ชัวร์ก่อนแชร์ : แนะกินยา Ivermectin ช่วยป้องกัน-รักษาโควิด-19 ได้ จริงหรือ?

30 มิถุนายน 2564 ตรวจสอบข้อเท็จจริง/เรียบเรียง โดย : ภริตพร สุธีพิเชฐภัณฑ์


บนสังคมออนไลน์มีการแชร์ข้อมูล จาก American Journal of Therapeutic ยา Ivermectin ช่วยลดการตายและหยุดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ นั้น ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบข้อมูลแล้ว พบว่า ข้อมูลมีความจริงบางส่วน แต่ยังไม่ควรแชร์

บทสรุป :  จริงบางส่วน ยังไม่ควรแชร์  


·        งานวิจัยดังกล่าวทางการแพทย์เรียกว่า “การทบทวนอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์อภิมาน” หมายความว่าเป็นการนำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ได้สืบค้นได้ นำมาทบทวนรวมกัน ซึ่งบางงานวิจัยก็มีคุณภาพดี บางงานวิจัยมีคุณภาพปานกลาง และบางงานวิจัยก็มีคุณภาพต่ำ

·        ไม่แนะนำให้ซื้อยาตัวนี้มาใช้ในการรักษาเอง ส่วนจะมีการใช้ยาตัวนี้ในอนาคตเพื่อรักษาโควิด-19 หรือไม่นั้น ขอให้ติดตามข้อมูลที่เป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขต่อไป

·        ในประเทศไทย ไอเวอร์เมคติน เป็นยาที่ขึ้นทะเบียนเพื่อใช้สำหรับการฆ่าพยาธิ หากจะนำยาที่ขึ้นทะเบียนด้วยเหตุผลอย่างหนึ่ง มาใช้กับเหตุผลอีกอย่างนึง ก็ต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบ


·       ขณะนี้ยังไม่มีการนำยาไอเวอร์เมคตินมาใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในไทย เพราะยังมีข้อมูลทางวิชาการไม่เพียงพอ

·       สำหรับไกด์ไลน์คำแนะนำในการรักษาของกรมการแพทย์ระบุว่า มีข้อมูลการศึกษาในหลอดทดลองเบื้องต้นว่าไอเวอร์เมคตินเสริมฤทธิ์กับฟาวิพิราเวียร์ แต่ยังไม่มีข้อมูลศึกษาวิจัยทางคลินิก

ข้อมูลที่ถูกแชร์

“ผลการวิจัยยา Ivermectin ในการรักษา ไวรัสโควิด-19 ได้ถูกประกาศอย่างเป็นทางการใน American Journal of Therapeutic แล้วนะครับ และผลของการวิจัยก็คือ: 1. Ivermectin สามารถลดจำนวนคนตายจากโควิด-19 ได้ 62%. 2. Ivermectin สามารถหยุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ 86% ซึ่งทุกวันนี้ยังไม่มีวัคซีนตัวไหนทำได้เลย. 3. ต้นทุนการผลิต Ivermectin ในอินเดียอยู่ที่ $2.90 ต่อ 100 เม็ด (ขนาดเม็ดละ 12-mg) หรือ เม็ดละ 90 สตางค์ หรือ 4.50 บาท ต่อการรักษา 1 ผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 (วันละเม็ด เป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน….”

นอกจากนี้ยังมีการแชร์ข้อมูล “เวลานี้ Ivermectin(ไอเวอร์เมคติน)  นิยมแพร่หลายมากในอินเดีย เพราะพิสูจน์แล้วว่ารักษาโควิด-19 ได้ ไม่เพียงแต่ Gua แต่ทุกรัฐในอินเดียหันมาใช้ยานี้รักษาโควิดกันหมดแล้ว ข่าวว่าประเทศยากจนต่างๆนับร้อยประเทศในทวีปอาฟริกาและอเมริกาใต้ที่ไม่มีเงินเข้าถึงวัคซีน ก็หันมาใช้ยานี้กันหมด…” โดยข้อมูลดังกล่าวได้ถูกส่งเข้ามาสอบถามข้อเท็จจริงกับศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์จำนวนมาก

Fact Check : ตรวจสอบข้อมูล

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ อสมท. ตรวจสอบคำกล่าวอ้างข้างต้น กับ ดร.นพ.อรรถสิทธิ์ ศรีสุบัติ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้รับคำตอบในแต่ละประเด็น ดังนี้

Q : มีการแชร์ข้อมูลบนสื่อออนไลน์ว่า ยา Ivermectin (ไอเวอร์เมคติน) สามารถใช้รักษาโควิด-19 ได้แล้ว จริงหรือไม่?

A : จากข้อมูลที่แชร์กัน ควรจะต้องดูข้อมูลจากงานวิจัยเรื่องนี้ให้ครบถ้วน ซึ่งมีทั้งข้อมูลที่สนับสนุน และข้อมูลที่ยาไม่ได้ผลเมื่อเทียบกับการให้ยาตัวอื่นหรือยาหลอก แต่เดิมยาไอเวอร์เมคตินใช้สำหรับการรักษาพยาธิ แต่ขณะนี้มีข้อมูลว่ายาไอเวอร์เมคตินช่วยยับยั้งไวรัสได้ โดยเฉพาะไวรัสโควิด-19 ในหลอดทดลอง จึงทำให้มีคนสนใจเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามเมื่อเราดูข้อมูลงานวิจัยจะมีทั้งงานสนับสนุน และงานวิจัยที่บอกว่าไม่ได้ผล ซึ่งมีทั้งงานวิจัยชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ที่ทำในโรงพยาบาล มีการศึกษากับผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน รวมถึงศึกษากับบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งนี้หากจะระบุว่าการใช้ยาไอเวอร์เมคติน รักษาโควิด-19 ได้ผลหรือไม่ ต้องดูว่าบุคคลที่แชร์ข้อมูล มีข้อมูลงานวิจัยใดในการสนับสนุน

สำหรับไกด์ไลน์คำแนะนำในการรักษาของกรมการแพทย์ระบุว่า มีข้อมูลการศึกษาในหลอดทดลองเบื้องต้นว่าไอเวอร์เมคตินเสริมฤทธิ์กับฟาวิพิราเวียร์ แต่ยังไม่มีข้อมูลศึกษาวิจัยทางคลินิกเพียงพอ แต่เมื่อมีงานวิชาการชิ้นนี้ออกมา ก็อาจมีความเป็นไปได้ในอนาคต ที่ประเทศไทยจะทำการศึกษาในประเด็นนี้

Q : [แชร์กันว่า] เวลานี้ Ivermectin (ไอเวอร์เมคติน) นิยมแพร่หลายมากในอินเดีย เพราะพิสูจน์แล้วว่ารักษาโควิด-19 ได้ ไม่เพียงแต่ Gua แต่ทุกรัฐในอินเดียหันมาใช้ยานี้รักษาโควิดกันหมดแล้ว ข่าวว่าประเทศยากจนต่างๆ นับร้อยประเทศในทวีปอาฟริกาและอเมริกาใต้ที่ไม่มีเงินเข้าถึงวัคซีน ก็หันมาใช้ยานี้กันหมด เพราะใช้ง่ายและราคาถูก และเป็นยาสามัญไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ เรื่องนี้จริงหรือไม่ อย่างไร

A :  อยากให้เข้าใจกันก่อนว่า ขณะนี้สถานการณ์ทางการแพทย์เป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างฉุกเฉินหรือเรียกว่าวิกฤตในเรื่องที่เกี่ยวกับโควิด-19 เนื่องจากโควิด-19 เป็นโรคระบาดใหม่ ก็จะมีความพยายามในการหาวิธีรักษามาอย่างต่อเนื่อง และในหลายประเทศก็พยายามหาวิธีการรักษา อย่างที่ระบุไปในตอนต้นว่า ในหลอดทดลองเราพบว่าตัวยาไอเวอร์เมคตินมีความสามารถในการยับยั้งไวรัสโดยเฉพาะไวรัสโควิด-19 ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ที่ประเทศต่างๆ จะมีการนำยาตัวนี้มาใช้รักษากับผู้ป่วยโควิด-19 อย่างประเทศที่มีการแชร์ข้อมูลกันหรือมีการพูดถึงอาจจะเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมาก และฐานะทางเศรษฐกิจอาจจะไม่ได้ร่ำรวย เพราะฉะนั้นยาตัวนี้อาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ประเทศเหล่านั้น นำมาใช้ อย่างไรก็ตามหากจะนำยาตัวนี้มาใช้ ก็ต้องดูผลที่ตามมาด้วยว่า ได้ผลจริงหรือไม่

Q : [แชร์กันว่า] ผลการวิจัยยา Ivermectin(ไอเวอร์เมคติน)  ในการรักษาไวรัสโควิด-19 ได้ถูกประกาศอย่างเป็นทางการใน American Journal of Therapeutic แล้ว และผลของการวิจัยคือ Ivermectin (ไอเวอร์เมคติน) สามารถลดจำนวนคนตายจากโควิด-19 ได้ 62% จริงหรือไม่?

A : งานวิจัยที่กำลังพูดถึงเป็นงานวิจัยที่เพิ่งตีพิมพ์ออกมา ซึ่งเป็นงานวิจัยที่มีลักษณะ ที่เราเรียกว่า “การทบทวนอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์อภิมาน” หมายความว่าผู้วิจัยนำงานวิจัยทั้งหมดที่สืบค้นมาได้ นำมาทบทวนรวมกันทั้งหมด และนำข้อมูลของงานวิจัย แต่ละงานวิจัยเอามารวมกัน เพื่อที่จะได้จำนวนผู้ป่วยเป็นจำนวนมากจากหลายๆ งานวิจัย แล้วก็นำผลมาสรุป ส่วนที่ระบุว่าช่วยลดการตายได้ 62 เปอร์เซ็นต์นั้น เมื่อพิจารณาจากงานวิจัยที่ได้ไปสืบค้นมาทั้งหมด และนำมาวิเคราะห์ผลในงานวิจัยนี้พบว่า ผู้ป่วยที่ได้กินยาไอเวอร์เมคตินจะมีการเสียชีวิต 2.3 เปอร์เซ็นต์  ขณะที่อีกกลุ่มที่ไม่ได้ยาไอเวอร์เมคตินมีการเสียชีวิตอยู่ที่ 6.8 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นในเรื่องนี้หากจะมองในเรื่องประโยชน์ของยาไอเวอร์เมคตินก็มีประโยชน์อยู่ แต่หากมองตามข้อเท็จจริง ความแตกต่างของอัตราการตายอยู่ที่ 4.5 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่งานวิจัยนี้พูดว่าลดอัตราการตาย 62 เปอร์เซ็นต์ เป็นการเทียบจากกลุ่มที่มีอัตราการตายเยอะ และลดลงมาเมื่อได้ยาไอเวอร์เมคติน

ทั้งนี้หากพิจารณาจากภาพรวมจะพบว่า ต้องให้ยาไอเวอร์เมคตินในคนจำนวน 22 คน ถึงจะช่วยป้องกันการเสียชีวิตได้ 1 คน อีกประเด็นคือ งานวิจัยชิ้นนี้เป็นการนำข้อมูลจากหลายๆ งานวิจัยมารวมกัน ซึ่งมีการศึกษากับผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก และมีการให้ปริมาณโดสของยาที่แตกต่างกัน และบางงานวิจัยก็มีคุณภาพที่ดี บางงานวิจัยมีคุณภาพที่ปานกลาง บางงานวิจัยก็คุณภาพต่ำ ซึ่งส่งผลต่อการวิเคราะห์ผลด้วย อย่างไรก็ตามหากดูจากการสรุปโดยรวมระบุได้ว่า กลุ่มคนที่ได้ยาไอเวอร์เมคติน มีอัตราการเสียชีวิตน้อยกว่ากลุ่มที่ได้ยาอื่นๆ หรือยาหลอก

Q : [แชร์กันว่า] ยา Ivermectin(ไอเวอร์เมคติน) สามารถหยุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ 86% ซึ่งทุกวันนี้ยังไม่มีวัคซีนตัวไหนทำได้เลย จริงหรือไม่?

A : ข้อความนี้ก็มาจากงานวิจัยชิ้นเดียวกัน โดยมาจากการวิเคราะห์งานวิจัย 3 งานวิจัย ซึ่งได้นำมารวมกันเป็นบทวิจัยนี้ และพบว่าในกลุ่มเสี่ยงที่ได้ยาไอเวอร์เมคตินมีอาการติดเชื้อโควิค-19  5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกลุ่มที่มีการควบคุมหรือเปรียบเทียบจะติดโควิด-19 ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ 

Q : [แชร์กันว่า] มีการแชร์ต่อว่าต้นทุนการผลิต ยาไอเวอร์เมคติน มีราคาถูกมาก?

A : ราคายาตัวนี้ไม่แพงมาก เนื่องจากเป็นยาที่ใช้ในการรักษาพยาธิ ซึ่งเป็นยาขึ้นทะเบียน และยาตัวนี้มีการใช้มานานแล้ว อย่างไรก็ตาม หากยาตัวนี้ได้ผลกับผู้ป่วยโควิด-19 จริง ก็จะเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต ส่วนไกด์ไลน์หรือแนวทางที่ผู้เชี่ยวชาญ สมาคมวิชาชีพต่างๆ รวมถึงกระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ระบุว่า ยาไอเวอร์เมคตินไม่ได้เป็นยาที่ใช้รักษาหลัก แต่เป็นส่วนที่อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ ว่าแพทย์สามารถนำมาพิจารณาใช้ได้หากเห็นว่ามีความจำเป็นและเหมาะสม เหตุผลที่มีการใช้ยาไอเวอร์เมคตินขึ้นมาเพราะพบว่ามีผลในหลอดทดลอง แต่หากถามว่าไอเวอร์เมคตินมีประโยชน์หรือไม่ หากมองจากงานวิจัยชิ้นนี้ ก็จะพบว่ายานี้อาจมีประโยชน์ในอนาคต 

Q : ประเทศไทยได้สั่งนำเข้า ยา Ivermectin (ไอเวอร์เมคติน) เข้ามาหรือไม่ ถ้าสั่งเข้ามา นำมาใช้ในการรักษาโรคอะไร

A : ไอเวอร์เมคตินเป็นยาที่ขึ้นทะเบียนว่าใช้ในการฆ่าพยาธิ ถ้าจะนำยาที่ขึ้นทะเบียนด้วยข้อบ่งใช้อย่างหนึ่ง ไปใช้กับข้อบ่งใช้อีกอย่างหนึ่ง ก็ต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบ เพราะการขอขึ้นทะเบียนยา กับการนำมาใช้ด้วยเงื่อนไขที่ไม่เหมือนกัน

“ยาตัวนี้เป็นการขึ้นทะเบียนว่าใช้ในการฆ่าพยาธิ แต่ถ้าเราจะนำมาใช้กับผู้ป่วยโควิด-19 ก็จะต้องมีเงื่อนไขในการนำมาใช้ มีกระบวนการใด กระบวนการหนึ่ง ซึ่งในอนาคตอาจจะมีกระบวนการทำวิจัย เพราะในประเทศไทยก็มีผู้ป่วยโควิด-19 หรือถ้าเราคิดว่างานวิจัยที่มีในต่างประเทศมีความน่าเชื่อถือ และมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ยา ก็อาจจะต้องมาหาวิธีการต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร” ดร.นพ.อรรถสิทธิ์ ระบุ

Q : ในประเทศไทยมีการใช้ยาตัวนี้กับผู้ป่วยโควิด-19 บ้างหรือยัง และถ้าต้องทำการรักษาจริง จะต้องใช้ในปริมาณเท่าไหร่ และเริ่มมีการทำวิจัยการศึกษายาตัวนี้ในประเทศไทยแล้วหรือยัง?

A : เคยได้ยินว่ามีอาจารย์บางท่านในประเทศไทยได้ทำวิจัยเรื่องนี้ แต่คงตอบได้ยากในตอนนี้ งานวิจัยที่ดีเพื่อตอบว่ายาได้ผลหรือไม่ จำเป็นต้องใช้เวลา เพราะต้องมีการควบคุมปัจจัยต่างๆ ของคนไข้ และปริมาณยาที่ให้ แต่จากการศึกษาวิจัยในต่างประเทศที่มีการเผยแพร่ออกมานี้ พบว่า มีการให้ยาในปริมาณและจำนวนวันที่แตกต่างกันมาก ซึ่งก็จะมีความหลากหลาย การใช้ยาจึงควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์หากพิจารณาว่ายาตัวนี้มีประโยชน์และจะนำมาใช้ต่อไป

ขณะนี้ยังไม่มีการนำยาไอเวอร์เมคตินมาใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่พบในประเทศไทย เพราะเรายังมีข้อมูลไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตามถ้ามีข้อมูลงานวิจัยมากพอ อย่างงานของ American Journal of Therapeutic เป็นการรวบรวมข้อมูลถึงเดือนเมษายน 2564 ก็ถือว่าเป็นงานข้อมูลวิชาการชิ้นหนึ่ง ที่จะมีโอกาสผลักดันให้มีการนำไอเวอร์เมคตินมาใช้ในอนาคตได้

Q : มีการแนะนำว่า ไม่ต้องฉีดวัคซีนโควิด 19 แล้ว เพราะ สามารถทานยา Ivermectin (ไอเวอร์เมคติน)  เพื่อรักษาโควิดได้ เป็นความคิดเห็นที่ถูกต้องหรือไม่? จะให้คำแนะนำกับประชาชนอย่างไร?  

A : การที่เราฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อโรค ซึ่งการฉีดวัคซีนเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น และอยากให้ประชาชนเข้ารับบริการการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดเพราะการฉีดวัคซีนได้มาก ก็จะสามารถป้องกันไม่ให้โรคโควิด-19 ระบาดมากขึ้น และคงไม่ได้หมายความว่าเราฉีดวัคซีนแล้ว จะไม่สามารถติดเชื้อ แต่การได้รับวัคซีนแล้ว เมื่อได้รับเชื้อเข้ามาอาการก็จะไม่ค่อยรุนแรง ทั้งนี้หากเราฉีดวัคซีนแล้ว แต่ยังมีผู้ที่ติดเชื้ออยู่รอบตัวเรา โอกาสที่เราจะได้รับเชื้อก็ยังมีอยู่ เพราะฉะนั้นยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการในการเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันโควิด-19 ส่วนการนำยาไอเวอร์เมคตินมากินเพื่อป้องกันโรคนั้น ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ แต่ว่าในอนาคตการนำยาไอเวอร์เมคตินเพื่อมาทำการรักษาคนติดเชื้อแล้วอาจมีความเป็นไปได้

Q : สรุปแล้วข้อมูลที่มีการแชร์บนสื่อโซเชียลมีเดียในเรื่องนี้ จริงเท็จอย่างไร ควรแชร์ต่อหรือไม่

A : ข้อมูลที่แชร์ในสื่อสังคมออนไลน์ในเรื่องนี้ มาจากข้อมูลงานวิชาการก็จริง แต่เวลาแชร์ต้องพิจารณาว่าข้อมูลบางอย่างในงานวิชาการนี้ไม่ได้สามารถแชร์ได้ทั้งหมด การนำข้อมูลมาแชร์เพียงบางส่วนมีโอกาสที่จะทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนได้มาก ถ้าจะแนะนำว่าแชร์ได้มันก็ดูจะผิดไป เพราะอาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คาดเคลื่อนกันไปตลอด แต่ถ้าจะบอกว่าข้อมูลมันไม่ถูกต้องนั้น บางส่วนในข้อมูลงานวิชาการนี้ ก็มีส่วนที่ถูกต้องอยู่ ฉะนั้นผมขอแนะนำว่าอย่าแชร์ดีกว่า เพราะหากมีการแชร์ต่อไปเรื่อย ๆ แล้วนำยาตัวนี้มารักษาโควิด-19 ในเวลานี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ไม่ขอแนะนำให้ซื้อยาตัวนี้มาใช้ในการรักษาเอง ส่วนจะมีการใช้ยาตัวนี้ในอนาคตเพื่อรักษาโควิด-19 หรือไม่นั้น ขอให้ติดตามข้อมูลที่เป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขต่อไป และแพทย์จะเป็นคนพิจารณาเองว่าจะใช้หรือไม่ใช้กับใคร และใช้เมื่อไหร่ ปริมาณเท่าไหร่

ข้อมูลอ้างอิง
การสัมภาษณ์ ดร.นพ.อรรถสิทธิ์ ศรีสุบัติ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: https://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย

ไทยเตรียมประท้วง UN หากทุ่นระเบิดเป็นของใหม่

18 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่นรอผลตรวจสอบกับระเบิดทำทหารไทยขาขาด หากเป็นของใหม่ จะเสนอประท้วงไปยังยูเอ็น ขอให้มีมาตรการคว่ำบาตรกัมพูชา ทำผิดอนุสัญญาออตตาวา กรณีทหารเหยียบกับระเบิด บนเนินช่องบก จ.อุบลราชธานี คาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะชัดเจนว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่หรือของเก่า แต่มีคำยืนยันว่าไทยไม่เพิกเฉยเรื่องนี้แน่นอน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า หากผลพิสูจน์ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ จะใช้กลไกกองทัพบกประสานต่อกระทรวงต่างประเทศ ให้ยื่นประท้วงกัมพูชาต่อองค์การสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการคว่ำบาตรกัมพูชา ตามสนธิสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เป็นสมาชิกที่มีเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก ส่วนมาตรการตอบโต้อย่างอื่น ยังบอกไม่ได้ สำหรับบริเวณช่องบก จุดเกิดเหตุระเบิดจนทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 3 นาย จุดนั้น เป็นพื้นที่สู้รบเก่าที่สามารถพบทุ่นระเบิดเก่าได้ ซึ่งวันนี้ ทางชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดซึ่งทั่วโลกยอมรับ ได้ลงพื้นที่พิสูจน์ มีแนวโน้มเป็นไปได้ทั้งนำมาวางไว้ก่อน หรือหลังเหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนในพื้นที่ ได้กำชับกำลังพลทุกนายให้เฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงประเด็นดราม่า […]

บ้านดอนตัน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังจมน้ำ

น่าน 18 ก.ค. – “บ้านดอนตัน” จ.น่าน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังคงจมน้ำ น้ำใจหลั่งไหลเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งเยาวชนฝีพายเรือแข่งอำเภอท่าวังผา ขนน้ำดื่มลงเรือแจกจ่ายช่วยชาวบ้าน สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.น่าน ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะที่บ้านดอนตัน หมู่ 4 ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา ชาวบ้านกว่าร้อยหลังคาเรือนยังอาศัยอยู่ท่ามกลางน้ำท่วมขัง ระดับน้ำในพื้นที่สูงกว่า 1 เมตร ประชาชนต้องย้ายสิ่งของขึ้นชั้น 2 เพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้อาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียว ต้องอพยพไปพักอยู่กับญาติในพื้นที่ใกล้เคียง หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนและจิตอาสา ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยจัดส่งอาหาร น้ำดื่มและสิ่งของจำเป็น โดยเฉพาะเยาวชนฝีพายเรือแข่งจากบ้านสบหนอง อำเภอท่าวังผา นำเรือออกให้ความช่วยเหลือในการขนส่งน้ำดื่มและอาหารไปยังบ้านที่ถูกน้ำล้อม เพื่อส่งต่อถึงผู้ประสบภัยที่ยังติดอยู่ในบ้าน ผู้ใหญ่บ้านดอนตัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและ มีแนวโน้มลดลง แต่บริเวณท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและอยู่ติดแม่น้ำยังคงมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะในพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งไร่ข้าวโพดและลำไย รวมกว่า 2,000 ไร่ ถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด ขณะที่หมู่บ้านใกล้เคียงในพื้นที่ ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา ได้แก่ […]