ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : ป้องกันและรักษาโรคไอกรน

“ไอกรน” โรคติดต่อที่อาจรุนแรงในผู้ป่วยบางกลุ่ม โดยเฉพาะเด็กเล็ก เป็นแล้วจะต้องรักษาอย่างไร ป้องกันด้วยวิธีใดได้บ้าง ?


🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.ดร.นพ.นพพร อภิวัฒนากุล หัวหน้าหน่วยโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

ถ้าตัวท่าน หรือลูกหลาน มีอาการไอ ไอนาน มีอาเจียนหลังไอ อาจจะต้องไปพบแพทย์ตรวจว่าเป็นไอกรนหรือไม่


ตรวจแล้วถ้าไม่ใช่ไอกรน เป็นโรคอื่นหรือไม่ ที่ทำให้ไอมากและไอนาน

ถ้าเป็นไอกรนจริง มียารักษา เพราะการรักษาง่ายมาก กินยา 5 วันก็หายแล้ว

การกินยารักษาไอกรน นอกจากทำให้ตัวเราเองอาการดีขึ้นแล้ว ยังลดโอกาสการแพร่เชื้อให้กับคนอื่นได้ด้วย


สมมุติมีประวัติสัมผัสโรค เช่น มีเด็กในบ้านป่วย แพทย์ยืนยันว่าเป็นโรคไอกรนแน่นอน และคนที่อยู่ในบ้านเดียวกันเริ่มมีอาการไข้คล้ายไข้หวัด ไอ มีน้ำมูก ควรจะต้องไปตรวจเพื่อจะได้รู้ว่าติดไอกรนด้วยหรือไม่

แนวทางการรักษาไอกรน

 การรักษาแต่เนิ่น ๆ จะทำให้หายจากโรคได้เร็ว ยับยั้งการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น และป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน

เนื่องจากโรคไอกรน (Whooping Cough) หรือโรคไอร้อยวัน (pertussis or whooping cough or 100-day cough) เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bordetella pertussis (B. pertussis) ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียสามารถใช้ได้ และมียากลุ่มแมคโครไลด์ (Macrolide) ได้แก่ อะซิโทรมัยซิน (Azithromycin) คลาริโทรมัยซิน (Clarithromycin) อีริโทรมัยซิน (Erythromycin) เป็นต้น

ยากลุ่มแมคโครไลด์ตัวที่นิยมใช้ก็คือ อะซิโทรมัยซิน ยาตัวนี้หาได้ไม่ยากเลย เมื่อใดมีอาการและไปพบแพทย์ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นไอกรน ก็จะได้รับยาอะซิโทรมัยซินมากิน 5 วันเท่านั้น

กรณีที่มีอาการไอแล้วไม่ไปพบแพทย์ ปล่อยให้มีอาการไอนาน 1-2 เดือน อาการก็จะดีขึ้นได้ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนเกิดขึ้นก่อน

ป่วย “ไอกรน” สามารถกินยาแก้ไอ ได้หรือไม่ ?

การกิน “ยาแก้ไอ” เป็นเพียงบรรเทาอาการไอเท่านั้น ไม่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุไอกรนได้

ถ้าจะรักษาไอกรน จะต้องกินยาปฏิชีวนะ “อะซิโทรมัยซิน” กำจัดเชื้อไอกรนออกจากร่างกาย

 การดื่มน้ำ การพักผ่อนให้เพียงพอ หรือกินยาแก้ไอ เรียกว่า เป็นการรักษาแบบประคับประคอง อาจจะทำให้อาการไอดีขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยกำจัดเชื้อให้หายไป

ก่อนอื่น จะต้องเข้าใจว่า “ไอกรน รักษาหายขาด แต่เป็นซ้ำได้” เพราะภูมิคุ้มกันร่างกายที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ตลอดชีวิต

การฉีดวัคซีนไอกรนก็ไม่ได้ป้องกันตลอดชีวิต ถึงแม้จะฉีดวัคซีนไอกรนช่วงวัยเด็ก 5 เข็ม หลังจากนั้นจะต้องฉีดกระตุ้นทุก 10 ปี

เด็กที่เข้าสู่วัยรุ่น อายุ 11-12 ปี จะต้องฉีดวัคซีนไอกรนซ้ำ 1 ครั้งเพื่อเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคไอกรน และฉีดทุก 10 ปี

กรณีเพศหญิง ฉีดวัคซีนไอกรนทุกการตั้งครรภ์ ช่วงสัปดาห์ที่ 27-36 เพื่อเป็นการปกป้องทารกจากโรคไอกรนในช่วง 2-3 เดือนแรกหลังการคลอด

โรคไอกรน “ป้องกันได้”

“ไอกรน” เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรีย สามารถป้องกันได้ ดังต่อไปนี้

1. ฉีดวัคซีน ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนในเด็กแรกเกิดตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป สามารถลดการติดเชื้อแบคทีเรียไอกรนได้ แต่ถ้าลดการติดเชื้อไม่ได้สามารถลดความรุนแรงของโรคได้

2. การแยกผู้ป่วยโรคไอกรนอย่างเหมาะสม เช่น ถ้ารู้ว่าคนนี้ป่วยเป็นโรคไอกรน กินยาปฏิชีวนะ 5 วันก็หาย ในช่วง 5 วันนี้จะต้องแยกจากผู้อื่น หรือถ้าจำเป็นจะต้องสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง หลังจาก 5 วันไปแล้วผู้ป่วยโรคไอกรนก็จะไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่น สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติ

สมมุติว่ามีคนหนึ่งในบ้านป่วยเป็นโรคไอกรน คนรอบตัวที่สัมผัสผู้ป่วยถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะติดโรคไอกรน

ดังนั้น แพทย์จะให้ยาป้องกันกลุ่มเสี่ยงสูงก่อนที่จะเกิดอาการ และยาที่ใช้ป้องกันก็คือยาตัวเดียวกับที่ใช้รักษานั่นเอง ใช้ระยะเวลาเท่ากัน ก็คือ 5 วัน

ยาป้องกันไอกรนใช้ต่อเมื่อคนนั้นสัมผัสผู้ติดเชื้อและมีความเสี่ยงสูง ถ้าไม่ได้สัมผัสผู้ป่วยและไม่มีความเสี่ยงสูงก็ไม่จำเป็นต้องกินยา

ไม่ควรซื้อยามากินเพื่อป้องกันโรคไอกรน ?

เมื่อได้รับข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ว่ามี “ไอกรน” ระบาด ก็ยังไม่จำเป็นต้องไปซื้อยาปฏิชีวนะมากินเพื่อป้องกันโรค สิ่งสำคัญก็คือ ควรให้แพทย์ตรวจร่างกาย วินิจฉัยโรค และเป็นผู้สั่งจ่ายยาจะดีกว่าไปหาซื้อยามากินเอง เช่น

1. ป่วยเป็นไอกรนจริงหรือไม่

2. ป่วยรุนแรงมากน้อยแค่ไหน

3. มีภาวะแทรกซ้อนอะไรบ้าง

สาเหตุที่ไม่แนะนำให้ซื้อยาปฏิชีวนะมากินเอง เนื่องจาก

1. ยังไม่รู้ว่าเป็นโรคไอกรนจริงหรือไม่

2. การใช้ยาปฏิชีวนะสุ่มสี่สุ่มห้าอาจทำให้ร่างกายมีเชื้อดื้อยาอยู่ในตัวได้ เพราะถ้าป่วยเป็นโรคจริง ๆ เชื้อโรคก็จะเป็นเชื้อดื้อยา ทำให้การรักษายุ่งยากมากขึ้น

การซื้อยามากินเอง ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าโรคที่เป็นรุนแรงมากน้อยแค่ไหน มีภาวะแทรกซ้อนหรือยัง เพราะถ้าโรคที่เป็นรุนแรงยาที่กินก็อาจจะรักษาไม่หาย จะทำให้ระยะเวลาการรักษาที่ถูกต้องยาวนานออกไป ไม่ส่งผลดีต่อผู้ป่วย

สัมภาษณ์โดย พีรพล อนุตรโสตถิ์

เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : ป้องกันและรักษาโรคไอกรน

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย