศุกร์ เขาถูกส่งตัวไปพบอัยการในวันนี้ฐานต้องสงสัยก่อคดีฆาตกรรม มีรายงานว่า เขาประกอบปืนขึ้นเองจากชิ้นส่วนที่สั่งซื้อทางออนไลน์ ใช้เวลาหลายเดือนวางแผนก่อเหตุ และเคยไปร่วมฟังการหาเสียงของนายอาเบะมาแล้วหลายครั้ง บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงแห่งญี่ปุ่นหรือเอ็นเอชเค (NHK) รายงานว่า เขาคิดจะใช้ระเบิดก่อเหตุ แต่ได้เปลี่ยนใจไปใช้ปืนแทน.-สำนักข่าวไทย

ชายมาเลเซียฆ่าหั่นศพมารดาเพราะไม่พอใจเรื่องมรดก

กัวลาลัมเปอร์ 6 มิ.ย. – ตำรวจมาเลเซียเผยว่า ชายมาเลเซียได้ก่อเหตุฆ่ามารดาและหั่นศพเป็น 15 ชิ้น ก่อนนำไปทิ้งในบ่อบำบัดน้ำเสียที่ตั้งอยู่หลังบ้านที่เมืองอีโปห์ ในรัฐเประของมาเลเซีย เนื่องจากไม่พอใจเรื่องมรดกที่ได้จากบิดาที่เสียชีวิต ตำรวจรัฐเประของมาเลเซียระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้จับกุมชายมาเลเซีย วัย 42 ปี ซึ่งมีอาการผิดปกติทางจิต หลังก่อเหตุฆ่าหั่นศพมารดา วัย 68 ปี ในบ้าน ก่อนนำไปทิ้งในบ่อบำบัดน้ำเสีย จากการสอบสวนเบื้องต้น ชายคนดังกล่าวยอมรับว่า เขาตัดสินใจทำเช่นนี้ เพราะไม่พอใจเรื่องมรดกที่ได้จากบิดาที่เพิ่งเสียชีวิต ทั้งนี้ เขาอาศัยอยู่กับมารดาที่บ้านหลังนี้มาเป็นเวลานานถึง 12 ปี ตำรวจรัฐเประยังระบุว่า ชาวบ้านใกล้เคียงได้แจ้งเหตุกลิ่นเหม็นลอยคลุ้งมาจากบ้านของชายคนดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางไปตรวจค้นและพบศพที่ถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ อยู่ในบ่อบำบัดน้ำเสียหลังบ้าน จึงจับกุมชายคนนี้ทันทีเมื่อวันอาทิตย์ นอกจากนี้ ตำรวจยังพบมีดเล็ก 2 เล่ม และมีดขนาดใหญ่ 1 เล่ม ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นมีดที่ชายคนดังกล่าวใช้ฆ่ามารดา โดยที่ชายคนนี้ได้ใช้อาวุธตีศีรษะมารดาจนสลบ ก่อนหั่นศพมารดาออกเป็น 15 ชิ้น. -สำนักข่าวไทย

ยูเครนให้แม่ทหารรัสเซียที่ถูกจับรับลูกคืนได้

เคียฟ 3 มี.ค. – ยูเครนประกาศแจ้งให้มารดาของทหารรัสเซียที่ถูกยูเครนจับตัวได้ในสนามรบเดินทางมารับตัวลูก ๆ คืนได้ที่กรุงเคียฟ โดยตั้งเป้าแสดงให้เห็นว่ายูเครนไม่ทำสงครามกับมารดาและทหารที่ถูกจับกุม ซึ่งดูเหมือนเป็นความพยายามทำให้รัสเซียอับอายขายหน้า กระทรวงกลาโหมของยูเครนระบุในแถลงการณ์เมื่อวันพุธว่า ทางการยูเครนจะปล่อยตัวทหารรัสเซียที่ถูกจับตัวไว้ หากมารดาของทหารเหล่านี้เดินทางมารับตัวลูก ๆ ด้วยตัวเองที่กรุงเคียฟ กระทรวงฯ ได้เผยแพร่เบอร์โทรศัพท์และที่อยู่อีเมลเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับทหารรัสเซียที่ถูกจับตัว พร้อมทั้งเชิญชวนให้มารดาของทหารรัสเซียเดินทางมารับตัวลูกคืน นอกจากนี้ยูเครนยังได้เปิดสายด่วนเพื่อให้ผู้ปกครองชาวรัสเซียสามารถโทรติดต่อเข้ามาตรวจสอบว่าบุตรชายมีรายชื่ออยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิตหรือถูกจับตัวไว้หรือไม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อทำลายแรงสนับสนุนของประชาชนต่อการบุกโจมตียูเครนของรัสเซีย แถลงการณ์ดังกล่าวยังระบุว่า ยูเครนไม่ทำสงครามกับมารดาและทหารที่ถูกจับกุม ซึ่งแตกต่างจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ทั้งนี้ ยูเครนอ้างว่าได้จับตัวทหารรัสเซียไว้หลายสิบนาย พร้อมเผยแพร่คลิปวิดีโอผ่านสื่อออนไลน์ที่แสดงให้เห็นชายหนุ่มรัสเซียสวมชุดเครื่องแบบทหารในสภาพไร้อาวุธ ท่ามกลางสถานการณ์ที่รัสเซียนำกำลังทหารบุกโจมตียูเครนเป็นวันที่ 7 ในขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมของรัสเซียได้เปิดเผยตัวเลขทหารรัสเซียที่เสียชีวิตและบาดเจ็บในยูเครนเป็นครั้งแรกเมื่อวันพุธ โดยระบุว่า มีทหารรัสเซียเสียชีวิต 498 นาย และได้รับบาดเจ็บ 1,597 นาย ด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวถึงรายงานความสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้ของทหารรัสเซียว่าเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ทั้งยังระบุว่า รัสเซียได้สังหารทหารยูเครนกว่า 2,870 นาย มีทหารได้รับบาดเจ็บราว 3,700 นาย และถูกจับกุมตัว 572 นาย.-สำนักข่าวไทย

เจ้าชายวิลเลียม-แฮร์รี ทรงร่วมกันเปิดรูปปั้นพระมารดา

เจ้าชายวิลเลียม ดยุคแห่งเคมบริดจ์ และเจ้าชายแฮร์รี ดยุคแห่งซัสเซกซ์ ทรงร่วมพิธีเปิดอนุสาวรีย์ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ เมื่อวานนี้ ในวันครบรอบวันคล้ายวันประสูติปีที่ 60 ของพระมารดา โดยทั้งสองพระองค์ตรัสว่า ทรงคาดหวังว่าอนุสาวรีย์นี้จะเป็นสิ่งที่รำลึกถึงชีวิตและมรดกที่พระองค์ได้ทำไว้ตลอดไป

1 2 3
...