31 พฤษภาคม 2564 ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดย : ภริตพร สุธีพิเชฐภัณฑ์
บนโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูลว่า ขั้นตอนการผลิตวัคซีนโควิด-19 มีการใช้สารเคมีโลหะหนักที่เป็นพิษในการเพาะเลี้ยงไวรัสในห้องทดลองเพื่อฆ่าเชื้อไวรัสอู่ฮั่นให้ตายก่อน รวมถึงมีฟอร์มาลีนเป็นสารตั้งต้นในการผลิต ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว พบว่า จริงบางส่วน ยังไม่ควรแชร์
บทสรุป จริงบางส่วน ยังไม่ควรแชร์ เพราะทำให้เกิดความเข้าใจผิด
· ใช้ฟอร์มาลีน เป็นส่วนหนึ่งในการผลิตวัคซีนเชื้อตายเพื่อทำให้เชื้อหมดฤทธิ์ในการก่อโรค จากนั้นจะสกัดสารให้บริสุทธิ์ ปราศจากสารเคมีที่เป็นพิษต่อร่างกาย
· สารที่มีอยู่ในวัคซีนเป็นไปตามข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์
· สกัดสารเฉพาะส่วนที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคมาผลิตเป็นวัคซีน โดยชะล้างสารต่างๆ ในกระบวนการผลิตออกจนหมด เหลือเฉพาะในส่วนที่นำมาเป็นวัคซีนเท่านั้น
ข้อมูลที่ถูกแชร์
“ชิโนแวค โคแว็กซ์, และชิโนฟาร์ม พวกมีโรคประจำตัวไม่ควรฉีดตัวนี้, ผลิตจากเชื้อไวรัสอู่ฮั่นที่ตายแล้ว!! ประสิทธิภาพต่ำแต่ก็ไม่ค่อยมีผลข้างเคียงมาก! เพราะผลิตจากเชื้อตายแล้ว!! แต่มันใช้สารเคมีโลหะหนักที่เป็นพิษในการเพาะเลี้ยงไวรัสในห้องแล็บเพื่อฆ่าเชื้อไวรัสอู่ฮั่นให้ตายก่อน, วัคซีนมันจึงมีโลหะหนักปนเปื้อนเมื่อฉีดเข้าร่างกายเรา, เราจะได้รับสารโลหะหนักนี้ปนเข้าไปในเลือดด้วย, จึงทำให้เลือดดำอุดตัน มีภาวะ thrombosis ค่ะ!! สารเคมีที่เขาใช้คือ Aluminum และ beta propiolactone มันมีฟอร์มาลีน ใช้เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สารเคมีนี้ด้วยคะ”
Fact Check : ตรวจสอบข้อเท็จจริง
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ อสมท ได้ตรวจสอบข้อมูลกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีน นพ.พรศักดิ์ อยู่เจริญ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรมป้องกัน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า สารที่กล่าวมามีอยู่ในวัคซีนจริง แต่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย การผลิตวัคซีนชนิดเชื้อตาย เป็นวิธีการผลิตที่มีมานานแล้วด้วยกรรมวิธีทำให้เชื้อที่ก่อโรคตาย แล้วนำส่วนประกอบหรือสารที่ได้มาผลิตเป็นวัคซีน โดยยังมีความสามารถในการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันหรือภูมิต้านทานโรคนั้นๆ
ใช้ “ฟอร์มาลีน” ทำให้เชื้อตาย ก่อนสกัดสารให้บริสุทธิ์ ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย
นพ.พรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรรมวิธีการทำให้เชื้อตายหรือหมดฤทธิ์ในการก่อโรค จะทำด้วยวิธีต่างๆ เช่น ใช้ความร้อน ใช้สารเคมี ซึ่งสารใหญ่จะใช้สารเคมีในการผลิต ได้แก่ ฟอร์มาลีน เป็นต้น จากนั้นสกัดสาร หรือตัวเชื้อส่วนที่เหลือให้บริสุทธิ์ ปราศจากสารเคมีหรือสารที่เป็นพิษต่อร่างกายออก เพื่อนำมาทำเป็นวัคซีนนอกจากนี้ในวัคซีนบางตัวอาจจะเติมสารเคมีบางชนิดที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น และให้มีประภาพมากยิ่งขึ้น เช่น Aluminum (Hydroxide or Phosphate) เป็นต้น
ขอให้มั่นใจสารที่มีอยู่ในวัคซีนเป็นไปตามข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก–ไม่อันตรายต่อร่างกายมนุษย์
ส่วนโลหะหนักที่อาจจะพบได้ในประมาณที่น้อยมากๆ และเป็นไปตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนด เช่น ปรอท (Mercury) ซึ่งอยู่ในรูปเป็นยาฆ่าเชื้อป้องกันเชื้อแบคทีเรีย (Merthiolate, ยาแดงทาแผล) ที่จะมาปนเปื้อนในวัคซีน โดยสารที่มีอยู่ในวัคซีนนั้นต้องเป็นไปตามข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ ดังนั้นสารที่กล่าวมามีอยู่ในวัคซีนจริง แต่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
“ผู้เชี่ยวชาญ” ยืนยัน “ซิโนฟาร์ม–ซิโนแวค” มีประสิทธิภาพป้องกันโรค ส่วนเปอร์เซ็นในการป้องกันขึ้นอยู่กับผลการศึกษาในแต่ละพื้นที่และสถานการณ์
ส่วนเรื่องประสิทธิภาพวัคซีนที่กล่าวอ้างว่ามีประสิทธิภาพต่ำนั้น นพ.พรศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง การที่วัคซีนจะได้การรับรองและสามารถนำมาใช้ให้บริการแก่ประชาชนโดยทั่วไป ต้องเป็นไปตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ กล่าวคือ มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ซึ่งวัคซีน Sinopharm และ Sinovac นั้นได้การรับรองจากองค์การอนามัยโลกว่ามีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ (ประมาณร้อยละ 50-80 แล้วแต่ผลการศึกษาในแต่ละพื้นที่ และในแต่ละสถานการณ์ในการศึกษา) แต่จากการศึกษาระดับภูมิคุ้มกันโรคของวัคซีน Sinovac ของศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่ามีประสิทธิภาพ มีภูมิคุ้มกันในระดับที่สูงมากกว่าร้อยละ 95 (ประมาณร้อยละ 98-99) เมื่อได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม
อาการลิ่มเลือดอุดตันพบได้ในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca แต่มีอัตราเกิดขึ้นได้ค่อนข้างน้อย 1 : 100,000
นพ.พรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนเรื่องอาการไม่พึงประสงค์ และอาการข้างเคียงต่างๆ ที่พบอาจจะพบได้ แต่อาการที่พบไม่รุนแรง เช่น ปวด บวม บริเวณที่ฉีดวัคซีน อาการไข้ ซึ่งพบได้น้อย ส่วนอาการหลอดเลือดอุดตัน หรือลิ่มเลือดอุดตัน ไม่พบว่ามีรายงาน แต่จะพบมีรายงานในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca ในกลุ่มประเทศยุโรปที่ได้มีการใช้วัคซีนนี้ แต่พบได้ค่อนข้างน้อย อัตราประมาณ 1 ใน 25,000 – 100,000 ราย ของผู้ที่ได้รับวัคซีน และสามารถให้การรักษาได้ ส่วนวัคซีน AstraZeneca ที่มีการฉีดให้แก่ประชาชนในประเทศเกาหลี ฉีดแล้วมากกว่า 5 ล้านคน โดยยังไม่พบหรือมีรายงาน ผู้ที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน และประเทศในอาเซียนที่ใช้วัคซีนดังกล่าวนี้ ยังไม่มีรายงานผู้ที่มีอาการดังกล่าวในปัจจุบัน แม้แต่รายเดียวจนถึงขณะนี้
ข้อมูลอ้างอิง
การสัมภาษณ์ นายแพทย์พรศักดิ์ อยู่เจริญ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรมป้องกัน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: https://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter