ชัวร์ก่อนแชร์ : ต้องเลิกใช้หลอดดูดน้ำ จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์แชร์คลิปเตือนว่า ต่อไปนี้คงต้องเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่ใช้หลอดดูดน้ำดื่มแล้ว เพราะนักวิจัยพบสารเคมี PFAS ในหลอดดูดแทบทุกชนิด ทั้งหลอดกระดาษ ไม้ไผ่ พลาสติก แก้ว ยกเว้นแค่หลอดสเตนเลสเท่านั้น แม้แต่ EU ก็สั่งยกเลิกแล้ว


🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ผศ.ดร.บุศรินทร์ จงเจริญยานนท์ อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีการบรรจุและวัสดุ และ รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ข้อมูลในคลิปมีส่วนที่เป็นความจริงและไม่เป็นความจริง


ส่วนที่เป็นความจริงก็คือ ในหลอดกระดาษมี PFAS อยู่จริง แต่ไม่ใช่เป็นสาเหตุที่ทำให้สหภาพยุโรป (EU) ยกเลิกการใช้หลอดกระดาษ หรือหลอดพลาสติกแบบที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง

สาเหตุที่ EU แบน หรือยกเลิกหลอดพลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เป็นเพราะปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ขยะที่เกิดจากการใช้พลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง (Single-used plastic) ไม่ว่าจะเป็นจาน ช้อนส้อม มีด หรือแม้แต่หลอด เพราะฉะนั้น การใช้หลอดที่มี PFAS อยู่ แต่ใช้อย่างถูกประเภทตามที่ผู้ผลิตแนะนำ ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย เพราะ PFAS ก็ยังมีใช้กันอยู่ทั่วไปในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว

สาร PFAS คืออะไร ?


สาร PFAS ย่อมาจาก Per-and polyfluoroalkyl substances เป็นสารที่ fluoro กับ alkyl เชื่อมต่อกัน ซึ่งพันธะเคมีจะแข็งแรงมากจึงคงอยู่ได้ในสิ่งแวดล้อมเป็นเวลานาน

PFAS ถูกเรียกว่า “สารเคมีตลอดกาล” สารเคมีตัวนี้นำมาเคลือบกันน้ำ กันน้ำมัน และกันการติด

สาร PFOA : Perfluorooctanoic acid เป็นสารที่มีคุณสมบัติแบบเดียวกับ PFAS เพราะเป็นสารกลุ่มเดียวกัน สามารถกันน้ำ กันน้ำมันได้ ไม่ทำให้ติดภาชนะ

หลอดกระดาษ ใช้สาร PFAS ด้วยหรือ ?

กระดาษมีคุณสมบัติที่ไม่เหมาะสมกับการใช้กับของเหลว เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการปรับปรุงคุณสมบัติโดยการเคลือบสาร PFAS กลุ่มนี้ เพื่อช่วยกันน้ำ กันน้ำมัน

นอกจากนี้ ยังพบได้อีกหลายแหล่ง นอกเหนือจากหลอด คือกลุ่มบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการกันน้ำ กันน้ำมัน เช่น ถ้วยกระดาษ แก้วกระดาษ ชามกระดาษ จานกระดาษ เคลือบเฟอร์นิเจอร์ พรม ภาชนะต่าง ๆ มีการเคลือบกันน้ำไว้ และเครื่องสำอางที่บอกว่าเป็นกลุ่มกันน้ำก็มีโอกาสพบ PFAS อยู่ด้วย

ในอาหาร น้ำดื่ม ฝุ่นละออง ก็อาจมีการปนเปื้อนของสารกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน อยู่ในสิ่งแวดล้อม มีความคงทนอยู่

งานวิจัยที่เก็บตัวอย่าง เกิดขึ้นในต่างประเทศ

สิ่งที่แชร์กันเป็นงานวิจัยต่างประเทศ เก็บตัวอย่างหลอดในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ หรือร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด 39 ตัวอย่าง แล้วนำมาทดสอบ ผลปรากฏว่า 69 เปอร์เซ็นต์ของตัวอย่าง มีสาร PFAS อยู่

ตัวอย่างที่เก็บ มาจากวัสดุ 5 ชนิด ได้แก่ กระดาษ ไม้ไผ่ โลหะที่เป็นสเตนเลส พลาสติก แก้ว แต่ละกลุ่มพบ PFAS แตกต่างกัน แต่หลอดที่ทำจากสเตนเลสไม่พบสาร PFAS

ที่บอกว่า EU สั่งยกเลิกนั้น ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะคนที่พูดไปตีความว่าการที่ EU แบน เพราะการใช้หลอดมี PFAS

ในความเป็นจริง EU แบนหลอดเพราะประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากขยะพลาสติก ไม่ว่าจะเป็นจาน ช้อน ถ้วย ชาม รวมถึงหลอดด้วย แต่ในตัวงานวิจัยพูดถึง PFAS โดยเฉพาะ แต่ไม่ได้บอกว่าจะแบนหรือไม่แบน

ถ้าจะนำมาเปรียบเทียบกับประเทศไทย บอกไม่ได้ว่าเป็นกลุ่มตัวอย่างเดียวกันหรือไม่

ยกตัวอย่าง ในหลอดกระดาษ พบถึง 90 เปอร์เซ็นต์ คือเก็บตัวอย่างมาทั้งหมด 20 ตัวอย่าง แต่ 18 ตัวอย่างพบ PFAS อยู่ในนั้น ไม่พบแค่ 2 ตัวอย่าง ซึ่งก็ไม่รู้ว่ายี่ห้ออะไรบ้าง และเป็นยี่ห้อเดียวกับที่จำหน่ายในประเทศไทยหรือไม่

อาจเป็นการสรุปแบบเหมารวมเกินไป เพราะถ้าเป็นหลอดกระดาษไม่ว่าจากประเทศไหน จะต้องพบ PFAS 90 เปอร์เซ็นต์เลยหรือ อาจจะไม่ใช่แบบนั้นก็ได้

จริง ๆ แล้ว สาร PFAS ใช้สัมผัสกับอาหาร ได้หรือไม่ ?

ปกติ PFAS ก็มีการใช้งานกันทั่วไปอยู่แล้ว

ถ้าใช้ในสภาวะที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอุณหภูมิ ชนิดของอาหาร ก็มั่นใจได้ว่าไม่มีการปนเปื้อนของสาร PFAS หรือหลุดออกมาเกินที่มาตรฐานกำหนด

ร่างกายคนเราจะได้รับ PFAS เข้าไปโดยผ่านการสัมผัสอาหาร และกินอาหารเข้าไป

การที่สารเคมีจะเคลื่อนที่จากภาชนะไปสู่อาหาร เรียกว่า ไมเกรชั่น (Migration) เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ปัจจัยเด่น ๆ ได้แก่

1. อุณหภูมิ ถ้าอุณหภูมิสูงโอกาสเกิดไมเกรชั่นจะมีมาก

2. ชนิดของอาหาร ถ้าเป็นอาหารกลุ่มไขมันก็มีโอกาสเกิดไมเกรชั่นได้มากกว่า เช่น ใช้หลอดกระดาษอันเดียวกัน ดูดนมอุ่น อีกแก้วเป็นน้ำผลไม้เย็น ถ้าหลอดนั้นมี PFAS โอกาสที่ PFAS ลงไปในนมอุ่นจะมีมากกว่า เพราะอุณหภูมิสูงกว่า มีความเป็นไขมันมากกว่า

สารกลุ่มนี้ เมื่อเข้าสู่ร่างกาย อาจจะไปสะสมในตับ ทำให้การทำงานผิดปกติในระบบต่าง ๆ ของร่างกายได้ เช่น ระบบประสาท ระบบต่อมไร้ท่อ ระบบสืบพันธุ์

ผู้ผลิตมีคำแนะนำการใช้งาน ว่าไม่ควรใช้งานในสภาวะไหนบ้าง เมื่อใช้งานตามคำแนะนำของผู้ผลิตก็สามารถมั่นใจได้ว่าสารกลุ่มนี้จะไม่หลุดลงมาในอาหาร

ในชีวิตประจำวัน อาจได้รับสาร PFAS จากอะไรบ้าง ?

บรรจุภัณฑ์อาหาร : เช่น กล่องอาหาร กล่องโฟม ถ้วยกาแฟเคลือบ หรือห่อขนมต่างๆ เนื่องจากสาร PFAS มีคุณสมบัติกันน้ำ กันมัน และทนความร้อน ทำให้ถูกนำไปเคลือบบรรจุภัณฑ์อาหารเพื่อยืดอายุการใช้งานและป้องกันอาหารเสีย

เครื่องครัว : กระทะ หม้อ หรืออุปกรณ์ทำครัวที่เคลือบสารกันติด เช่น เทฟลอน อาจมีสาร PFAS ปนเปื้อนอยู่ได้

เสื้อผ้า : เสื้อผ้ากันน้ำ หรือเสื้อผ้ากีฬาบางชนิด อาจมีการเคลือบสาร PFAS เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกันน้ำและคราบสกปรก

เฟอร์นิเจอร์ : พรม โซฟา หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากผ้า หรือวัสดุเคลือบกันน้ำ กันเปื้อน อาจมีสาร PFAS ปนเปื้อนอยู่ได้

ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนตัว : เครื่องสำอาง สบู่ แชมพู หรือโลชั่นบางชนิด อาจมีส่วนผสมของสาร PFAS เพื่อเพิ่มความคงทนของผลิตภัณฑ์

น้ำดื่ม : ในบางพื้นที่ น้ำดื่มอาจปนเปื้อนสาร PFAS จากโรงงานอุตสาหกรรม หรือแหล่งกำเนิดอื่น ๆ

อาหาร : สัตว์น้ำ เช่น ปลา หรืออาหารทะเลอื่น ๆ อาจสะสมสาร PFAS จากการกินอาหารที่ปนเปื้อนสารชนิดนี้

ฝุ่นละออง : ฝุ่นละอองในอากาศอาจมีอนุภาคของสาร PFAS จากผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่สลายตัว

สาร PFOA ทำให้เกิดอันตรายกับร่างกายหรือไม่ อย่างไร ?

เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว PFOA จะถูกสะสมอยู่ในตับ ไต และเลือด โดยร่างกายไม่สามารถขับออกได้ง่าย ทำให้สะสมเป็นเวลานาน ส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น

ระบบภูมิคุ้มกัน : ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ อาจทำให้ร่างกายอ่อนแอต่อการติดเชื้อและโรคต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น

ระบบต่อมไร้ท่อ : ส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่หลากหลาย เช่น ภาวะมีบุตรยาก การเจริญเติบโตผิดปกติ หรือโรคเบาหวาน

ระบบสืบพันธุ์ : อาจส่งผลกระทบทั้งในเพศชายและเพศหญิง

ระบบประสาท : มีการศึกษาบางส่วนที่เชื่อมโยง PFOA เข้ากับปัญหาเกี่ยวกับพัฒนาการของระบบประสาทในเด็ก

มะเร็ง : บางชนิดของสาร PFAS ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสารที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ เช่น มะเร็งไต มะเร็งอัณฑะ และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

ส่งผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ : การได้รับสาร PFOA ในขณะตั้งครรภ์อาจส่งผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ ทำให้น้ำหนักแรกเกิดต่ำ หรือมีความผิดปกติทางกายภาพ

ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ : เช่น การเพิ่มขึ้นของคอเลสเตอรอลในเลือด การลดลงของน้ำหนักแรกเกิด และปัญหาเกี่ยวกับตับ

คำแนะนำสำหรับผู้บริโภค ดื่มน้ำอย่างไร ให้ปลอดภัยจากสาร PFAS และ สาร PFOA

ในแง่ของสุขภาพ การป้องกันตัวเองจากสาร PFAS และ PFOA เป็นสิ่งสำคัญ การลดความเสี่ยงในการได้รับสารดังกล่าว ซึ่งมาจากหลอดกระดาษ หลอดพลาสติก หากหลีกเลี่ยงการใช้งานหลอดกลุ่มนี้ และเลือกใช้หลอดสเตนเลส หลอดแก้ว ซึ่งเป็นวัสดุที่ปลอดภัย สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ก็จะช่วยลดโอกาสการได้รับสารกลุ่มนี้ และยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ดังนั้น จะต้องระวังเรื่องความสะอาด มีอุปกรณ์ทำความสะอาดที่เหมาะสม และอันตรายจากการกระแทก

ในแง่ของสิ่งแวดล้อม ถ้าไม่ได้มีความจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องใช้หลอดดูดน้ำ เช่น เป็นผู้พิการ หรือต้องอยู่ในท่านอน ไม่สามารถดื่มน้ำจากแก้วได้ ก็ลองหยุดคิดสักนิด ก่อนที่จะใช้หลอดแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เพราะระยะเวลาการใช้งานนั้นสั้นมาก หากเทียบกับระยะเวลาที่มันจะตกค้างอยู่เป็นขยะในโลกของเรา 

📌 สรุป : เรื่องนี้จริงบางส่วน ไม่ควรแชร์ต่อ ❌  

ข้อมูลที่แชร์กันมีส่วนทำให้เข้าใจผิด เพราะการที่บอกว่า สหภาพยุโรปแบน การใช้หลอดที่มี PFAS ไม่เป็นความจริง เพราะถ้าแชร์เรื่องนี้ต่อไป ก็อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในวงกว้างได้

การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าตามข้อเท็จจริง โดยไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก

สัมภาษณ์โดย พีรพล อนุตรโสตถิ์

เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ : ต้องเลิกใช้หลอดดูดน้ำ จริงหรือ ?

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ยันไทยทำถูกต้องปมรั้วลวดหนามบ้านหนองจาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ยันกรณีล้อมรั้วลวดหนาม พื้นที่บ้านหนองจาน ไทยทำถูกต้องภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง บอกโฆษก ทบ. แจงรายละเอียด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาใช้มวลชนมากดดัน เพื่อให้ไทยรื้อลวดหนามบริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว รัฐบาลจะมีแนวทางอย่างไร ว่า พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงแล้ว ก็เป็นไปตามนั้น ส่วนจะมีการเพิ่มมาตรการอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม ย้ำว่าเป็นไปตามที่โฆษกกองทัพบกได้ชี้แจงไปแล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ยังกระทบกันอยู่ ก็แก้ไขปัญหาไปตามสภาพการณ์ เรายืนยันว่าสิ่งที่เราทำถูกต้องแล้ว และทำทุกอย่างภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่ประเทศมาเลเซีย .-315 -สำนักข่าวไทย

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนัก-ลมแรง

กรุงเทพฯ 26 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและลมแรง ส่วนพายุโซนร้อน “คาจิกิ” คาดอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ก่อนเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ บริเวณ จ.น่าน เย็นวันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ปกคลุมบริเวณประเทศลาว ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย […]

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย