ชัวร์ก่อนแชร์: ทารกเสี่ยงใหลตายจากวัคซีน DTaP จริงหรือ?

30 พฤศจิกายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีน DTaP เผยแพร่ทาง Instagram และ Facebook ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าการฉีดวัคซีน DTaP เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคคอตีบ โรคไอกรน และโรคบาดทะยัก ให้กับทารกเป็นอันตราย เพราะเพิ่มความเสี่ยงการเสียชีวิตด้วยโรคใหลตาย หลักฐานมาจากข้อมูลในฉลากวัคซีน DTaP ที่ระบุว่าโรคใหลตายในทารก เป็นหนึ่งในอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีน DTaP


บทสรุป :

  1. ข้อมูลจากหน่วยงานสาธารณสุขสหรัฐฯ ยืนยันไม่พบวัคซีน DTaP เกี่ยวข้องกับโรคใหลตายในทารก
  2. โรคใหลตายในทารกที่เกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีน ได้รับการยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับวัคซีน

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

วัคซีนที่ตกเป็นเป้าโจมตี ได้แก่ INFANRIX วัคซีน DTaP ของบริษัท GSK Biologicals โดยในเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลของวัคซีน INFANRIX ที่รับรองโดยองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ก็มีการระบุ โรคใหลตายในทารก (Sudden Infant Death Syndrome หรือ SIDS) เป็นหนึ่งในอาการไม่พึงประสงค์ของวัคซีนด้วยเช่นกัน


อย่างไรก็ดี โรคใหลตายในทารกและอาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ที่ระบุในฉลากของวัคซีน INFANRIX เป็นอาการที่ได้รับแจ้งหลังจากวัคซีนผ่านการอนุมัติแล้ว ซึ่งเป็นการแจ้งโดยสมัครใจและยังไม่มีการตรวจสอบว่าสาเหตุของอาการไม่พึงประสงค์เหล่านั้น มีความสัมพันธ์กับวัคซีนหรือไม่

โฆษกขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวนำมาจากระบบรายงานเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์จากวัคซีน (VAERS) ซึ่งอุบัติการณ์ของโรคใหลตายในทารกหลังการฉีดวัคซีน INFANRIX พบได้น้อยมาก เมื่อเทียบกับจำนวนทารกที่ได้รับวัคซีน จึงไม่พบว่าวัคซีน DTaP ยี่ห้อ INFANRIX เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคใหลตายในทารกแต่อย่างใด

ชาร์ลอต โมเซอร์ ผู้อำนวยการร่วมของศูนย์การศึกษาวัคซีน โรงพยาบาล Children’s Hospital of Philadelphia ชี้แจงว่า บริษัทเวชภัณฑ์จำเป็นต้องรายงานปัญหาจากการใช้ยา แม้ว่าอุบัติการณ์ของโรคที่เกิดกับผู้รับวัคซีน จะมีสัดส่วนไม่แตกต่างจากผู้ไม่ได้รับวัคซีนก็ตาม

ข้อจำกัดทางกฎหมายดังกล่าว แตกต่างจากรายงานของหน่วยงานทางการแพทย์ ทั้งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) หรือ สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งชาติสหรัฐอเมริกา (AAP) ที่จะทำการตรวจสอบอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนที่รายงานอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้มั่นใจว่าอาการต่าง ๆ มีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ ซึ่งจะมีความแม่นยำมากกว่าข้อมูลที่เปิดเผยโดยบริษัทผู้ผลิตยา

งานวิจัยปี 1994 โดยสถาบันยาแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ National Academy of Medicine ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างโรคใหลตายในทารกกับวัคซีน DTP ซึ่ง ชาร์ลอต โมเซอร์ ก็เชื่อว่าวัคซีน DTaP รุ่นใหม่ก็ไม่มีความสัมพันธ์กับโรคใหลตายในทารกเช่นกัน

วัคซีน DTP และ DTaP ไม่ใช่สาเหตุโรคใหลตายในทารก

ในอดีตมีรายงานพบทารกอเมริกันเสียชีวิตด้วยโรคใหลตายในทารก หรือ SIDS หลังจากเข้ารับการฉีดวัคซีน DTP จำนวนมาก รวมถึงเคสของทารกฝาแฝดที่เสียชีวิตด้วยโรค SIDS ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากรับวัคซีน DTP นำไปสู่การสอบสวนหาความสัมพันธ์ระหว่างวัคซีนกับโรคใหลตายในทารก

โรคใหลตายในทารก หรือ SIDS เป็นโรคที่เกิดกับทารกในวัยก่อน 1 ขวบ ปัจจุบันยังไม่สามารถหาสาเหตุของโรคได้แน่ชัด ข้อสันนิษฐานมีทั้งสาเหตุจากโรคประจำตัวที่ตรวจไม่พบในทารก และ การให้ทารกนอนคว่ำหน้า

และเนื่องจากทารกจะได้รับวัคซีน DTP หรือวัคซีน DTaP ในช่วงขวบปีแรกด้วยเช่นกัน ดังนั้นการพบทารกเป็นโรคโรคใหลตายก่อนอายุ 1 ขวบ หลังจากฉีดวัคซีน DTaP อาจไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่า การเสียชีวิตมีความเกี่ยวข้องกับวัคซีน

ข้อมูลจากศูนย์การศึกษาวัคซีนโรงพยาบาล Children’s Hospital of Philadelphia ระบุว่า ทารกกว่า 90% จะได้รับวัคซีนก่อนอายุ 1 ขวบ และมีเด็กเสียชีวิตจากโรคใหลตายในทารกปีละ 1,600 รายทุก ๆ ปี

ในทางสถิติจะพบว่า เด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบจะเสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนไปเพียง 24 ชั่วโมง จำนวน 50 รายทุก ๆ ปี ซึ่งไม่อาจระบุได้ว่าการเสียชีวิตเป็นผลจากวัคซีนหรือไม่

นอกจากนี้ สัดส่วนการเสียชีวิตด้วยโรคใหลตายในทารกที่ไม่ได้รับวัคซีน ก็มีในสัดส่วนพอ ๆ กับทารกที่ฉีดวัคซีน ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า โรคใหลตายในทารกไม่มีความสัมพันธ์กับวัคซีน

ในการตรวจสอบภายหลังยังพบว่า ฝาแฝดที่เสียชีวิตด้วยโรคใหลตายในทารกหลังฉีดวัคซีน DTP ไม่นาน ได้รับการยืนยันว่าสาเหตุมาจากการแพ้ส่วนประกอบในวัคซีนอย่างรุนแรง ไม่ใช่สาเหตุจากโรคใหลตายในทารกอย่างที่เข้าใจ

เด็กตายจาก SIDS ลดลง

ข้อมูลจาก CDC ระบุว่า ปัจจุบันเด็กอเมริกันเสียชีวิตด้วยโรคใหลตายในทารกลดลงอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยเสียชีวิต 130 รายต่อประชากรทารก 100,000 ราย เมื่อปี 1990 ลดลงมาเหลือ 38 รายต่อประชากรทารก 100,000 ราย ในปี 2020

สาเหตุที่เด็กตายด้วยโรค SIDS ลดลง มาจากความสำเร็จในการรณรงค์ให้ผู้ปกครองมีความรู้ด้านการป้องกันทารกจากโรคใหลตาย หนึ่งในนั้นคือการเปลี่ยนให้ทารกนอนหงายแทนการนอนคว่ำหรือนอนตะแคงข้าง ซึ่งเป็นท่านอนที่พบว่าเพิ่มความเสี่ยงการเสียชีวิตด้วยโรคใหลตายมากกว่าทารกที่นอนหงาย

ข้อมูลอ้างอิง :

https://apnews.com/article/fact-check-sids-vaccine-dtap-cdc-227447573826
https://www.reuters.com/fact-check/fda-does-not-list-sudden-infant-death-dtap-vaccine-side-effect-2023-09-22/
https://healthfeedback.org/claimreview/dtap-vaccine-isnt-associated-sudden-infant-death-syndrome-whooping-cough-vaccine-historic-decline-cases/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี

ชลบุรี 26 มิ.ย. – คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท ห้างดังกลางเมืองชลบุรี ระหว่างหนีเจอตำรวจนอกเครื่องแบบ คนร้ายยิงปืนใส่ 1 นัด โดนหมวกกันน็อก ตำรวจหลบทันแย่งปืนได้ แต่คนร้ายวิ่งหลบหนี คนร้ายชายสวมเสื้อแขนยาวสีเทาดำสวมหมวกสีชมพูใส่แมสก์ปิดบังใบหน้ากางเกงขายาว ทำทีเข้ามาซื้อทองภายในร้านทอง ในห้างสรรสินค้าย่านบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะชักปืนออกมาจี้บังคับพนักงานให้หยิบ สร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท จำนวน 2 เส้น และหนัก 9 บาท จำนวน 2 เส้น ก่อนจะเอาทองใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหลบหนีออกจากห้าง ระหว่างหลบหนี มีตำรววิ่งไล่ติดตามคนร้าย และตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาทำธุระเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปจับกุม แต่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สุดท้ายสามารถแย่งปืนจากคนร้ายเอาไว้ได้ พนักงานร้านทอง เล่าว่าตอนเกิดเหตุเป็นช่วงกำลังจัดร้านเพราะเพิ่งเปิดมีผู้ก่อเหตุสวมหมวกสีชมพู ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้าเข้ามาขอดูทองหนัก 10 บาท จึงบอกให้ถอดหมวกและแมสก์ แต่พูดยังไม่ทันขาดคำผู้ก่อเหตุได้ชักปืนออกมาพร้อมกับจี้บังคับให้เอาทองหนัก 10 บาท มาให้สองเส้นและสร้อยคอหนัก 9 บาทอีกสองเส้น รวมเป็น 4 เส้น น้ำหนักรวม […]

ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone สอยร่วง 4 ลำโดรนไม่ทราบฝ่าย

กองทัพเรือ 26 มิ.ย.-ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone ตอบโต้โดรนไม่ทราบฝ่ายที่บินเหนือฐานชายแดนจันทบุรีช่วงต้นสัปดาห์ สอยร่วง 4 ลำ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ระบุถึงกรณี จนท.เฝ้าตรวจการณ์นาวิกโยธิน ใช้ Anti-Drone ตัดสัญญาณโดรน ไม่ทราบฝ่ายตก 4 ลำ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังจันทบุรีตราด ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า โดรนไม่ทราบฝ่าย บินเหนือฐาน ชายแดนจันทบุรี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ Anti-Drone ยิงตกไป 4 ลำ ทั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันแล้ว และเป็นไปตามที่ได้ชี้แจง ถึงแนวทางปฏิบัติของกองทัพเรือไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกองทัพเรือมีมาตรการควบคุมการใช้โดรนบริเวณแนวชายแดน และแจ้งเตือนหากมีโดรนเข้ามาในเขตหวงห้ามก็จะใช้มาตรการต่อต้านโดรน.-313.-สำนักข่าวไทย

สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย. – เลขาธิการ กพฐ. สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ กรณีโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จัดอาหารมื้อเช้าให้นักเรียนเป็นข้าว พะโล้ไก่ กับไข่ต้ม 1 ใบนั้น สพฐ.ได้รับทราบเหตุและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนโดยทันที เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ยังสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นการชั่วคราวจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการบริหารภายในสถานศึกษา โดย สพฐ. จะกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งให้กำกับติดตามสถานศึกษาในสังกัดให้ดำเนินการโครงการต่างๆ ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียนและครูต่อไป.-417-สำนักข่าวไทย

เลื่อน! “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ลงทะเบียน 1 ก.ค.

25 มิ.ย. – เลื่อน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 5 แสนสิทธิ์ ประชาชนเริ่มลงทะเบียน 1 ก.ค. เวลา 08.00 น. เดินทางได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค.68 เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าครม. มีมติเห็นชอบโครงการและรายการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 110,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงิน 1,750 ล้านบาท โดยมีการแจ้งว่า จะเริ่มเปิดลงทะเบียนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ 5 แสนสิทธิ์ เที่ยงคืนที่ผ่านมา และสามารถเที่ยวได้ 1 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า มีการแจ้งเลื่อนเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดย ผู้ว่าการ ททท. แจ้งว่าจะเปิดลงทะเบียนวันที่ 1 กรกฎาคม เวลา 08.00 น. […]

ข่าวแนะนำ

เริ่มแล้ว! ม็อบรวมพลังแผ่นดิน ทยอยปักหลักอนุสาวรีย์ชัยฯ

กทม. 28 มิ.ย.- เริ่มแล้ว! มวลชนกลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ เดินเท้าเคลื่อนขบวนไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อร่วมชุมนุมใหญ่ ขณะที่การจราจรเช้านี้ รถยังเคลื่อนตัวได้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่ม คปท. กองทัพธรรม กปปส. และมวลชนหลายร้อยคน รวมตัวกันบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อเตรียมเคลื่อนขบวนไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยมีประชาชนจากหลายจังหวัดเข้าร่วม ต่างยกธงชาติไทย ชูป้ายข้อความเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ลาออก เวลา 08.30 น. เริ่มเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าแยกอุรุพงษ์ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระราม6 เลี้ยวขวาเข้าถนนศรียุธยา ตรงเข้าแยกราชเทวี และเลี้ยวซ้ายเข้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ส่วนกำหนดการวันนี้เวลา 10.00 น. จะมีการเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ทหารกล้า หลังจากนั้น เวลา 12.00 น. จะเปิดเวทีปราศรัย ขณะที่ช่วง 17.30-18.10 น. จะอ่านแถลงการณ์ “รวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย” จากนั้นจะเป็นการปราศรัยหลักจากกลุ่มแกนนำ อาทิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นต้น จนถึงเวลา 21.00 […]

นายกฯ บินเชียงรายตรวจน้ำท่วม ไม่กังวลม็อบขับไล่ ชี้เป็นสิทธิ

บน.6 ดอนเมือง 28 มิ.ย.- นายกฯ นำคณะตรวจน้ำท่วมเชียงราย ไม่กังวลม็อบชุมนุมขับไล่ ชี้เป็นสิทธิ ยินดีคุยด้วยสันติวิธี เช้านี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ หลังฝนตกหนัก ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และให้กำลังใจกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับสัญชาติไทย ก่อนออกเดินทาง นายกรัฐมนตรีได้ตอบคำถามสื่อมวลชน กรณีกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน นัดชุมนุมใหญ่ วันนี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เรียกร้องให้ตนเองลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่กังวล เนื่องจากมองว่าเป็นสิทธิ หากยังอยากคุยกันด้วยสันติวิธีเหมือนเดิมก็ยินดี สำหรับกำหนดการวันนี้ นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่อำเภอพญาเม็งราย และวัดสันติคีรี จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและให้กำลังใจประชาชน พร้อมมอบถุงยังชีพให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จากนั้นจะเดินทางไปยังอำเภอเชียงแสน ติดตามการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ โดยหารือกับเจ้าหน้าที่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก่อนเดินทางไปพบปะและให้กำลังใจกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับสัญชาติไทยตามมติอนุมัติของกระทรวงมหาดไทย ที่โรงเรียนแม่จันวิทยาคม อำเภอแม่จัน .-สำนักข่าวไทย

เตือน “เหนือ-อีสาน” ฝนถล่ม ระวังน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก

กทม. 28 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เตือน “เหนือ-อีสาน” เตรียมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและภาคตะวันออกมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือบริเวณจังหวัดเชียงรายและน่าน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน และตอนบนของภาคเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย – สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มน้ำท่วมหลายพื้นที่ ส่งสัญญาณรับมือฤดูน้ำหลาก

เชียงราย 27 มิ.ย. – ชาวบ้านอย่างน้อย 4,000 ครอบครัวใน 5 อำเภอของเชียงราย เดือดร้อนหนักจากน้ำท่วม หลังฝนตกทั้งคืน โดยเฉพาะ อ.พญาเม็งราย วัดปริมาณฝนได้กว่า 300 มิลลิเมตร น้ำท่วมสูงเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุออกจากบ้านเพื่อความปลอดภัย ล่าสุดแม้ระดับน้ำที่ท่วมหลายจุดเริ่มลดลงแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะน้ำท่วมครั้งนี้เป็นเหมือนสัญญาณเตือนให้เตรียมรับมือฤดูน้ำหลากในปีนี้.-สำนักข่าวไทย