ไบเดนลงนามร่างกฎหมายให้เปิดเผยข่าวกรองต้นตอโควิด

วอชิงตัน 21 มี.ค.- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐลงนามร่างกฎหมายที่กำหนดให้ต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวกรองของสหรัฐเรื่องโรคโควิด-19 ระบาดอาจมีความเกี่ยวข้องกับห้องทดลองปฏิบัติการหรือห้องแล็บในเมืองอูฮั่นของจีน ประธานาธิบดีไบเดนแถลงว่า จำเป็นต้องค้นหาลึกลงไปถึงต้นตอของโควิด-19 รวมถึงความเชื่อมโยงกับสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น รัฐบาลจะปฏิบัติตามร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาด้วยการเปิดเผยและแบ่งปันข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่สามารถทำได้เกี่ยวกับต้นตอโควิด ประธานาธิบดีไบเดนเคยกล่าวในปี 2564 หลังจากรับตำแหน่งได้ไม่นานว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานด้านข่าวกรองใช้ทุกวิถีทางสอบสวนเรื่องต้นตอโควิด และจะเปิดเผยให้มากที่สุดโดยไม่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงแห่งชาติ เอเอฟพีมองว่า ร่างกฎหมายนี้เป็นความเสี่ยงทางการเมืองต่อไบเดนที่กำลังเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในขณะที่ความสัมพันธ์ร้าวฉาน เพราะจีนยืนกรานปฏิเสธว่าโควิดระบาดทั่วโลกไม่ได้เกิดจากเชื้อไวรัสเล็ดลอดขณะมีการวิจัยที่ห้องแล็บในอู่ฮั่น แต่สมาชิกสภาสหรัฐส่วนใหญ่โดยเฉพาะพรรครีพับลิกันต้องการเดินหน้ากดดันจีน และได้ผ่านร่างกฎหมายในเดือนนี้กำหนดให้ต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวกรองของสหรัฐเกี่ยวกับต้นตอโควิด.-สำนักข่าวไทย

จีนโต้สหรัฐเสียความน่าเชื่อที่กล่าวหาว่าโควิดหลุดจากแล็บจีน

ปักกิ่ง 1 มี.ค.- จีนระบุว่า สหรัฐกำลังสร้างความเสียหายให้แก่ความน่าเชื่อถือของสหรัฐเอง หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐชี้ว่า มีความเป็นไปได้มากที่สุดว่าเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 มีต้นตอจากอุบัติเหตุในห้องทดลองปฏิบัติการหรือห้องแล็บในเมืองอู่ฮั่นของจีน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวในการแถลงข่าวตามปกติในวันนี้ว่า สหรัฐปลุกปั่นทฤษฎีเรื่องเชื้อไวรัสหลุดรอดจากห้องแล็บขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งจะไม่ทำให้จีนเสียความน่าเชื่อถือ แต่จะทำให้ความน่าเชื่อถือของสหรัฐลดต่ำลงอีก โฆษกย้ำเรื่องที่จีนอ้างมานานและยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนว่า เชื้อไวรัสโรคโควิด-19 อาจหลุดรอดออกมาจากห้องแล็บกองทัพของสหรัฐที่ฟอร์ต เดทริก รัฐแมริแลนด์ สหรัฐควรเคารพหลักวิทยาศาสตร์และข้อเท็จจริง ให้ความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลกโดยเร็วที่สุด เชิญผู้เชี่ยวชาญสากลไปทำการวิจัยตรวจสอบย้อนกลับในสหรัฐ แล้วแบ่งปันผลการวิจัยนี้กับประชาคมโลก โฆษกจีนตอบโต้ดังกล่าวหลังจากนายคริสโตเฟอร์ เรย์ ผู้อำนวยการสำนักสอบสวนกลางสหรัฐหรือเอฟบีไอ (FBI) ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ว่า เอฟบีไอประเมินมาระยะหนึ่งแล้วว่า มีความเป็นไปได้มากที่สุดว่า ต้นตอของการระบาดเกิดจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในห้องแล็บของเมืองอู่ฮั่น เขายังได้กล่าวหารัฐบาลจีนว่าพยายามขัดขวางรัฐบาลสหรัฐและประเทศหุ้นส่วนใกล้ชิดที่กำลังหาทางสอบสวนหาสาเหตุของการระบาด.-สำนักข่าวไทย

ผอ.เอฟบีไอ ชี้เป็นไปได้สูงมากที่โควิดหลุดจากห้องแล็บอู่ฮั่น

วอชิงตัน 1 มี.ค.- ผู้อำนวยการสำนักสอบสวนกลางสหรัฐหรือเอฟบีไอ (FBI) เผยว่าเอฟบีไอเชื่อว่ามีความเป็นไปได้มากที่สุดว่า การระบาดของโรคโควิด-19 เกิดจากอุบัติเหตุที่ห้องทดลองปฏิบัติการหรือห้องแล็บในเมืองอู่ฮั่นของจีน นายคริสโตเฟอร์ เรย์ ผอ. เอฟบีไอ ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ว่า เอฟบีไอประเมินมาระยะหนึ่งแล้วว่า มีความเป็นไปได้มากที่สุดว่า ต้นตอของการระบาดเกิดจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในห้องแล็บของเมืองอู่ฮั่น เขายังได้กล่าวหารัฐบาลจีนว่าพยายามขัดขวางรัฐบาลสหรัฐและประเทศหุ้นส่วนใกล้ชิดที่กำลังหาทางสอบสวนหาสาเหตุของการระบาด ผอ. เอฟบีไอแสดงความเห็นดังกล่าวหลังจากมีรายงานเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า กระทรวงพลังงานสหรัฐได้ข้อสรุปว่า การรั่วไหลที่ห้องแล็บจีนน่าจะเป็นสาเหตุที่เป็นไปได้มากที่สุดของโรคโควิด-19 ระบาด แต่หน่วยงานด้านข่าวกรองของสหรัฐหลายหน่วยงานเชื่อว่า เชื้อไวรัสเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ด้านจีนปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของสหรัฐว่า เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อให้ร้ายจีน ขณะที่แวดวงวิทยาศาสตร์มองว่า การหาต้นตอการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นเรื่องสำคัญ เพื่อป้องกันการระบาดครั้งใหม่ในอนาคต.-สำนักข่าวไทย

เผยสหรัฐชี้ว่าโควิดน่าจะหลุดจากห้องแล็บจีน

วอชิงตัน 27 ก.พ.- สื่อในสหรัฐอ้างกระทรวงพลังงานสหรัฐว่า เชื้อไวรัสโรคโควิด-19 น่าจะหลุดมาจากห้องทดลองปฏิบัติการหรือห้องแล็บในจีน ขณะที่ทำเนียบขาวสหรัฐยืนยันว่า หน่วยข่าวกรองของสหรัฐยังคงมีความไม่ตรงกันในเรื่องนี้ หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลและหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานอ้างผู้ที่ได้อ่านรายงานลับของเอฟริล เฮนส์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติที่ระบุว่า กระทรวงพลังงานสหรัฐเชื่อว่า เชื้อไวรัสน่าจะหลุดมาจากห้องแล็บในจีน จากเดิมที่กระทรวงเคยเผยว่ายังไม่สามารถสรุปได้ว่าเชื้อมาจากที่ใด ผู้ที่ได้อ่านรายงานอ้างว่า กระทรวงตัดสินโดยไม่มั่นใจมากนัก สะท้อนว่าหน่วยงานในสหรัฐยังคงมีความเห็นแตกต่างกันเรื่องต้นตอของเชื้อไวรัสที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกตั้งแต่ต้นปี 2563 อย่างไรก็ดี ข้อสรุปนี้ตามที่มีรายงานว่าเป็นผลจากข้อมูลข่าวกรองใหม่ถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากกระทรวงพลังงานสหรัฐดูแลห้องแล็บระดับชาติ รวมถึงห้องแล็บที่ทำการวิจัยทางชีวภาพขั้นสูง นอกจากกระทรวงพลังงานสหรัฐแล้ว สำนักสอบสวนกลางสหรัฐหรือเอฟบีไอ (FBI) เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่เชื่อว่า เชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ที่คร่าชีวิตคนไปเกือบ 7 ล้านคนทั่วโลก เป็นผลจากความผิดพลาดในห้องแล็บแห่งหนึ่งของจีน  หน่วยงานด้านข่าวกรองสหรัฐ 4 แห่งเชื่อว่า โรคโควิด-19 แพร่เชื้อตามธรรมชาติ ขณะที่อีก 2 แห่งยังไม่ได้ข้อสรุป ขณะที่นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวย้ำกับซีเอ็นเอ็นเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาสหรัฐว่า ณ เวลานี้ หน่วยงานด้านข่าวกรองยังไม่มีคำตอบที่ชี้ชัดในเรื่องนี้ ด้านองค์การอนามัยโลกยืนยันเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ว่า จะทำทุกอย่างจนกว่าจะได้คำตอบเรื่องต้นตอโควิด หลังจากมีรายงานข่าวว่าองค์การอนามัยโลกยุติการสืบหาไปแล้ว.-สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกจะเดินหน้าหาคำตอบเรื่องต้นกำเนิดโควิด

นายเทดรอส อาดานอม เกเบรเยซัส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าววานนี้ว่า องค์การอนามัยโลกจะยังคงเดินหน้าหาความจริงจนกว่าจะพบคำตอบว่า เชื้อไวรัสโรคโควิด-19 เริ่มต้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร หลังมีรายงานว่าองค์การอนามัยโลกยกเลิกการศึกษาเรื่องนี้แล้ว

ชี้ตลาดในเมืองอู่ฮั่นน่าจะเป็นต้นตอของโควิด-19

การศึกษาของสหรัฐระบุว่า ผู้ที่ถูกพบว่าติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 เป็นรายแรกคือผู้ค้าที่ตลาดแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น ของจีน ไม่ใช่นักบัญชีที่ดูเหมือนจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับตลาดเลย

ทำเนียบขาวเผย “ไบเด” คุยเรื่องต้นตอโควิดกับผู้นำจีน

ทำเนียบชาวของสหรัฐเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ หารือเรื่องการสอบสวนหาต้นตอของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในระหว่างที่เขาสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเมื่อวันพฤหัสบดี

หน่วยข่าวกรองสหรัฐระบุหาที่มาโควิดไมได้หากจีนไม่ช่วย

หน่วยงานด้านข่าวกรองของสหรัฐกล่าวว่า ไม่เชื่อว่าจะสามารถหาข้อสรุปในประเด็นที่มีการถกเถียงกันว่า ห้องปฎิบัติการทดลองในประเทศจีนเป็นแหล่งที่มาของเชื้อโวรัสโรคโคโรนา 2019 หากไม่ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่านี้

นิวซีแลนด์ระบุที่มาของการติดเชื้อโควิดล่าสุด

การระบาดล่าสุดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของนิวซีแลนด์ ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 21 รายแล้วในวันนี้ แต่เจ้าหน้าที่กล่าวว่า เชื้อไวรัสอาจจะไม่ได้อยู่ในชุมชนมานานเนื่องจากพบว่าที่มาของเชื้อไวรัสมาจากผู้ที่เดินทางกลับมาจากนครซิดนีย์ของออสเตรเลียเมื่อไม่นานมานี้

สหรัฐเรียกร้องอนามัยโลกศึกษาระยะ 2 หาที่มาโควิดในจีน

สหรัฐกล่าววานนี้เรียกร้ององค์การอนามัยโลก เริ่มดำเนินการระยะ 2 ในการสอบสวนหาที่มาของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยให้ผู้เชี่ยวชาญอิสระสามารถเข้าถึงข้อมูลดั้งเดิมและตัวอย่างต่าง ๆ ในประเทศจีนได้อย่างเต็มที่

ออสเตรเลียขยายมาตรการจำกัดโควิดหาต้นตอติดเชื้อ

ซิดนีย์ 9 พ.ค.- รัฐนิวเซาท์เวลส์ที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในออสเตรเลียไม่พบผู้ติดเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นวันที่ 3 ติดต่อกันในวันนี้ แต่ได้ขยายมาตรการจำกัดการระบาดต่อไปอีกหนึ่งสัปดาห์ เพื่อหาต้นตอการติดเชื้อเมื่อไม่นานมานี้ รัฐนิวเซาท์เวลส์บังคับใช้มาตรการรักษาระยะห่างและสวมหน้ากากอนามัยจนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม และรณรงค์ให้ประชาชนตรวจหาเชื้อ หลังจากสามีภรรยาคู่หนึ่งในนครซิดนีย์มีผลตรวจเป็นบวกเมื่อสัปดาห์ก่อน นางแกลดีส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีทวีตวันนี้ว่า ไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่เป็นวันที่ 3 ในวันนี้ แต่เนื่องจากยังไม่พบต้นตอการติดเชื้อล่าสุด จึงได้ขยายมาตรการต่อไปอีกหนึ่งสัปดาห์จนถึงวันที่ 17 พฤษภาคม เพื่อเป็นการป้องกันล่วงหน้า ประชาชนกว่า 5 ล้านทั้งในและรอบนครซิดนีย์จะต้องสวมหน้ากากอนามัยบนรถโดยสารสาธารณะ และสถานที่สาธารณะเกือบทั้งหมด ห้ามการรวมกลุ่มในบ้านเกิน 20 คน ด้านนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลียให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ในเครือนิวส์คอร์ปที่เผยแพร่วันนี้ว่า ออสเตรเลียยังไม่มีแนวโน้มจะเปิดประเทศในเร็ว ๆ นี้ ขณะนี้ชาวออสเตรเลียกำลังพอใจที่ไม่พบการแพร่ระบาดในประเทศ รัฐบาลจึงต้องระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของประชาชนในเวลานี้.-สำนักข่าวไทย

เผยชื่อ 13 จุดในกัมพูชาที่โควิดระบาดเป็นกลุ่มก้อน

พนมเปญ 21 ก.พ.- สื่อกัมพูชาเปิดเผยรายชื่อสถานที่ 13 แห่งที่ถูกระบุว่า เป็นต้นตอการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แบบเป็นกลุ่มก้อนล่าสุด เว็บไซต์แขมร์ไทมส์รายงานว่า มีสถานที่มากถึง 13 แห่งที่ถูกระบุว่าเป็นต้นตอโรคโควิด-19 ระบาดแบบเป็นกลุ่มก้อนที่ถูกตั้งชื่อว่า การระบาดในชุมชนวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พร้อมกับเปิดเผยรายชื่อดังกล่าวที่มีทั้งไนต์คลับ โรงแรม อพาร์ตเมนต์ ร้านอาหาร คอนโดมีเนียม ผู้ป่วยแบบเป็นกลุ่มก้อนทั้ง 32 คน อาศัยหรือไปสถานที่เหล่านี้บ่อยครั้ง ในจำนวนนี้ 4 คนเป็นผู้หลบหนีจากโรงแรมแห่งหนึ่งที่ใช้เป็นสถานกักโรคและมีข่าวว่าย้ายจากอพาร์ตเมนต์หนึ่งไปพักในอีกอพาร์ตเมนต์หนึ่ง เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขเผยว่า กำลังติดตามผู้มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยในช่วง 24 ชั่วโมง พบแล้วจำนวนมากและได้เก็บตัวอย่างไปตรวจหาเชื้อแล้ว เกรงว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นในอีกวันสองวันนี้ แขมร์ไทมส์รายงานว่า เชื่อกันว่าการระบาดครั้งนี้เกิดจากผู้ถูกกักโรค 4 คนติดสินบนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมเพื่อหลบหนีออกมา ทั้งที่สองคนมีผลตรวจเป็นบวกแล้ว ผู้ป่วยแบบเป็นกลุ่มก้อน 32 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนอายุ 23-39 ปี ที่เหลือเป็นชาวเวียดนาม ชิลี และชาวเอเชียอีกประเทศหนึ่งประเทศละ 1 คน ขณะนี้กำลังมีการหารืออย่างเคร่งเครียดเรื่องการรักษาความปลอดภัยสถานกักโรค เพราะมีผู้ถูกกักโรคจำนวนหนึ่งหลบหนีทั้งที่ถูกยึดหนังสือเดินทางหรือบัตรประจำตัว ทางการอาจส่งสารวัตรทหารไปดูแลแทน […]

1 2
...