ชัวร์ก่อนแชร์: วัคซีน HPV ไม่ลดความเสี่ยงมะเร็งปากมดลูก จริงหรือ?

04 ธันวาคม 2567
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีน HPV เผยแพร่ทางคลิปวิดีโอใน X ที่สหรัฐอเมริกา โดยอ้างว่า ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (UCLA) พบว่าการรณรงค์ฉีดวัคซีน HPV ให้กับเด็กหญิง ไม่ช่วยลดโอกาสการป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกเหมือนที่หน่วยงานสาธารณสุขคาดไว้ เพราะหลังจากเริ่มรณรงค์ฉีดวัคซีน HPV ในสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ปี 2006 ปัจจุบันกลับพบว่ายอดผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกกลับเพิ่มขึ้น


บทสรุป :

  1. เป็นข้ออ้างที่บิดเบือนผลวิจัยที่พบว่าผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 4 เพิ่มขึ้นเพราะขาดการคัดกรองมะเร็ง ไม่ใช่เพราะวัคซีน
  2. ข้อมูลจาก CDC พบว่าจำนวนผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกลดลงอย่างมากนับตั้งแต่มีการรณรงค์ฉีดวัคซีน HPV ให้กับเด็กผู้หญิงเมื่อปี 2006 เป้นต้นมา

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

จากการตรวจสอบโดย Fact Checker ในต่างประเทศพบว่า บุคคลที่อยู่ในคลิปวิดีโอคือ ดร.ปีเตอร์สัน ปีแอร์ แพทย์โรคผิวหนัง สมาชิกของ America’s Frontline Doctors องค์กรที่ตั้งขึ้นมาเพื่อต่อต้านการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2019 โดยหลายปีที่ผ่านมา America’s Frontline Doctors ได้รับการจับตาจากการเผยแพร่ข่าวปลอมเกี่ยวกับวัคซีนอย่างต่อเนื่อง


มะเร็งระยะสุดท้ายเพิ่มขึ้น-มะเร็งทั่วไปลดลง

ดร.อเล็กซ์ เฟรนเคอร์ นักวิจัยของ UCLA และเจ้าของงานวิจัยที่ถูก America’s Frontline Doctors นำมากล่าวอ้าง ยืนยันต่อทาง Fact Checker หลายสำนักว่า การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกที่ระบุในงานวิจัย คือยอดผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 4 หรือระยะสุดท้ายเท่านั้น

สวนทางกับข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) ที่พบว่า ยอดผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกโดยรวมมีจำนวนลดลงนับตั้งแต่การรณรงค์ฉีดวัคซีน HPV ในปี 2006

เฟรนเคอร์และคณะวิจัยสำรวจจำนวนผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกระยะสุดท้าย ซึ่งเป็นระยะที่มะเร็งลุกลามไปยังกระเพาะปัสสาวะและลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย โดยพบว่าในช่วงปี 2001-2018 จำนวนผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 4 เพิ่มขึ้น 1-3% ต่อปี

ทีมวิจัยพบว่ากลุ่มสตรีผิวดำมีอัตราการป่วยมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 4 สูงสุดหรือ 1.55 รายต่อประชากร 100,000 ราย ส่วนกลุ่มสตรีผิวขาวมีอัตราการป่วยมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 4 น้อยกว่าที่ 0.92 รายต่อประชากร 100,000 ราย

แต่กลุ่มสตรีผิวขาวในช่วงอายุ 40 ปีตอนต้น กลับเป็นกลุ่มที่พบผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 4 มากที่สุดในทุกช่วงอายุ โดยพบอัตราการเพิ่มขึ้นถึง 4.5% ต่อปี

ซึ่งทีมวิจัยพบว่า กลุ่มสตรีผิวขาวมีอัตราการเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกน้อยกว่ากลุ่มสตรีผิวดำถึง 2 เท่า จึงน่าจะเป็นสาเหตุทำให้ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 4 ในกลุ่มสตรีผิวขาวในช่วงอายุ 40 ปีตอนต้นมีจำนวนมากที่สุด

เฟรนเคอร์และคณะยังพบว่า ในกลุ่มสตรีที่อายุน้อยและได้รับวัคซีน HPV ในช่วงที่มีการรณรงค์ฉีดอย่างแพร่หลายหลังจากปี 2006 เป็นต้นมา คือกลุ่มที่พบผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกลดลงอย่างมาก

งานวิจัยปี 2020 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร New England Journal of Medicine เปรียบเทียบสัดส่วนการป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกของสตรีชาวสวีเดนอายุระหว่าง 10-30 ปี จำนวน 1.6 ล้านราย ในช่วงปี 2006-2017

โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่ไม่รับวัคซีน HPV และกลุ่มที่รับวัคซีน HPV ยี่ห้อ Gardasil สูตร 4 สายพันธุ์ ซึ่งป้องกันเชื้อไวรัส HPV ได้ 4 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ 6, 11, 16 และ 18 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ก่อทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศและมะเร็งปากมดลูก

ทีมวิจัยพบว่า กลุ่มสตรีที่ได้รับวัคซีน HPV มีความเสี่ยงป่วยด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนอย่างมาก โดยพบว่ากลุ่มที่ได้รับวัคซีน HPV ระหว่างอายุ 17-30 ปี ลดความเสี่ยงมะเร็งปากมดลูกได้ 53% ส่วนผู้ที่ได้รับวัคซีน HPV ก่อนอายุ 17 ปี ลดความเสี่ยงมะเร็งปากมดลูกได้ 90%

มาริสา ลูเบค ผู้เชี่ยวชาญการสื่อสารด้านสุขภาพ ศูนย์ภูมิต้านทานและระบบทางเดินหายใจแห่งชาติสหรัฐฯ (NCIRD) อธิบายว่า จำเป็นต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลของวัคซีน HPV ต่อการป้องกันมะเร็งปากมดลูกอย่างชัดเจน เนื่องจากยังมีสตรีสูงวัยที่ไม่ได้รับวัคซีน HPV ตอนเป็นวัยรุ่นเหมือนเด็กสาวรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูกเช่นเดิม ปัจจัยเสี่ยงอีกประการคือการไม่ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างทั่วถึง ดังนั้นวัคซีน HPV และการตรวจคัดกรองคือวิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่ดีที่สุด

ข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า มะเร็งปากมดลูกคือมะเร็งที่พบได้บ่อยเป็นอันดับที่ 4 ในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งเพศหญิงทั่วโลก

รายงานของสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Cancer Institute) ระหว่างการสำรวจปี 2014-2018 พบว่า มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดอันดับที่ 13 ในสหรัฐอเมริกา

สถาบันมะเร็งแห่งชาติของไทยระบุว่า มะเร็งปากมดลูกคือมะเร็งที่พบได้บ่อยเป็นอันดับที่ 5 ที่พบในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งเพศหญิงในประเทศไทย

ข้อมูลอ้างอิง :

https://apnews.com/article/fact-check-hpv-vaccine-effective-cancer-111862714979
https://www.reuters.com/article/fact-check/a-ucla-study-on-late-stage-cervical-cancer-rates-does-not-show-hpv-vaccine-is-in-idUSL1N32319K/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.แจงปม “ปราสาทตาควาย” ยึดไม่ได้ 100% เจอสนามทุ่นระเบิด BM-21 จ่อยิง

31 ก.ค.- ทบ.แจงปมทหารไทยยึด “ปราสาทตาควาย” ไม่ได้ 100% ไม่ใช่ตัวชี้วัดแพ้ชนะ แต่ได้พื้นที่มากกว่าก่อนปะทะ ลั่นยึดเนิน 350 จุดสูงข่มไม่ได้ เจอสนามทุ่นระเบิด BM-21 จ่อยิงหากเคลื่อนกำลังไปตัวปราสาทฯ ชี้ทีมโฆษก ทบ. ไม่ได้รับการประสานจากรัฐบาลก่อนเจรจาหยุดยิงถึงสถานการณ์หน้างาน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า สำหรับพื้นที่การปฏิบัติการทางทหารทั้งหมดมีเพียงปราสาทตาควายที่เดียว มีข้อจำกัด หากจะพูดถึงการควบคุมพื้นที่ เราสามารถควบคุมได้ตามแผน ตามเป้าหมายทางการทหารที่ได้วางไว้ โดยพื้นที่ปราสาทตาควาย ถือเป็นความพยายามสุดท้ายของทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา ก่อนถึงเวลาหยุดยิง ยอมรับว่า ปัจจุบันเราไม่สามารถควบคุมพื้นที่ได้ 100% เพียงแต่เราได้พื้นที่ควบคุมเพิ่มมากขึ้นก่อนที่จะมีการปะทะ จะเห็นว่าปัจจุบันเราควบคุมพื้นที่ได้ด้วยการใช้อาวุธยิง ซึ่งลักษณะการวางกำลังบริเวณปราสาทตาควายจะอยู่ในพื้นที่ส่วนกลาง และพื้นที่ที่เป็นจุดสำคัญทางการทหาร ไม่ใช่ตัวปราสาทตาควาย เพราะเป็นพื้นที่ต่ำ แต่เดิมหากเราวางกำลังประจำอยู่ที่ปราสาทตาควาย จะเป็นความไม่ปลอดภัยในเรื่องของการใช้อาวุธจากฝ่ายตรงข้าม เราจึงให้ความสำคัญกับเรื่องของการคุมพื้นที่ ห้วงสุดท้ายสำหรับการใช้กำลัง เราพยายามกระทำต่อเป้าหมายจุดสูงข่ม คือ เนิน 350 ซึ่งอาจจะมองว่าอยู่ในฝั่งของประเทศเพื่อนบ้าน แต่เป็นจุดสำคัญที่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติทางทหาร จึงเป็นความสำคัญสูงสุดที่เราจะต้องยึดที่หมายนี้ให้ได้ แต่เวลามีให้เราไม่เพียงพอ ซึ่งอย่างน้อยเราก็สามารถควบคุมพื้นที่ส่วนรวมด้วยอาวุธ ทั้งนี้ เนิน 350 เป็นพื้นที่วางกำลังของทหารกัมพูชา […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ทอ.โต้กัมพูชาอ้างขุดพบ MK-84 ชี้ระเบิดเก่าขึ้นสนิม ยันไม่ใช่ของไทย

31 ก.ค.- โฆษกกองทัพอากาศ ยันระเบิดที่ถูกขุดพบจากกัมพูชา ไม่ใช่ของกองทัพอากาศที่ปฏิบัติกับฐานที่มั่นทางทหารของกัมพูชา ตั้งข้อสังเกตเก่า เหมือนถูกขุดจากใต้ที่พักอาศัย จากกรณีที่พบระเบิด MK-84 ที่กัมพูชาขุดขึ้น ตามที่เฟซบุ๊กของนายแฮง รัตนา เอาภาพมาลงนั้น พลอากาศโท ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ ระบุกว่า ได้มีข้อสังเกตว่า ระเบิดดังกล่าวอยู่ในสภาพเก่าและมีลักษณะคล้ายถูกขุดขึ้นมาจากใต้ที่พักอาศัยของประชาชน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจากปฏิบัติการทางอากาศในช่วงที่ผ่านมา ดูจากสภาพที่ขึ้นสนิมไม่ใช่ของกองทัพอากาศไทย เนื่องจากลูกระเบิดที่กองทัพอากาศใช้มีสภาพใหม่และสมบูรณ์ ไม่เป็นสนิมขนาดนั้น ดูจากเส้นรอบวงโดยประมาณและความยาวคาดว่าเป็นลูกระเบิดอากาศขนาด 2000 ปอนด์ แบบตะวันตกที่มีใช้ทั่วไปสภาพความลึก และวางขนานกับพื้น ไม่เหมือนทิ้งจากเครื่องบิน .-313 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” ปัดตอบเสียปราสาทตาควาย ไม่เชื่อลมปากตระกูลฮุน

กระทรวงมหาดไทย 31 ก.ค.- “ภูมิธรรม” เสียใจผู้อพยพจบชีวิตเหตุเครียดอยากกลับบ้าน ขอประเมินให้ปลอดภัยก่อน บอกไทยประสบความสำเร็จยึดดินแดนได้ ปัดตอบเสียปราสาทตาควาย ไม่เชื่อลมปาก 2 พ่อลูกตระกูลฮุน ชี้ ทหารกัมพูชา 18 นาย รุกล้ำเข้าไทยหลังประกาศหยุดยิง เตรียมส่งตัวคืน แต่อีกฝ่ายปล่อยเฟกนิวส์ จึงต้องคุมตัวสอบก่อน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะนี้ประชาชนที่อยู่ในศูนย์อพยพสามารถเดินทางกลับบ้านได้แล้วหรือไม่ เนื่องจากตอนนี้พบว่ามีประชาชนฆ่าตัวตาย เพราะเครียดต่อสถานการณ์และอยากกลับบ้าน ว่าตนขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิต พร้อมยอมรับว่าเป็นความห่วงใยของรัฐบาล แม้ว่าจะอยากให้เดินทางกลับบ้านพักเลยแต่สถานการณ์ยังไม่มั่นใจ 100 % เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่กัมพูชาพูดสามารถเชื่อได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมามักบิดเบือนจากข้อเท็จจริง ซึ่งต้องรอการประเมินอีกครั้งหนึ่งก่อนว่าหากไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นก็สามารถเดินทางกลับบ้านพักได้ ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าการที่กัมพูชาพาผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงพื้นที่ เป็นเพราะเขาเป็นผู้ก่อเหตุจึงมั่นใจว่าเราจะไม่ทำอะไร และเราเองก็เป็นฝ่ายถูกกระทำ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่มั่นใจว่ากัมพูชาจะกระทำอย่างไร ส่วนไทยจะใช้มาตรการเชิงรุกทั้งด้านการทูตและด้านพื้นที่อย่างไร นายภูมิธรรม ระบุว่า ขณะนี้เราไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา การดำเนินการต่างๆเราก็คุยกับนานาชาติอยู่เสมอ แต่ข้อสำคัญอยู่ที่หลักฐานเพราะเขาพูดไปได้เรื่อยๆ แต่เราพูดมีหลักฐานรองรับ ขณะที่ข้อเท็จจริงเรื่องปราสาทตาควายที่มีการพูดกันว่าทางกัมพูชาเข้าครอบครองตัวปราสาท แต่เราได้ครอบครองเพียงพื้นที่โดยรอบ นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากพูดถึงในแง่การยุทธ์ การยึดคืนในพื้นที่ต่างๆ ถือว่าเราประสบความสำเร็จ ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แล้วพื้นที่ตัวปราสาทเป็นเช่นไร […]