ชัวร์ก่อนแชร์ : แนะกินยา Ivermectin ช่วยป้องกัน-รักษาโควิด-19 ได้ จริงหรือ?

30 มิถุนายน 2564 ตรวจสอบข้อเท็จจริง/เรียบเรียง โดย : ภริตพร สุธีพิเชฐภัณฑ์


บนสังคมออนไลน์มีการแชร์ข้อมูล จาก American Journal of Therapeutic ยา Ivermectin ช่วยลดการตายและหยุดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ นั้น ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบข้อมูลแล้ว พบว่า ข้อมูลมีความจริงบางส่วน แต่ยังไม่ควรแชร์

บทสรุป :  จริงบางส่วน ยังไม่ควรแชร์  


·        งานวิจัยดังกล่าวทางการแพทย์เรียกว่า “การทบทวนอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์อภิมาน” หมายความว่าเป็นการนำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ได้สืบค้นได้ นำมาทบทวนรวมกัน ซึ่งบางงานวิจัยก็มีคุณภาพดี บางงานวิจัยมีคุณภาพปานกลาง และบางงานวิจัยก็มีคุณภาพต่ำ

·        ไม่แนะนำให้ซื้อยาตัวนี้มาใช้ในการรักษาเอง ส่วนจะมีการใช้ยาตัวนี้ในอนาคตเพื่อรักษาโควิด-19 หรือไม่นั้น ขอให้ติดตามข้อมูลที่เป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขต่อไป

·        ในประเทศไทย ไอเวอร์เมคติน เป็นยาที่ขึ้นทะเบียนเพื่อใช้สำหรับการฆ่าพยาธิ หากจะนำยาที่ขึ้นทะเบียนด้วยเหตุผลอย่างหนึ่ง มาใช้กับเหตุผลอีกอย่างนึง ก็ต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบ


·       ขณะนี้ยังไม่มีการนำยาไอเวอร์เมคตินมาใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในไทย เพราะยังมีข้อมูลทางวิชาการไม่เพียงพอ

·       สำหรับไกด์ไลน์คำแนะนำในการรักษาของกรมการแพทย์ระบุว่า มีข้อมูลการศึกษาในหลอดทดลองเบื้องต้นว่าไอเวอร์เมคตินเสริมฤทธิ์กับฟาวิพิราเวียร์ แต่ยังไม่มีข้อมูลศึกษาวิจัยทางคลินิก

ข้อมูลที่ถูกแชร์

“ผลการวิจัยยา Ivermectin ในการรักษา ไวรัสโควิด-19 ได้ถูกประกาศอย่างเป็นทางการใน American Journal of Therapeutic แล้วนะครับ และผลของการวิจัยก็คือ: 1. Ivermectin สามารถลดจำนวนคนตายจากโควิด-19 ได้ 62%. 2. Ivermectin สามารถหยุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ 86% ซึ่งทุกวันนี้ยังไม่มีวัคซีนตัวไหนทำได้เลย. 3. ต้นทุนการผลิต Ivermectin ในอินเดียอยู่ที่ $2.90 ต่อ 100 เม็ด (ขนาดเม็ดละ 12-mg) หรือ เม็ดละ 90 สตางค์ หรือ 4.50 บาท ต่อการรักษา 1 ผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 (วันละเม็ด เป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน….”

นอกจากนี้ยังมีการแชร์ข้อมูล “เวลานี้ Ivermectin(ไอเวอร์เมคติน)  นิยมแพร่หลายมากในอินเดีย เพราะพิสูจน์แล้วว่ารักษาโควิด-19 ได้ ไม่เพียงแต่ Gua แต่ทุกรัฐในอินเดียหันมาใช้ยานี้รักษาโควิดกันหมดแล้ว ข่าวว่าประเทศยากจนต่างๆนับร้อยประเทศในทวีปอาฟริกาและอเมริกาใต้ที่ไม่มีเงินเข้าถึงวัคซีน ก็หันมาใช้ยานี้กันหมด…” โดยข้อมูลดังกล่าวได้ถูกส่งเข้ามาสอบถามข้อเท็จจริงกับศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์จำนวนมาก

Fact Check : ตรวจสอบข้อมูล

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ อสมท. ตรวจสอบคำกล่าวอ้างข้างต้น กับ ดร.นพ.อรรถสิทธิ์ ศรีสุบัติ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้รับคำตอบในแต่ละประเด็น ดังนี้

Q : มีการแชร์ข้อมูลบนสื่อออนไลน์ว่า ยา Ivermectin (ไอเวอร์เมคติน) สามารถใช้รักษาโควิด-19 ได้แล้ว จริงหรือไม่?

A : จากข้อมูลที่แชร์กัน ควรจะต้องดูข้อมูลจากงานวิจัยเรื่องนี้ให้ครบถ้วน ซึ่งมีทั้งข้อมูลที่สนับสนุน และข้อมูลที่ยาไม่ได้ผลเมื่อเทียบกับการให้ยาตัวอื่นหรือยาหลอก แต่เดิมยาไอเวอร์เมคตินใช้สำหรับการรักษาพยาธิ แต่ขณะนี้มีข้อมูลว่ายาไอเวอร์เมคตินช่วยยับยั้งไวรัสได้ โดยเฉพาะไวรัสโควิด-19 ในหลอดทดลอง จึงทำให้มีคนสนใจเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามเมื่อเราดูข้อมูลงานวิจัยจะมีทั้งงานสนับสนุน และงานวิจัยที่บอกว่าไม่ได้ผล ซึ่งมีทั้งงานวิจัยชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ที่ทำในโรงพยาบาล มีการศึกษากับผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน รวมถึงศึกษากับบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งนี้หากจะระบุว่าการใช้ยาไอเวอร์เมคติน รักษาโควิด-19 ได้ผลหรือไม่ ต้องดูว่าบุคคลที่แชร์ข้อมูล มีข้อมูลงานวิจัยใดในการสนับสนุน

สำหรับไกด์ไลน์คำแนะนำในการรักษาของกรมการแพทย์ระบุว่า มีข้อมูลการศึกษาในหลอดทดลองเบื้องต้นว่าไอเวอร์เมคตินเสริมฤทธิ์กับฟาวิพิราเวียร์ แต่ยังไม่มีข้อมูลศึกษาวิจัยทางคลินิกเพียงพอ แต่เมื่อมีงานวิชาการชิ้นนี้ออกมา ก็อาจมีความเป็นไปได้ในอนาคต ที่ประเทศไทยจะทำการศึกษาในประเด็นนี้

Q : [แชร์กันว่า] เวลานี้ Ivermectin (ไอเวอร์เมคติน) นิยมแพร่หลายมากในอินเดีย เพราะพิสูจน์แล้วว่ารักษาโควิด-19 ได้ ไม่เพียงแต่ Gua แต่ทุกรัฐในอินเดียหันมาใช้ยานี้รักษาโควิดกันหมดแล้ว ข่าวว่าประเทศยากจนต่างๆ นับร้อยประเทศในทวีปอาฟริกาและอเมริกาใต้ที่ไม่มีเงินเข้าถึงวัคซีน ก็หันมาใช้ยานี้กันหมด เพราะใช้ง่ายและราคาถูก และเป็นยาสามัญไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ เรื่องนี้จริงหรือไม่ อย่างไร

A :  อยากให้เข้าใจกันก่อนว่า ขณะนี้สถานการณ์ทางการแพทย์เป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างฉุกเฉินหรือเรียกว่าวิกฤตในเรื่องที่เกี่ยวกับโควิด-19 เนื่องจากโควิด-19 เป็นโรคระบาดใหม่ ก็จะมีความพยายามในการหาวิธีรักษามาอย่างต่อเนื่อง และในหลายประเทศก็พยายามหาวิธีการรักษา อย่างที่ระบุไปในตอนต้นว่า ในหลอดทดลองเราพบว่าตัวยาไอเวอร์เมคตินมีความสามารถในการยับยั้งไวรัสโดยเฉพาะไวรัสโควิด-19 ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ที่ประเทศต่างๆ จะมีการนำยาตัวนี้มาใช้รักษากับผู้ป่วยโควิด-19 อย่างประเทศที่มีการแชร์ข้อมูลกันหรือมีการพูดถึงอาจจะเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมาก และฐานะทางเศรษฐกิจอาจจะไม่ได้ร่ำรวย เพราะฉะนั้นยาตัวนี้อาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ประเทศเหล่านั้น นำมาใช้ อย่างไรก็ตามหากจะนำยาตัวนี้มาใช้ ก็ต้องดูผลที่ตามมาด้วยว่า ได้ผลจริงหรือไม่

Q : [แชร์กันว่า] ผลการวิจัยยา Ivermectin(ไอเวอร์เมคติน)  ในการรักษาไวรัสโควิด-19 ได้ถูกประกาศอย่างเป็นทางการใน American Journal of Therapeutic แล้ว และผลของการวิจัยคือ Ivermectin (ไอเวอร์เมคติน) สามารถลดจำนวนคนตายจากโควิด-19 ได้ 62% จริงหรือไม่?

A : งานวิจัยที่กำลังพูดถึงเป็นงานวิจัยที่เพิ่งตีพิมพ์ออกมา ซึ่งเป็นงานวิจัยที่มีลักษณะ ที่เราเรียกว่า “การทบทวนอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์อภิมาน” หมายความว่าผู้วิจัยนำงานวิจัยทั้งหมดที่สืบค้นมาได้ นำมาทบทวนรวมกันทั้งหมด และนำข้อมูลของงานวิจัย แต่ละงานวิจัยเอามารวมกัน เพื่อที่จะได้จำนวนผู้ป่วยเป็นจำนวนมากจากหลายๆ งานวิจัย แล้วก็นำผลมาสรุป ส่วนที่ระบุว่าช่วยลดการตายได้ 62 เปอร์เซ็นต์นั้น เมื่อพิจารณาจากงานวิจัยที่ได้ไปสืบค้นมาทั้งหมด และนำมาวิเคราะห์ผลในงานวิจัยนี้พบว่า ผู้ป่วยที่ได้กินยาไอเวอร์เมคตินจะมีการเสียชีวิต 2.3 เปอร์เซ็นต์  ขณะที่อีกกลุ่มที่ไม่ได้ยาไอเวอร์เมคตินมีการเสียชีวิตอยู่ที่ 6.8 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นในเรื่องนี้หากจะมองในเรื่องประโยชน์ของยาไอเวอร์เมคตินก็มีประโยชน์อยู่ แต่หากมองตามข้อเท็จจริง ความแตกต่างของอัตราการตายอยู่ที่ 4.5 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่งานวิจัยนี้พูดว่าลดอัตราการตาย 62 เปอร์เซ็นต์ เป็นการเทียบจากกลุ่มที่มีอัตราการตายเยอะ และลดลงมาเมื่อได้ยาไอเวอร์เมคติน

ทั้งนี้หากพิจารณาจากภาพรวมจะพบว่า ต้องให้ยาไอเวอร์เมคตินในคนจำนวน 22 คน ถึงจะช่วยป้องกันการเสียชีวิตได้ 1 คน อีกประเด็นคือ งานวิจัยชิ้นนี้เป็นการนำข้อมูลจากหลายๆ งานวิจัยมารวมกัน ซึ่งมีการศึกษากับผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก และมีการให้ปริมาณโดสของยาที่แตกต่างกัน และบางงานวิจัยก็มีคุณภาพที่ดี บางงานวิจัยมีคุณภาพที่ปานกลาง บางงานวิจัยก็คุณภาพต่ำ ซึ่งส่งผลต่อการวิเคราะห์ผลด้วย อย่างไรก็ตามหากดูจากการสรุปโดยรวมระบุได้ว่า กลุ่มคนที่ได้ยาไอเวอร์เมคติน มีอัตราการเสียชีวิตน้อยกว่ากลุ่มที่ได้ยาอื่นๆ หรือยาหลอก

Q : [แชร์กันว่า] ยา Ivermectin(ไอเวอร์เมคติน) สามารถหยุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ 86% ซึ่งทุกวันนี้ยังไม่มีวัคซีนตัวไหนทำได้เลย จริงหรือไม่?

A : ข้อความนี้ก็มาจากงานวิจัยชิ้นเดียวกัน โดยมาจากการวิเคราะห์งานวิจัย 3 งานวิจัย ซึ่งได้นำมารวมกันเป็นบทวิจัยนี้ และพบว่าในกลุ่มเสี่ยงที่ได้ยาไอเวอร์เมคตินมีอาการติดเชื้อโควิค-19  5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกลุ่มที่มีการควบคุมหรือเปรียบเทียบจะติดโควิด-19 ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ 

Q : [แชร์กันว่า] มีการแชร์ต่อว่าต้นทุนการผลิต ยาไอเวอร์เมคติน มีราคาถูกมาก?

A : ราคายาตัวนี้ไม่แพงมาก เนื่องจากเป็นยาที่ใช้ในการรักษาพยาธิ ซึ่งเป็นยาขึ้นทะเบียน และยาตัวนี้มีการใช้มานานแล้ว อย่างไรก็ตาม หากยาตัวนี้ได้ผลกับผู้ป่วยโควิด-19 จริง ก็จะเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต ส่วนไกด์ไลน์หรือแนวทางที่ผู้เชี่ยวชาญ สมาคมวิชาชีพต่างๆ รวมถึงกระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ระบุว่า ยาไอเวอร์เมคตินไม่ได้เป็นยาที่ใช้รักษาหลัก แต่เป็นส่วนที่อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ ว่าแพทย์สามารถนำมาพิจารณาใช้ได้หากเห็นว่ามีความจำเป็นและเหมาะสม เหตุผลที่มีการใช้ยาไอเวอร์เมคตินขึ้นมาเพราะพบว่ามีผลในหลอดทดลอง แต่หากถามว่าไอเวอร์เมคตินมีประโยชน์หรือไม่ หากมองจากงานวิจัยชิ้นนี้ ก็จะพบว่ายานี้อาจมีประโยชน์ในอนาคต 

Q : ประเทศไทยได้สั่งนำเข้า ยา Ivermectin (ไอเวอร์เมคติน) เข้ามาหรือไม่ ถ้าสั่งเข้ามา นำมาใช้ในการรักษาโรคอะไร

A : ไอเวอร์เมคตินเป็นยาที่ขึ้นทะเบียนว่าใช้ในการฆ่าพยาธิ ถ้าจะนำยาที่ขึ้นทะเบียนด้วยข้อบ่งใช้อย่างหนึ่ง ไปใช้กับข้อบ่งใช้อีกอย่างหนึ่ง ก็ต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบ เพราะการขอขึ้นทะเบียนยา กับการนำมาใช้ด้วยเงื่อนไขที่ไม่เหมือนกัน

“ยาตัวนี้เป็นการขึ้นทะเบียนว่าใช้ในการฆ่าพยาธิ แต่ถ้าเราจะนำมาใช้กับผู้ป่วยโควิด-19 ก็จะต้องมีเงื่อนไขในการนำมาใช้ มีกระบวนการใด กระบวนการหนึ่ง ซึ่งในอนาคตอาจจะมีกระบวนการทำวิจัย เพราะในประเทศไทยก็มีผู้ป่วยโควิด-19 หรือถ้าเราคิดว่างานวิจัยที่มีในต่างประเทศมีความน่าเชื่อถือ และมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ยา ก็อาจจะต้องมาหาวิธีการต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร” ดร.นพ.อรรถสิทธิ์ ระบุ

Q : ในประเทศไทยมีการใช้ยาตัวนี้กับผู้ป่วยโควิด-19 บ้างหรือยัง และถ้าต้องทำการรักษาจริง จะต้องใช้ในปริมาณเท่าไหร่ และเริ่มมีการทำวิจัยการศึกษายาตัวนี้ในประเทศไทยแล้วหรือยัง?

A : เคยได้ยินว่ามีอาจารย์บางท่านในประเทศไทยได้ทำวิจัยเรื่องนี้ แต่คงตอบได้ยากในตอนนี้ งานวิจัยที่ดีเพื่อตอบว่ายาได้ผลหรือไม่ จำเป็นต้องใช้เวลา เพราะต้องมีการควบคุมปัจจัยต่างๆ ของคนไข้ และปริมาณยาที่ให้ แต่จากการศึกษาวิจัยในต่างประเทศที่มีการเผยแพร่ออกมานี้ พบว่า มีการให้ยาในปริมาณและจำนวนวันที่แตกต่างกันมาก ซึ่งก็จะมีความหลากหลาย การใช้ยาจึงควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์หากพิจารณาว่ายาตัวนี้มีประโยชน์และจะนำมาใช้ต่อไป

ขณะนี้ยังไม่มีการนำยาไอเวอร์เมคตินมาใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่พบในประเทศไทย เพราะเรายังมีข้อมูลไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตามถ้ามีข้อมูลงานวิจัยมากพอ อย่างงานของ American Journal of Therapeutic เป็นการรวบรวมข้อมูลถึงเดือนเมษายน 2564 ก็ถือว่าเป็นงานข้อมูลวิชาการชิ้นหนึ่ง ที่จะมีโอกาสผลักดันให้มีการนำไอเวอร์เมคตินมาใช้ในอนาคตได้

Q : มีการแนะนำว่า ไม่ต้องฉีดวัคซีนโควิด 19 แล้ว เพราะ สามารถทานยา Ivermectin (ไอเวอร์เมคติน)  เพื่อรักษาโควิดได้ เป็นความคิดเห็นที่ถูกต้องหรือไม่? จะให้คำแนะนำกับประชาชนอย่างไร?  

A : การที่เราฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อโรค ซึ่งการฉีดวัคซีนเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น และอยากให้ประชาชนเข้ารับบริการการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดเพราะการฉีดวัคซีนได้มาก ก็จะสามารถป้องกันไม่ให้โรคโควิด-19 ระบาดมากขึ้น และคงไม่ได้หมายความว่าเราฉีดวัคซีนแล้ว จะไม่สามารถติดเชื้อ แต่การได้รับวัคซีนแล้ว เมื่อได้รับเชื้อเข้ามาอาการก็จะไม่ค่อยรุนแรง ทั้งนี้หากเราฉีดวัคซีนแล้ว แต่ยังมีผู้ที่ติดเชื้ออยู่รอบตัวเรา โอกาสที่เราจะได้รับเชื้อก็ยังมีอยู่ เพราะฉะนั้นยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการในการเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันโควิด-19 ส่วนการนำยาไอเวอร์เมคตินมากินเพื่อป้องกันโรคนั้น ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ แต่ว่าในอนาคตการนำยาไอเวอร์เมคตินเพื่อมาทำการรักษาคนติดเชื้อแล้วอาจมีความเป็นไปได้

Q : สรุปแล้วข้อมูลที่มีการแชร์บนสื่อโซเชียลมีเดียในเรื่องนี้ จริงเท็จอย่างไร ควรแชร์ต่อหรือไม่

A : ข้อมูลที่แชร์ในสื่อสังคมออนไลน์ในเรื่องนี้ มาจากข้อมูลงานวิชาการก็จริง แต่เวลาแชร์ต้องพิจารณาว่าข้อมูลบางอย่างในงานวิชาการนี้ไม่ได้สามารถแชร์ได้ทั้งหมด การนำข้อมูลมาแชร์เพียงบางส่วนมีโอกาสที่จะทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนได้มาก ถ้าจะแนะนำว่าแชร์ได้มันก็ดูจะผิดไป เพราะอาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คาดเคลื่อนกันไปตลอด แต่ถ้าจะบอกว่าข้อมูลมันไม่ถูกต้องนั้น บางส่วนในข้อมูลงานวิชาการนี้ ก็มีส่วนที่ถูกต้องอยู่ ฉะนั้นผมขอแนะนำว่าอย่าแชร์ดีกว่า เพราะหากมีการแชร์ต่อไปเรื่อย ๆ แล้วนำยาตัวนี้มารักษาโควิด-19 ในเวลานี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ไม่ขอแนะนำให้ซื้อยาตัวนี้มาใช้ในการรักษาเอง ส่วนจะมีการใช้ยาตัวนี้ในอนาคตเพื่อรักษาโควิด-19 หรือไม่นั้น ขอให้ติดตามข้อมูลที่เป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขต่อไป และแพทย์จะเป็นคนพิจารณาเองว่าจะใช้หรือไม่ใช้กับใคร และใช้เมื่อไหร่ ปริมาณเท่าไหร่

ข้อมูลอ้างอิง
การสัมภาษณ์ ดร.นพ.อรรถสิทธิ์ ศรีสุบัติ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: https://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

กลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ อ่านแถลงการณ์ เรียกร้องนายกฯ ลาออก

28 มิ.ย. – กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย ไม่หวั่นฝนตก ชุมนุมเต็มพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ทั้งบนถนนและสะพานลอย ฟังแกนนำปราศรัยและอ่านแถลงการณ์เรียกร้องนายกฯ แพทองธาร ลาออกทันที เหตุมีพฤติการณ์เป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศ​ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวทันที​ หลังจากผู้ชุมนุมกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ได้ร่วมกันเคารพธงชาติ นายนิติธร​ ล้ำเหลือ เป็นตัวแทน​อ่านแถลงการณ์ระบุว่า สถานการณ์การเมืองการปกครองของไทย ตั้งแต่ พ.ศ.2475 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน นับเป็นระยะเวลา 93 ปี บัดนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า บรรดาฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ โดยเฉพาะคณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง การแต่งตั้ง การรัฐประหาร หรือการเลือกกันเอง มิได้มีเจตนารมณ์ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งมิได้ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนอย่างแท้จริง จนก่อให้เกิดวิกฤตด้านการเมือง เศรษฐกิจ กระบวนการยุติธรรม ความมั่นคง ดุลสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้านคุณธรรม จริยธรรม และสังคมอย่างกว้างขวางลึกและรุนแรง เหตุมาจากการที่มีผู้ไม่นำพา ไม่นับถือยำเกรงกฎหมาย กฎเกณฑ์การปกครองบ้านเมือง ทุจริตฉ้อฉล บิดเบือนอำนาจ ขาดความตระหนัก สำนึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชน จนทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นผล ให้ความสำคัญกับรูปแบบและวิธีการ ยิ่งกว่าหลักการพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย […]

ปะทะเดือด! คนร้ายบุกถล่มฐาน ชคต. เจ้าหน้าที่เจ็บ 2

นราธิวาส 28 มิ.ย. – ปะทะเดือด! กลุ่มคนร้ายราว 50 คน ขว้างไปป์บอมบ์และยิงอาวุธปืนสงครามถล่มฐานชุดคุ้มครองตำบลเกรียร์ จ.นราธิวาส จนเกิดการปะทะกันนานกว่า 20 นาที เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 2 นาย วินาทีเจ้าหน้าที่อีโอดีใช้เครื่องแรงดันน้ำพลังสูงยิงทำลายไปป์บอมบ์ 2 ลูก ที่ตกอยู่บริเวณฐานชุดคุ้มครองตำบลเกียร์ อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส หลังเมื่อเวลา 05.50 น. วันนี้ (28 มิ.ย.) ตำรวจ สภ.สุคิริน ได้รับแจ้งคนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์และอาวุธปืนสงครามบุกโจมตีฐานชุดคุ้มครองตำบลเกียร์ จึงร่วมกับทหาร ฉก.นราธิวาส, ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด, เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบพบลูกระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ของคนร้ายที่ขว้างเข้าไปในฐานแต่ไม่ทำงาน จำนวน 3 ลูก ลูกแรกตกอยู่ที่พื้นที่ด้านหลังหอสูงด้านซ้ายมือของฐาน ลูกที่ 2 อยู่ที่พื้นหน้าอาคารกองบังคับการ และลูกที่ 3 อยู่บริเวณด้านหลังของเรือนนอน และในระหว่างรอเจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าเก็บกู้ ไปป์บอมบ์ลูกแรกก็เกิดระเบิดขึ้นเองเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากเจ้าหน้าที่กันพื้นที่ไว้แล้ว ส่วนระเบิดไปป์บอมบ์อีก 2 ลูก […]

มวลชนไม่ท้อ! ฝนถล่มกางร่มฟังปราศรัย

28 มิ.ย.- ไม่ท้อ! อนุสาวรีย์ชัยฯ ฝนตกหนัก มวลชนกางร่มฟังปราศรัย ปักหลักชุมนุมต่อเนื่อง เตรียมร่วมกิจกรรมร้องเพลงชาติไทย เวลา 18.00 น. วันนี้ (28 มิ.ย. 68) เวลาประมาณ 16.30 น. ฝนตกหนักบางช่วงในพื้นที่ชุมนุมของกลุ่ม “รวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตยไทย” บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขณะที่ แกนนำสลับกันขึ้นเวทีปราศรัย พร้อมประกาศ 3 ข้อเรียกร้องหลัก คือ ให้นายกรัฐมนตรีลาออก พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว และประชาชนลุกขึ้นปกป้องอธิปไตย สำหรับไฮไลท์ช่วงเย็นวันนี้ หลังร้องเพลงชาติ เวลา 18.00 น.​ จะมีการอ่านแถลงการณ์และมีแกนนำขึ้นปราศรัยใหญ่ ก่อนยุติการชุมนุมในเวลา 21.00 น. -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมพญาเม็งรายเริ่มลด แต่ชาวบ้านยังเดือดร้อน

เชียงราย 28 มิ.ย.- เริ่มคลี่คลาย! สถานการณ์น้ำท่วมพญาเม็งราย จ.เชียงราย เช้านี้ระดับน้ำลดลงแล้วกว่า 80% แต่ชาวบ้านยังเดือดร้อน ไม่สามารถประกอบอาหารเองได้ สถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย เช้าวันนี้ เริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำลดลงไปแล้วกว่า 80% เหลือเพียงคราบโคลนจำนวนมากที่ยังปกคลุมที่อยู่อาศัยและถนนหลายสาย เช้านี้มีฝนตกโปรยปรายต่อเนื่อง  ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ยังคงเดือดร้อน ไม่สามารถประกอบอาหารเองได้ เนื่องจากขาดแคลนสิ่งจำเป็น เช่น น้ำสะอาด อุปกรณ์ทำครัว และแหล่งพลังงาน จึงขอรับการสนับสนุนอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงฟื้นฟูพื้นที่ โดยก่อนหน้านี้มณฑลทหารบกที่ 37 ลงพื้นที่แจกจ่ายถุงยังชีพและสิ่งของจำเป็นเบื้องต้นแล้ว ด้านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากเกิดฝนตกหนักอีกครั้ง -สำนักข่าวไทย