ชัวร์ก่อนแชร์: ไวรัส Omicron แค่ไข้หวัดธรรมดาที่เปลี่ยนชื่อใหม่ จริงหรือ?

3 มีนาคม 2565
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Politifact (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ

บทสรุป:


  1. แม้อาการของผู้ติดเชื้อไวรัส Omicron จะคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา แต่ไวรัส Omicron แตกต่างจากไวรัสไข้หวัดหรือโคโรนาไวรัสชนิดไม่รุนแรง
  2. CDC เชื่อว่าการฉีดวัคซีนทำให้ผู้ติดเชื้อ Omicron มีอาการป่วยไม่รุนแรง

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ทาง Facebook ในสหรัฐอเมริกา โดยผู้โพสต์อ้างว่าผู้คนจะเป็นหวัดบ่อยขึ้นในช่วงฤดูหนาว เลยมีการเรียกไข้หวัดธรรมดาหรือไข้หวัดจากไวรัส RSV ด้วยชื่อใหม่ที่เรียกว่า ไวรัส Omicron

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


แม้ผู้ติดเชื้อไวรัส Omicron ส่วนใหญ่จะมีอาการคล้ายคนเป็นไข้หวัดธรรมดา แค่ผู้เชี่ยวชาญต่างยืนยันว่า ไวรัส Omicron มีความแตกต่างจากไวรัสที่ก่อให้เกิดไข้หวัดอย่างชัดเจน โดยไวรัสที่ทำให้มนุษย์ป่วยเป็นไข้หวัดมากที่สุดได้แก่ไรโนไวรัส ซึ่งเป็นไวรัสคนละชนิดกับโคโรนาไวรัส

มีโคโรนาไวรัสอยู่ 7 ชนิดที่พบการติดเชื้อในมนุษย์ โดย 4 ชนิดทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัด แต่อีก 3 ชนิดก่อให้เกิดอาการทางระบบทางเดินหายใจที่รุนแรงได้แก่ซาร์ส, เมอร์ส และโควิด 19

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ลือกันว่าไวรัส Omicron ไม่ต่างจากไข้หวัดธรรมดา มาจากงานวิจัยล่าสุดจากบริษัทวิจัยแห่งหนึ่งในรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ที่พบว่าไวรัส Omicron มีตำแหน่งการกลายพันธุ์ส่วนหนึ่งคล้ายกับหนึ่งในโคโรนาไวรัส 4 สายพันธุ์ที่ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา แต่ผู้วิจัยยืนยันว่าไวรัส Omicron แตกต่างจากไวรัสที่ก่อให้เกิดไข้หวัดธรรมดาอย่างสิ้นเชิง

บรูค นิโคลส์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาระบบสุขภาพโลก มหาวิทยาลัย Boston University อธิบายว่า วิธียืนยันการติดเชื้อโควิด 19 ไม่ได้ดูจากอาการป่วยของคนไข้ แต่ยืนยันผ่านผลตรวจหาชนิดของไวรัส

ข้อมูลเบื้องต้นพบความเป็นไปได้ว่าไวรัส Omicron อาจทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการรุนแรงน้อยกว่าโควิด 19 สายพันธุ์อื่นๆ แต่ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณา เช่น อายุและการฉีดวัคซีนของผู้ติดเชื้อ

นอกจากนี้ ผลการศึกษาล่าสุดของนักวิทยาศาสตร์ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ยืนยันว่าไม่พบหลักฐานว่าไวรัส Omicron ก่อให้เกิดโรคที่รุนแรงน้อยกว่าไวรัส Delta แต่อย่างใด

ในช่วงต้นเดือนธันวาคม สหรัฐอเมริกาพบผู้ติดเชื้อไวรัส Omicron แค่ 43 คน ในจำนวนนี้มีมากกว่า 1 ใน 3 ที่ฉีดวัคซีนแบบครบโดส และประมาณ 1 ใน 3 ที่ได้รับวัคซีนกระตุ้นแล้ว โดยมีผู้ป่วยเพียง 1 รายที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล และยังไม่มีผู้ติดเชื้อ Omicron เสียชีวิตในสหรัฐอเมริกา

อาการของผู้ติดเชื้อ Omicron ส่วนใหญ่ได้อาการไอ, อ่อนเพลีย, คัดจมูกน้ำมูกไหล ซึ่งหน่วยงานป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) ชี้แจงว่าสาเหตุที่ผู้ติดเชื้อ Omicron ส่วนใหญ่อาการไม่หนัก เพราะการฉีดวัคซีนป้องกันโรคมาแล้วหรือเคยติดเชื้อโควิด 19 มาแล้ว

อย่างไรก็ดี ยังมีผู้เชี่ยวชาญไม่น้อยที่ย้ำเตือนถึงอันตรายจากการติดเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์ Omicron

ดร.ไมรอน โคเฮน ผู้อำนวยการสถาบันระบบสุขภาพโลกและโรคติดเชื้อ มหาวิทยาลัย University of North Carolina, Chapel Hill ย้ำว่า ไวรัส Omicron คือไวรัสที่กลายพันธุ์มาจากเชื้อโควิด 19 ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของผู้คนหลายล้านคนในเวลาเพียงแค่ 2 ปี ไม่มีทางที่จะนำไปเทียบกับไข้หวัดธรรมดาได้

ข้อมูลอ้างอิง:

https://www.politifact.com/factchecks/2021/dec/20/facebook-posts/no-public-health-officials-arent-passing-common-co/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง