ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ติดโควิด-มีอาการป่วยเล็กน้อย

พริทอเรีย 13 ธ.ค. – ประธานาธิบดีซีริล รามาโฟซา ของแอฟริกาใต้ มีผลตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นบวกเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น และมีอาการป่วยเล็กน้อย ทำเนียบประธานาธิบดีของแอฟริกาใต้ระบุในแถลงการณ์ว่า ประธานาธิบดีรามาโฟซา ซึ่งได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดครบสองโดส เริ่มรู้สึกไม่สบายหลังเดินทางกลับมาจากพิธีรำลึกถึงอดีตประธานาธิบดีเฟรเดอริก วิลเลิม เดอ แกลร์ก ซึ่งเป็นประธานาธิบดีผิวขาวคนสุดท้ายของแอฟริกาใต้ ที่เมืองเคปทาวน์ในวันเดียวกัน แต่ยังคงมีสุขภาพแข็งแรงดี และได้รับการดูแลโดยคณะแพทย์แล้ว ขณะนี้ ประธานาธิบดีรามาโฟซาจะกักตัวอยู่ในเมืองเคปทาวน์ต่อไป และได้มอบหมายหน้าที่บริหารประเทศให้แก่รองประธานาธิบดีเดวิด มาบูซา ไปจนถึงสัปดาห์หน้า ทำเนียบประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ยังระบุว่า ในการเดินทางเยือน 4 ประเทศในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกเมื่อไม่นานมานี้ ประธานาธิบดีรามาโฟซาและคณะผู้แทนจากแอฟริกาใต้ทั้งหมดได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดในทุกประเทศ โดยที่ผู้นำแอฟริกาใต้และคณะผู้แทนเพิ่งเดินทางกลับมาจากเซเนกัลเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม และทั้งหมดมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นลบ แถลงการณ์ดังกล่าวยังระบุถึงคำพูดของประธานาธิบดีรามาโฟซาว่า การติดเชื้อโควิดของเขาเปรียบเสมือนคำเตือนให้ประชาชนทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด และระมัดระวังตัวเองต่อการระบาด เนื่องจากวัคซีนโควิดยังคงมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันอาการป่วยรุนแรงและการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ขณะนี้ แอฟริกาใต้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 3.1 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 90,000 คน. -สำนักข่าวไทย

ผู้นำแอฟริกาใต้ตำหนินานาชาติใช้คำสั่งระงับเดินทาง

พริทอเรีย 29 พ.ย. – ประธานาธิบดีซีริล รามาโฟซา ของแอฟริกาใต้ กล่าวตำหนินานาชาติที่ใช้คำสั่งระงับการเดินทางจากแอฟริกาใต้และประเทศใกล้เคียง เพราะยังไม่มีหลักฐานที่หนักแน่นพอเกี่ยวกับเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน หลังพบเชื้อดังกล่าวเป็นครั้งแรกในแอฟริกาใต้ ประธานาธิบดีรามาโฟซากล่าวคำปราศรัยเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่หนักแน่นพอต่อการใช้คำสั่งระงับการเดินทาง และทำให้แอฟริกาใต้ตกเป็นผู้เคราะห์ร้ายจากการถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เขายังแย้งว่าคำสั่งดังกล่าวจะไม่ได้ผลในการป้องกันการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน แต่จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบ และทำให้ประเทศเหล่านั้นไม่อาจรับมือหรือฟื้นตัวจากการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ ประธานาธิบดีรามาโฟซายังเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ที่ใช้คำสั่งระงับการเดินทางจากแอฟริกาใต้รีบยกเลิกคำสั่งดังกล่าวโดยด่วนก่อนที่แอฟริกาใต้จะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจไปมากกว่านี้ เขายังระบุเพิ่มเติมว่า การอุบัติขึ้นของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นสัญญาณเตือนทั่วโลกให้เห็นถึงปัญหาความไม่เท่าเทียมด้านวัคซีนป้องกันโรคโควิด พร้อมทั้งเตือนว่าการเกิดเชื้อโควิดกลายพันธุ์เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จนกว่าทุกคนจะได้รับการฉีดวัคซีน ประธานาธิบดีรามาโฟซายังได้เรียกร้องให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนให้มากขึ้น โดยระบุว่า แอฟริกาใต้ไม่ได้ประสบปัญหาขาดแคลนวัคซีนโควิด และการฉีดวัคซีนเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการรับมือกับโรคโควิด-19 ก่อนหน้านี้ หลายประเทศทั่วโลก เช่น อังกฤษ สหรัฐ และสหภาพยุโรป ได้ประกาศใช้คำสั่งระงับการเดินทางจากแอฟริกาใต้และประเทศใกล้เคียง หลังแอฟริกาใต้เปิดเผยว่าพบเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะที่องค์การอนามัยโลกจัดให้เชื้อดังกล่าวอยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวล นอกจากนี้ เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนยังได้แพร่กระจายไปยังหลายประเทศทั่วโลก เช่น อังกฤษ เยอรมนี ออสเตรเลีย และอิสราเอล. -สำนักข่าวไทย

...