ชัวร์ก่อนแชร์ : ยา 3 ชนิดที่ก่อไตวายมากขึ้น จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์คลิปเตือนว่า มียา 3 ชนิดที่ก่อให้เกิดไตวายได้มากขึ้น ยาเป็นสาเหตุไตวายอันดับ 1 ที่ต้องระวังมีทั้งยาเบาหวาน ยาลดไขมันในเลือด และยาลดกรด จริงหรือ ?


🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล ประธานคณะทำงานสร้างความเข้มแข็งประชาชนด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (สยส.) และ กรรมการแพทยสภา

เรื่องนี้ไม่จริง ยาทั้ง 3 ชนิด (ยาเบาหวาน ยาลดไขมัน ยายับยั้งการหลั่งกรดในกระเพาะ) เป็นยาที่ไม่ได้มีผลเสียโดยตรงต่อไตเลย ขอให้ประชาชนที่ใช้ยาอยู่ใช้ยาต่อไปตามคำสั่งของแพทย์


ถ้าหากผู้ป่วยหยุดยาก็จะมีโรคอื่น ๆ ตามมา จากเรื่องน้ำตาลในเลือดสูง ไขมันในเลือดสูง หรือถ้ากินยาเพื่อป้องกันกระเพาะอยู่แล้วไปหยุดยาก็จะเกิดแผลในทางเดินอาหาร อาเจียนเป็นเลือดและเสียชีวิตได้

ยาเป็นสาเหตุ “ไตวาย” อันดับหนึ่ง จริงหรือ ?

คนไทยเป็นโรคไตมาก เป็นสิ่งที่ถูก


สิ่งที่บอก “โรคไตมากกว่าครึ่งเกิดจากยา” เรื่องนี้ไม่ใช่

มีข้อมูลจากเว็บไซต์สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย

อันดับ 1 โรคเบาหวาน (คุมน้ำตาลไม่ดี) อันดับ 2 โรคความดันเลือดสูง อันดับ 3 สาเหตุอื่น ๆ ได้แก่ โรคนิ่วในไต โรคไตอักเสบเรื้อรังจากการติดเชื้อ โรคเกาต์ โรคไตจากการกินยาแก้ปวดต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ

เรื่อง “ยา” ลงไปอยู่ลำดับท้าย ๆ ของสาเหตุโรคไต และยาที่จะมีผลเสียต่อไตก็คือยาแก้ปวดข้อ ข้ออักเสบ-กลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) ยาบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (non-steroidal antiinflammatory drugs หรือ NSAIDs)

ยาที่จัดเป็นยากลุ่ม NSAIDs (เอ็นเสด) หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “ยาแก้ปวดข้อ” หรือ “ยาแก้ข้ออักเสบ” เช่น แอสไพริน (aspirin หรือ acetyl salicylic acid), ไอบูโพรเฟน (ibuprofen), ไดโคลฟีแน็ก (diclofenac), นาพร็อกเซน (naproxen), ไพร็อกซิแคม (piroxicam), เมล็อกซิแคม (meloxicam), เซเลค็อกซิบ (celecoxib), เอทอริค็อกซิบ (etoricoxib) เป็นต้น

1. ยารักษาโรคเบาหวาน กลุ่ม Sulfonylureas ทำให้ ไตวาย ไตเสื่อม จริงหรือ ?

ยากลุ่มซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylureas) เป็นยาที่ใช้กันบ่อย แต่ไม่ได้เลือกใช้เป็นอันดับแรก

ยาอันดับแรกที่ใช้รักษาเบาหวาน คือ ยาเม็ตฟอร์มิน (Metformin) ยากลุ่มนี้ในเอกสารกำกับยาจะไม่มีคำเตือนเลยว่าส่งผลเสียกับไต ทำให้เกิดไตวาย ไตเสื่อม นี่เป็นข้อมูลเบื้องต้น เมื่อค้นฐานข้อมูลทางการแพทย์ขนาดใหญ่ก็ไม่พบเช่นเดียวกัน ว่าเป็นสาเหตุของไตวาย ไตเสื่อม ดังนั้น สิ่งที่แชร์เป็นข้อความคลาดเคลื่อน ไม่ตรงกับความเป็นจริง

ยากลุ่มซัลโฟนิลยูเรียเป็นยาที่มีผลข้างเคียงเรื่องอื่น ๆ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องไต

ที่สำคัญก็คือยากลุ่มซัลโฟนิลยูเรียทำให้เกิดน้ำตาลต่ำในเลือดได้ เรื่องนี้คุณหมอจะเตือนทุกครั้งและจะเขียนที่ซองยาว่าให้กินก่อนอาหารประมาณ 30 นาที กินยาแล้วต้องกินอาหาร เพราะยานี้จะไปกระตุ้นการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อนของเรา เมื่ออินซูลินออกมามากแล้วไม่มีอาหารก็จะหน้ามืด ใจสั่น ใจเต้นเร็ว เหงื่อออก หิวมาก เป็นต้น

ผู้ป่วยที่พบมักจะเหมารวมยาเบาหวานทั้งกลุ่ม ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายร้ายแรง เช่นเดียวกับผู้ป่วยที่เพิ่งพบไม่กี่วันมานี้ ก็บอกว่าไม่กินยาเบาหวานทั้งกลุ่ม ยาความดันก็ไม่กิน เพราะได้ยินมาว่ายาเบาหวาน ยาความดัน กินแล้วส่งผลเสียต่อไต ซึ่งไม่เป็นความจริง

ไตวาย ไตเสื่อม เกิดขึ้นบ่อยมากจากการที่ผู้ป่วยเบาหวานมีน้ำตาลสูงแล้วไม่ได้รับการควบคุม เมื่อแพทย์ให้ยาเบาหวานกลุ่มใดก็ตามไปแล้วทำให้น้ำตาลลดลงในเลือด คือได้ตามเป้าหมายที่คุณหมอต้องการ เมื่อควบคุมได้ดีโอกาสเป็นโรคไตก็จะน้อยลง

ยาเบาหวาน ยาความดันเลือดสูง เป็นยาที่ปกป้องไตเรา เพื่อไม่ให้ไตวาย ไตเสื่อม ในภาวะที่เมื่อหยุดยาไปแล้ว น้ำตาลในเลือดสูงคุมไม่อยู่ ความดันเลือดสูงไม่คุมจะนำไปสู่ไตวาย ไตเสื่อม ดังนั้น ประชาชนอย่าเชื่อเป็นอันขาดว่าให้ไปหยุดยาเบาหวาน ให้หยุดยาความดัน

ในคลิปที่แชร์กันบอกให้เปลี่ยนยาด้วยนั้น ขออธิบายดังนี้ ยากลุ่มซัลโฟนิลยูเรียเป็นยาขนานที่ 2 ที่ใช้ถัดจากยาเม็ตฟอร์มิน ด้วยเหตุผลอันดับแรกเป็นยาที่ลดน้ำตาลได้ดีที่มีผลข้างเคียงที่เรารู้และป้องกันได้ และเป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ (บัญชี ก) มีความหมายว่า เป็นยามีราคาประหยัด มีความคุ้มค่าในการใช้

ถ้าประชาชนฟังและเชื่อข้อมูลที่ผิด ๆ ไม่ยอมกินยาด้วย แต่ขอเปลี่ยนเป็นยาอย่างอื่น แต่ยาที่ถูกเปลี่ยนไปมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น แม้จะเป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติชนิดอื่นก็ตาม ยิ่งถ้าเปลี่ยนไปใช้ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติบางชนิดราคาจะต่างกันมหาศาล

ยกตัวอย่างเช่น ยาไกลพีไซด์ (Glipizide) เป็นยาอยู่ในกลุ่มซัลโฟนิลยูเรีย ราคาเม็ดละ 1 บาท ถ้าใช้วันละ 1 เม็ด ปีละ 365 บาท แต่ยาขนานถัดไปอยู่นอกบัญชียาหลักแห่งชาติ เม็ดละ 39 บาท ราคาแพงขึ้น 39 เท่าทีเดียว

ถ้าประชาชนไปตัดสินใจเองโดยไม่แจ้งแพทย์ แล้วก็ไปหยุดยาเอง น้ำตาลก็จะสูงขึ้นมากเลย

2. ยา statins หรือยาลดไขมัน ทำให้ไตวาย ไตเสื่อม จริงหรือ ?

“สแตติน” เป็นกลุ่มยาลดไขมันในเลือด ที่ช่วยลดไขมันไม่ดี หรือแอลดีแอลคอเลสเตอรอล (LDL-C : Low Density Lipoprotein Cholesterol) และไขมันไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) แต่ยาสแตตินช่วยเพิ่มไขมันดี หรือเอชดีแอลคอเลสเตอรอล (HDL-C : High Density Lipoprotein Cholesterol)

ยากลุ่มสแตติน ได้แก่ ซิมวาสแตติน (Simvastatin) อะทอวาร์สแตติน (Atorvastatin) โรซูวาสแตติน (Rosuvastatin) และ พราวาสแตติน (Pravastatin) เป็นต้น

ยากลุ่มสแตตินจึงเป็นยาที่มีประโยชน์อย่างมาก และขาดไม่ได้สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองแล้ว จะลดความเสี่ยงโอกาสเกิดโรคซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ผู้ป่วยเหล่านี้จึงต้องใช้ยาสแตตินไปตลอดชีวิต

ถ้าผู้ป่วยที่ต้องกินยาสแตตินแต่ไม่ยอมกินจะเกิดผลเสีย เช่น ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง เคยเป็นมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อหยุดยาแล้วก็ไม่บอกหมอด้วย วันใดวันหนึ่งก็จะเป็นซ้ำอีกครั้งหนึ่ง

การมีกล้ามเนื้อหัวใจตายแต่ละครั้งมีโอกาสเสียชีวิตได้

การเป็นหลอดเลือดที่อุดตันในสมอง มีโอกาสเป็นอัมพฤกษ์​ อัมพาตได้เสมอ

ยาสแตตินไม่มีผลต่อไตเลย เพียงแต่ว่าถ้าเราใช้ยาสแตตินด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสม เช่น ใช้ยาสแตตินขนาดสูงมาก การใช้ยาที่เกินขนาด กล้ามเนื้อลายสลาย เมื่อกล้ามเนื้อสลายก็จะปล่อยสารไมโอโกลบิน (Myoglobin) ออกมาไปอุดไต ทำให้ไตวาย บางคนอาจเสียชีวิต หรือไตทำงานลดลง หรือไปใช้ร่วมกับยาอีกชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า “ยาตีกัน” (drug interaction)

“ยาตีกัน” คือ การที่ฤทธิ์ของยาตัวหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเมื่อได้รับยาอีกตัวหนึ่งร่วมด้วย ผลที่เกิดขึ้นอาจส่งผลการรักษาที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ตั้งใจ หรือเกิดอาการไม่พึงประสงค์ หรืออาจทำให้ผลการรักษาลดลงก็ได้ หรือบางครั้งอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม ยาตีกันจะเกิดผลมากน้อยขึ้นกับสภาวะของผู้ป่วย ระยะเวลาที่ใช้ยาร่วมกัน และขนาดยาที่ใช้ด้วย

ดังนั้น ตัวสแตตินไม่ได้เป็นพิษโดยตรงต่อไต แต่ไตอาจจะวายได้ถ้าใช้สแตตินผิดวิธี แล้วนำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อลายสลาย แล้วจึงค่อยนำไปสู่ภาวะไตวาย แต่อัตราการเกิดไตวายจากการใช้ยาสแตติน 1 ใน 1 แสนเท่านั้น และเป็นสิ่งที่ป้องกันได้

3. ยากลุ่ม proton pump inhibitors หรือยาลดกรดในกระเพาะ ทำให้ไตวาย ไตเสื่อม จริงหรือ ?

กลุ่มนี้พูดถึงยายับยั้งการหลั่งกรด (Proton-pump inhibitor : PPI) ซึ่งไม่มีข้อมูลใด ๆ ที่บ่งชี้ถึงผลเสียต่อไตเลย แม้จะใช้ระยะยาวก็ตาม

ยากลุ่มนี้ก็ไม่ต้องไปเชื่อว่าเป็นต้นเหตุของไตวาย ไตเสื่อมในคนไทยจำนวนมาก

ตัวที่ทำให้ไตแย่ลงคือยาเอ็นเสด แต่ต้องเป็นเอ็นเสดขนาดสูง

เรื่องยา 3 ชนิด กินแล้วไตวาย สรุปว่าไม่จริง ไม่ควรแชร์ต่ออย่างยิ่ง

ถ้าเห็นก็ควรลบทิ้งไป ไม่ส่งต่อให้กับผู้ใดเลย เพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

สัมภาษณ์โดย พีรพล อนุตรโสตถิ์

เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ : ยา 3 ชนิดที่ก่อไตวายมากขึ้น จริงหรือ ?

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]