ชัวร์ก่อนแชร์ : ยา 3 ชนิดที่ก่อไตวายมากขึ้น จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์คลิปเตือนว่า มียา 3 ชนิดที่ก่อให้เกิดไตวายได้มากขึ้น ยาเป็นสาเหตุไตวายอันดับ 1 ที่ต้องระวังมีทั้งยาเบาหวาน ยาลดไขมันในเลือด และยาลดกรด จริงหรือ ?


🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล ประธานคณะทำงานสร้างความเข้มแข็งประชาชนด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (สยส.) และ กรรมการแพทยสภา

เรื่องนี้ไม่จริง ยาทั้ง 3 ชนิด (ยาเบาหวาน ยาลดไขมัน ยายับยั้งการหลั่งกรดในกระเพาะ) เป็นยาที่ไม่ได้มีผลเสียโดยตรงต่อไตเลย ขอให้ประชาชนที่ใช้ยาอยู่ใช้ยาต่อไปตามคำสั่งของแพทย์


ถ้าหากผู้ป่วยหยุดยาก็จะมีโรคอื่น ๆ ตามมา จากเรื่องน้ำตาลในเลือดสูง ไขมันในเลือดสูง หรือถ้ากินยาเพื่อป้องกันกระเพาะอยู่แล้วไปหยุดยาก็จะเกิดแผลในทางเดินอาหาร อาเจียนเป็นเลือดและเสียชีวิตได้

ยาเป็นสาเหตุ “ไตวาย” อันดับหนึ่ง จริงหรือ ?

คนไทยเป็นโรคไตมาก เป็นสิ่งที่ถูก


สิ่งที่บอก “โรคไตมากกว่าครึ่งเกิดจากยา” เรื่องนี้ไม่ใช่

มีข้อมูลจากเว็บไซต์สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย

อันดับ 1 โรคเบาหวาน (คุมน้ำตาลไม่ดี) อันดับ 2 โรคความดันเลือดสูง อันดับ 3 สาเหตุอื่น ๆ ได้แก่ โรคนิ่วในไต โรคไตอักเสบเรื้อรังจากการติดเชื้อ โรคเกาต์ โรคไตจากการกินยาแก้ปวดต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ

เรื่อง “ยา” ลงไปอยู่ลำดับท้าย ๆ ของสาเหตุโรคไต และยาที่จะมีผลเสียต่อไตก็คือยาแก้ปวดข้อ ข้ออักเสบ-กลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) ยาบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (non-steroidal antiinflammatory drugs หรือ NSAIDs)

ยาที่จัดเป็นยากลุ่ม NSAIDs (เอ็นเสด) หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “ยาแก้ปวดข้อ” หรือ “ยาแก้ข้ออักเสบ” เช่น แอสไพริน (aspirin หรือ acetyl salicylic acid), ไอบูโพรเฟน (ibuprofen), ไดโคลฟีแน็ก (diclofenac), นาพร็อกเซน (naproxen), ไพร็อกซิแคม (piroxicam), เมล็อกซิแคม (meloxicam), เซเลค็อกซิบ (celecoxib), เอทอริค็อกซิบ (etoricoxib) เป็นต้น

1. ยารักษาโรคเบาหวาน กลุ่ม Sulfonylureas ทำให้ ไตวาย ไตเสื่อม จริงหรือ ?

ยากลุ่มซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylureas) เป็นยาที่ใช้กันบ่อย แต่ไม่ได้เลือกใช้เป็นอันดับแรก

ยาอันดับแรกที่ใช้รักษาเบาหวาน คือ ยาเม็ตฟอร์มิน (Metformin) ยากลุ่มนี้ในเอกสารกำกับยาจะไม่มีคำเตือนเลยว่าส่งผลเสียกับไต ทำให้เกิดไตวาย ไตเสื่อม นี่เป็นข้อมูลเบื้องต้น เมื่อค้นฐานข้อมูลทางการแพทย์ขนาดใหญ่ก็ไม่พบเช่นเดียวกัน ว่าเป็นสาเหตุของไตวาย ไตเสื่อม ดังนั้น สิ่งที่แชร์เป็นข้อความคลาดเคลื่อน ไม่ตรงกับความเป็นจริง

ยากลุ่มซัลโฟนิลยูเรียเป็นยาที่มีผลข้างเคียงเรื่องอื่น ๆ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องไต

ที่สำคัญก็คือยากลุ่มซัลโฟนิลยูเรียทำให้เกิดน้ำตาลต่ำในเลือดได้ เรื่องนี้คุณหมอจะเตือนทุกครั้งและจะเขียนที่ซองยาว่าให้กินก่อนอาหารประมาณ 30 นาที กินยาแล้วต้องกินอาหาร เพราะยานี้จะไปกระตุ้นการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อนของเรา เมื่ออินซูลินออกมามากแล้วไม่มีอาหารก็จะหน้ามืด ใจสั่น ใจเต้นเร็ว เหงื่อออก หิวมาก เป็นต้น

ผู้ป่วยที่พบมักจะเหมารวมยาเบาหวานทั้งกลุ่ม ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายร้ายแรง เช่นเดียวกับผู้ป่วยที่เพิ่งพบไม่กี่วันมานี้ ก็บอกว่าไม่กินยาเบาหวานทั้งกลุ่ม ยาความดันก็ไม่กิน เพราะได้ยินมาว่ายาเบาหวาน ยาความดัน กินแล้วส่งผลเสียต่อไต ซึ่งไม่เป็นความจริง

ไตวาย ไตเสื่อม เกิดขึ้นบ่อยมากจากการที่ผู้ป่วยเบาหวานมีน้ำตาลสูงแล้วไม่ได้รับการควบคุม เมื่อแพทย์ให้ยาเบาหวานกลุ่มใดก็ตามไปแล้วทำให้น้ำตาลลดลงในเลือด คือได้ตามเป้าหมายที่คุณหมอต้องการ เมื่อควบคุมได้ดีโอกาสเป็นโรคไตก็จะน้อยลง

ยาเบาหวาน ยาความดันเลือดสูง เป็นยาที่ปกป้องไตเรา เพื่อไม่ให้ไตวาย ไตเสื่อม ในภาวะที่เมื่อหยุดยาไปแล้ว น้ำตาลในเลือดสูงคุมไม่อยู่ ความดันเลือดสูงไม่คุมจะนำไปสู่ไตวาย ไตเสื่อม ดังนั้น ประชาชนอย่าเชื่อเป็นอันขาดว่าให้ไปหยุดยาเบาหวาน ให้หยุดยาความดัน

ในคลิปที่แชร์กันบอกให้เปลี่ยนยาด้วยนั้น ขออธิบายดังนี้ ยากลุ่มซัลโฟนิลยูเรียเป็นยาขนานที่ 2 ที่ใช้ถัดจากยาเม็ตฟอร์มิน ด้วยเหตุผลอันดับแรกเป็นยาที่ลดน้ำตาลได้ดีที่มีผลข้างเคียงที่เรารู้และป้องกันได้ และเป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ (บัญชี ก) มีความหมายว่า เป็นยามีราคาประหยัด มีความคุ้มค่าในการใช้

ถ้าประชาชนฟังและเชื่อข้อมูลที่ผิด ๆ ไม่ยอมกินยาด้วย แต่ขอเปลี่ยนเป็นยาอย่างอื่น แต่ยาที่ถูกเปลี่ยนไปมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น แม้จะเป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติชนิดอื่นก็ตาม ยิ่งถ้าเปลี่ยนไปใช้ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติบางชนิดราคาจะต่างกันมหาศาล

ยกตัวอย่างเช่น ยาไกลพีไซด์ (Glipizide) เป็นยาอยู่ในกลุ่มซัลโฟนิลยูเรีย ราคาเม็ดละ 1 บาท ถ้าใช้วันละ 1 เม็ด ปีละ 365 บาท แต่ยาขนานถัดไปอยู่นอกบัญชียาหลักแห่งชาติ เม็ดละ 39 บาท ราคาแพงขึ้น 39 เท่าทีเดียว

ถ้าประชาชนไปตัดสินใจเองโดยไม่แจ้งแพทย์ แล้วก็ไปหยุดยาเอง น้ำตาลก็จะสูงขึ้นมากเลย

2. ยา statins หรือยาลดไขมัน ทำให้ไตวาย ไตเสื่อม จริงหรือ ?

“สแตติน” เป็นกลุ่มยาลดไขมันในเลือด ที่ช่วยลดไขมันไม่ดี หรือแอลดีแอลคอเลสเตอรอล (LDL-C : Low Density Lipoprotein Cholesterol) และไขมันไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) แต่ยาสแตตินช่วยเพิ่มไขมันดี หรือเอชดีแอลคอเลสเตอรอล (HDL-C : High Density Lipoprotein Cholesterol)

ยากลุ่มสแตติน ได้แก่ ซิมวาสแตติน (Simvastatin) อะทอวาร์สแตติน (Atorvastatin) โรซูวาสแตติน (Rosuvastatin) และ พราวาสแตติน (Pravastatin) เป็นต้น

ยากลุ่มสแตตินจึงเป็นยาที่มีประโยชน์อย่างมาก และขาดไม่ได้สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองแล้ว จะลดความเสี่ยงโอกาสเกิดโรคซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ผู้ป่วยเหล่านี้จึงต้องใช้ยาสแตตินไปตลอดชีวิต

ถ้าผู้ป่วยที่ต้องกินยาสแตตินแต่ไม่ยอมกินจะเกิดผลเสีย เช่น ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง เคยเป็นมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อหยุดยาแล้วก็ไม่บอกหมอด้วย วันใดวันหนึ่งก็จะเป็นซ้ำอีกครั้งหนึ่ง

การมีกล้ามเนื้อหัวใจตายแต่ละครั้งมีโอกาสเสียชีวิตได้

การเป็นหลอดเลือดที่อุดตันในสมอง มีโอกาสเป็นอัมพฤกษ์​ อัมพาตได้เสมอ

ยาสแตตินไม่มีผลต่อไตเลย เพียงแต่ว่าถ้าเราใช้ยาสแตตินด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสม เช่น ใช้ยาสแตตินขนาดสูงมาก การใช้ยาที่เกินขนาด กล้ามเนื้อลายสลาย เมื่อกล้ามเนื้อสลายก็จะปล่อยสารไมโอโกลบิน (Myoglobin) ออกมาไปอุดไต ทำให้ไตวาย บางคนอาจเสียชีวิต หรือไตทำงานลดลง หรือไปใช้ร่วมกับยาอีกชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า “ยาตีกัน” (drug interaction)

“ยาตีกัน” คือ การที่ฤทธิ์ของยาตัวหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเมื่อได้รับยาอีกตัวหนึ่งร่วมด้วย ผลที่เกิดขึ้นอาจส่งผลการรักษาที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ตั้งใจ หรือเกิดอาการไม่พึงประสงค์ หรืออาจทำให้ผลการรักษาลดลงก็ได้ หรือบางครั้งอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม ยาตีกันจะเกิดผลมากน้อยขึ้นกับสภาวะของผู้ป่วย ระยะเวลาที่ใช้ยาร่วมกัน และขนาดยาที่ใช้ด้วย

ดังนั้น ตัวสแตตินไม่ได้เป็นพิษโดยตรงต่อไต แต่ไตอาจจะวายได้ถ้าใช้สแตตินผิดวิธี แล้วนำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อลายสลาย แล้วจึงค่อยนำไปสู่ภาวะไตวาย แต่อัตราการเกิดไตวายจากการใช้ยาสแตติน 1 ใน 1 แสนเท่านั้น และเป็นสิ่งที่ป้องกันได้

3. ยากลุ่ม proton pump inhibitors หรือยาลดกรดในกระเพาะ ทำให้ไตวาย ไตเสื่อม จริงหรือ ?

กลุ่มนี้พูดถึงยายับยั้งการหลั่งกรด (Proton-pump inhibitor : PPI) ซึ่งไม่มีข้อมูลใด ๆ ที่บ่งชี้ถึงผลเสียต่อไตเลย แม้จะใช้ระยะยาวก็ตาม

ยากลุ่มนี้ก็ไม่ต้องไปเชื่อว่าเป็นต้นเหตุของไตวาย ไตเสื่อมในคนไทยจำนวนมาก

ตัวที่ทำให้ไตแย่ลงคือยาเอ็นเสด แต่ต้องเป็นเอ็นเสดขนาดสูง

เรื่องยา 3 ชนิด กินแล้วไตวาย สรุปว่าไม่จริง ไม่ควรแชร์ต่ออย่างยิ่ง

ถ้าเห็นก็ควรลบทิ้งไป ไม่ส่งต่อให้กับผู้ใดเลย เพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

สัมภาษณ์โดย พีรพล อนุตรโสตถิ์

เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ : ยา 3 ชนิดที่ก่อไตวายมากขึ้น จริงหรือ ?

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ลุยเอง นำทีมบุกจับบ่อนดอนเมืองในตำนาน

ดอนเมือง 28 ส.ค. – “ภูมิธรรม” นำทีมชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ “สิงห์ปราบพยศ” ทลายบ่อนเปิดซ้ำซากย่านดอนเมือง รวบ 200 นักพนัน เงินหมุนเวียนมหาศาลกว่า 500 ล้านบาทต่อเดือน ย้ำ “ขบวนการตาสับปะรดของประชาชนคือเบาะแสสำคัญ” ร่วมกันสร้างสังคมปลอดอบายมุข ชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เปิดปฏิบัติการสิงห์ปราบพยศ ปิดล้อมทลายบ่อนดอนเมืองในตำนาน เป็นจุดที่โดนทั้งตำรวจ ทหาร และกรมการปกครอง บุกเข้าจับกุมนับครั้งไม่ถ้วน ครั้งนี้กรมการปกครองนำกำลังเข้าพื้นที่ตามช่องทางเข้า-ออกทุกทาง พบมีประตูเหล็กขนาดใหญ่ปิดกั้นอยู่ จึงใช้อุปกรณ์ตัดเหล็กเข้าตัดประตูเป็นช่องเพื่อให้เจ้าหน้าที่บุกเข้าไปด้านใน ภายในพบนักพนันกว่า 200 คน โดยใช้พื้นที่ของสนามฟุตบอลหญ้าเทียม และพื้นที่อาคารที่อยู่ใกล้เคียง เป็นห้องพนันแบบครบวงจร 5 ห้อง นอกจากนี้ยังมีการตั้งร้านอาหารและน้ำดื่ม เหมือนเป็นตลาดนัดย่อมๆ ในพื้นที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาตรวจสอบในจุดดังกล่าว พร้อมเปิดเผยว่า บ่นพนันดังกล่าวพบมียอดเงินหมุนเวียนกว่า 5-10 ล้านบาทต่อวัน มีเงินหมุนเวียนแล้วเดือนละ 300-400 ล้านบาท โดยจะเปิดให้เล่นตั้งแต่ […]

อุตุฯ เผยภาคเหนือฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 28 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย และน่าน ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย และน่าน ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ตอนบนของภาคเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน มีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ […]

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย