ชัวร์ก่อนแชร์: ทารกเสี่ยงใหลตายจากวัคซีน DTaP จริงหรือ?

30 พฤศจิกายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีน DTaP เผยแพร่ทาง Instagram และ Facebook ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าการฉีดวัคซีน DTaP เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคคอตีบ โรคไอกรน และโรคบาดทะยัก ให้กับทารกเป็นอันตราย เพราะเพิ่มความเสี่ยงการเสียชีวิตด้วยโรคใหลตาย หลักฐานมาจากข้อมูลในฉลากวัคซีน DTaP ที่ระบุว่าโรคใหลตายในทารก เป็นหนึ่งในอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีน DTaP


บทสรุป :

  1. ข้อมูลจากหน่วยงานสาธารณสุขสหรัฐฯ ยืนยันไม่พบวัคซีน DTaP เกี่ยวข้องกับโรคใหลตายในทารก
  2. โรคใหลตายในทารกที่เกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีน ได้รับการยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับวัคซีน

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

วัคซีนที่ตกเป็นเป้าโจมตี ได้แก่ INFANRIX วัคซีน DTaP ของบริษัท GSK Biologicals โดยในเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลของวัคซีน INFANRIX ที่รับรองโดยองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ก็มีการระบุ โรคใหลตายในทารก (Sudden Infant Death Syndrome หรือ SIDS) เป็นหนึ่งในอาการไม่พึงประสงค์ของวัคซีนด้วยเช่นกัน


อย่างไรก็ดี โรคใหลตายในทารกและอาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ที่ระบุในฉลากของวัคซีน INFANRIX เป็นอาการที่ได้รับแจ้งหลังจากวัคซีนผ่านการอนุมัติแล้ว ซึ่งเป็นการแจ้งโดยสมัครใจและยังไม่มีการตรวจสอบว่าสาเหตุของอาการไม่พึงประสงค์เหล่านั้น มีความสัมพันธ์กับวัคซีนหรือไม่

โฆษกขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวนำมาจากระบบรายงานเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์จากวัคซีน (VAERS) ซึ่งอุบัติการณ์ของโรคใหลตายในทารกหลังการฉีดวัคซีน INFANRIX พบได้น้อยมาก เมื่อเทียบกับจำนวนทารกที่ได้รับวัคซีน จึงไม่พบว่าวัคซีน DTaP ยี่ห้อ INFANRIX เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคใหลตายในทารกแต่อย่างใด

ชาร์ลอต โมเซอร์ ผู้อำนวยการร่วมของศูนย์การศึกษาวัคซีน โรงพยาบาล Children’s Hospital of Philadelphia ชี้แจงว่า บริษัทเวชภัณฑ์จำเป็นต้องรายงานปัญหาจากการใช้ยา แม้ว่าอุบัติการณ์ของโรคที่เกิดกับผู้รับวัคซีน จะมีสัดส่วนไม่แตกต่างจากผู้ไม่ได้รับวัคซีนก็ตาม

ข้อจำกัดทางกฎหมายดังกล่าว แตกต่างจากรายงานของหน่วยงานทางการแพทย์ ทั้งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) หรือ สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งชาติสหรัฐอเมริกา (AAP) ที่จะทำการตรวจสอบอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนที่รายงานอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้มั่นใจว่าอาการต่าง ๆ มีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ ซึ่งจะมีความแม่นยำมากกว่าข้อมูลที่เปิดเผยโดยบริษัทผู้ผลิตยา

งานวิจัยปี 1994 โดยสถาบันยาแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ National Academy of Medicine ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างโรคใหลตายในทารกกับวัคซีน DTP ซึ่ง ชาร์ลอต โมเซอร์ ก็เชื่อว่าวัคซีน DTaP รุ่นใหม่ก็ไม่มีความสัมพันธ์กับโรคใหลตายในทารกเช่นกัน

วัคซีน DTP และ DTaP ไม่ใช่สาเหตุโรคใหลตายในทารก

ในอดีตมีรายงานพบทารกอเมริกันเสียชีวิตด้วยโรคใหลตายในทารก หรือ SIDS หลังจากเข้ารับการฉีดวัคซีน DTP จำนวนมาก รวมถึงเคสของทารกฝาแฝดที่เสียชีวิตด้วยโรค SIDS ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากรับวัคซีน DTP นำไปสู่การสอบสวนหาความสัมพันธ์ระหว่างวัคซีนกับโรคใหลตายในทารก

โรคใหลตายในทารก หรือ SIDS เป็นโรคที่เกิดกับทารกในวัยก่อน 1 ขวบ ปัจจุบันยังไม่สามารถหาสาเหตุของโรคได้แน่ชัด ข้อสันนิษฐานมีทั้งสาเหตุจากโรคประจำตัวที่ตรวจไม่พบในทารก และ การให้ทารกนอนคว่ำหน้า

และเนื่องจากทารกจะได้รับวัคซีน DTP หรือวัคซีน DTaP ในช่วงขวบปีแรกด้วยเช่นกัน ดังนั้นการพบทารกเป็นโรคโรคใหลตายก่อนอายุ 1 ขวบ หลังจากฉีดวัคซีน DTaP อาจไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่า การเสียชีวิตมีความเกี่ยวข้องกับวัคซีน

ข้อมูลจากศูนย์การศึกษาวัคซีนโรงพยาบาล Children’s Hospital of Philadelphia ระบุว่า ทารกกว่า 90% จะได้รับวัคซีนก่อนอายุ 1 ขวบ และมีเด็กเสียชีวิตจากโรคใหลตายในทารกปีละ 1,600 รายทุก ๆ ปี

ในทางสถิติจะพบว่า เด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบจะเสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนไปเพียง 24 ชั่วโมง จำนวน 50 รายทุก ๆ ปี ซึ่งไม่อาจระบุได้ว่าการเสียชีวิตเป็นผลจากวัคซีนหรือไม่

นอกจากนี้ สัดส่วนการเสียชีวิตด้วยโรคใหลตายในทารกที่ไม่ได้รับวัคซีน ก็มีในสัดส่วนพอ ๆ กับทารกที่ฉีดวัคซีน ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า โรคใหลตายในทารกไม่มีความสัมพันธ์กับวัคซีน

ในการตรวจสอบภายหลังยังพบว่า ฝาแฝดที่เสียชีวิตด้วยโรคใหลตายในทารกหลังฉีดวัคซีน DTP ไม่นาน ได้รับการยืนยันว่าสาเหตุมาจากการแพ้ส่วนประกอบในวัคซีนอย่างรุนแรง ไม่ใช่สาเหตุจากโรคใหลตายในทารกอย่างที่เข้าใจ

เด็กตายจาก SIDS ลดลง

ข้อมูลจาก CDC ระบุว่า ปัจจุบันเด็กอเมริกันเสียชีวิตด้วยโรคใหลตายในทารกลดลงอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยเสียชีวิต 130 รายต่อประชากรทารก 100,000 ราย เมื่อปี 1990 ลดลงมาเหลือ 38 รายต่อประชากรทารก 100,000 ราย ในปี 2020

สาเหตุที่เด็กตายด้วยโรค SIDS ลดลง มาจากความสำเร็จในการรณรงค์ให้ผู้ปกครองมีความรู้ด้านการป้องกันทารกจากโรคใหลตาย หนึ่งในนั้นคือการเปลี่ยนให้ทารกนอนหงายแทนการนอนคว่ำหรือนอนตะแคงข้าง ซึ่งเป็นท่านอนที่พบว่าเพิ่มความเสี่ยงการเสียชีวิตด้วยโรคใหลตายมากกว่าทารกที่นอนหงาย

ข้อมูลอ้างอิง :

https://apnews.com/article/fact-check-sids-vaccine-dtap-cdc-227447573826
https://www.reuters.com/fact-check/fda-does-not-list-sudden-infant-death-dtap-vaccine-side-effect-2023-09-22/
https://healthfeedback.org/claimreview/dtap-vaccine-isnt-associated-sudden-infant-death-syndrome-whooping-cough-vaccine-historic-decline-cases/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย