ชัวร์ก่อนแชร์:ข้อเท็จจริงกรณี CDC รายงานโควิดสามารถติดเชื้อในระยะห่างเกิน 6 ฟุต

20 พฤษภาคม 2564 ตรวจสอบข้อเท็จจริง / เรียบเรียง โดย : อดิศร สุขสมอรรถ / พีรพล อนุตรโสตถิ์, ภริตพร สุธีพิเชฐภัณฑ์


ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ได้ปรับปรุงข้อมูลลักษณะการติดต่อของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบุเชื้อไวรัสโควิด-19 มีโอกาสล่องลอยอยู่ในอากาศได้นานหลายนาทีถึงหลายชั่วโมง สามารถรับเชื้อผ่านการสูดดมละอองฝอย น้ำมูก น้ำลายขนาดเล็กๆ ได้ โดยกรณีดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้หากผู้ป่วยพูดหรือหายใจโดยไม่สวมหน้ากาก และจะเกิดขึ้นในสถานที่ที่อากาศถ่ายเทได้ไม่ดี

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ปรับปรุงใหม่นี้ ไม่ได้ส่งผลให้ประชาชนต้องปรับเปลี่ยนวิธีหรือแนวทางการป้องกันที่แนะนำอยู่แล้วแต่อย่างใด


เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention – CDC) ได้ปรับปรุงข้อมูลลักษณะการติดต่อของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ ดังนี้  SARS-CoV-2 แพร่เชื้อผ่านสารคัดหลั่งทางเดินหายใจ จะแพร่กระจายผ่านการหายใจ, การพูดคุย, ร้องเพลง, ออกกำลังกาย, ไอ และจาม (Respiratory Fluids) และสามารถติดต่อกันได้ผ่าน 3 ช่องทาง ดังนี้

1. หายใจเอาละอองขนาดเล็ก (Small Fine Droplets) และละอองลอย (Aerosol Particles) ที่มีเชื้อไวรัสเข้าไปในร่างกาย โดยระยะใกล้กว่า 3 ถึง 6 ฟุต มีความเสี่ยงมากที่สุด

2. เยื่อเมือก (Mucous Membranes) เช่น ปาก จมูก ดวงตา ฯลฯ สัมผัสกับเชื้อไวรัสโดยตรงจากการถูกไอจามใส่


 3. เยื่อเมือกสัมผัสเชื้อไวรัสทางอ้อม โดยนำมือที่เปื้อนเชื้อไวรัสไปสัมผัสปาก จมูก ดวงตา ฯลฯ

สารคัดหลั่งทางเดินหายใจและขนาดของละอองแบ่งได้ 2 ประเภทดังนี้
1.ละอองขนาดใหญ่จะสลายในอากาศอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่กี่วินาทีหรือไม่กี่นาที
2.เมื่อละอองมีความแห้งมาก จะกลายเป็นละอองขนาดเล็กหรือละอองลอย ซึ่งมีขนาดเล็กมากจนลอยอยู่ในอากาศได้นานหลายนาทีถึงหลายชั่วโมง

ความเสี่ยงในการติดเชื้อ SARS-CoV-2 ขึ้นอยู่กับปริมาณไวรัสที่ได้รับ โดยโอกาสติดเชื้อจะลดลงเมื่อระยะห่างจากแหล่งแพร่เชื้อเพิ่มขึ้น และระยะเวลาหลังการแพร่เชื้อนานขึ้น

ปัจจัยที่ใช้พิจารณาปริมาณไวรัสในอากาศมี 2 ข้อ ดังนี้

1.การลดความเข้มข้นของไวรัสจะเกิดขึ้น เมื่อละอองที่มีขนาดใหญ่ตกลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วง ส่วนละอองขนาดเล็กและละอองลอยที่อยู่ในอากาศ ถูกผสมและเจือจางไปกับอากาศโดยรอบ

2.ความสามารถในการอยู่รอดและการติดเชื้อของไวรัสจะลดลงตามระยะเวลา ปัจจัยมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ, ความชื้น และแสงอาทิตย์

การติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ผ่านการหายใจ สามารถเกิดขึ้นได้แม้จะอยู่ห่างจากแหล่งแพร่เชื้อเกิน 6 ฟุตประมาณ 183 เซนติเมตร

แม้การติดเชื้อโควิด-19 ผ่านทางการหายใจในระยะห่างจากแหล่งแพร่เชื้อเกิน 6 ฟุต จะเกิดขึ้นได้ยาก แต่เริ่มพบรายงานการติดเชื้อในระยะห่างเกิน 6 ฟุตมากขึ้นเรื่อยๆ การติดเชื้อในลักษณะนี้ เกิดขึ้นกับคนที่อยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อในอาคารปิดเป็นเวลานานเกินกว่า 15 นาที หรือหลายชั่วโมง ทำให้ไวรัสในอากาศมีความเข้มข้นพอที่จะแพร่เชื้อไปยังผู้ที่อยู่ห่างจากแหล่งแพร่เชื้อเกิน 6 ฟุตได้ บางกรณียังเกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้พื้นที่ต่อจากผู้ติดเชื้อที่ออกจากพื้นที่นั้นๆ ไปได้ไม่นาน โดยปัจจัยของการติดเชื้อในลักษณะนี้ ได้แก่

1.พื้นที่ปิดซึ่งมีการระบายอากาศไม่เพียงพอ ทำให้ความเข้มข้นของไวรัสในอากาศมีมาก โดยเฉพาะละอองขนาดเล็กและละอองลอยที่อยู่ในอากาศ

2.มีการปล่อยสารคัดหลั่งจากการหายใจมากขึ้น เมื่อผู้ติดเชื้อออกแรงมากขึ้นหรือใช้เสียงมากขึ้น เช่น ระหว่างออกกำลังกาย ตะโกนเชียร์ หรือร้องเพลง

3.อยู่ในสภาพแวดล้อมดังกล่าวนานเกินไป ส่วนใหญ่จะนานกว่า 15 นาที

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแนวทางการป้องกันการติดเชื้อโควิด 19

  • ปัจจุบันยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ไวรัส SARS-CoV-2 ต้องมีปริมาณเท่าไหร่ถึงจะทำให้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ 
  • มีหลักฐานใหม่พบว่า การสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนไวรัสอาจไม่ใช่ช่องทางหลักในการติดเชื้อ 
  • แต่กระนั้นแนวทางในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันยังคงมีประสิทธิภาพที่ดี ทั้งการเว้นระยะห่างทางสังคม, การสวมใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี, อยู่ในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศเพียงพอ, และหลีกเลี่ยงการรวมตัวเป็นหมู่คณะในสถานที่ปิด 
  • วิธีเหล่านี้สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ผ่านทางการหายใจและการสัมผัสเชื้อโดยตรงได้ ส่วนการสัมผัสทางอ้อมจากมือที่มีเชื้อปนเปื้อน สามารถป้องกันได้ด้วยการหมั่นล้างมือและทำให้สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยมีความสะอาดเสมอ 
  • อย่างไรก็ตาม แม้การรับรู้ลักษณะการติดเชื้อจะเปลี่ยนไป แต่แนวทางป้องกันการติดเชื้อที่แนะนำโดย CDC ยังคงป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดิม

ข้อมูลอ้างอิง
https://www.thelancet.com/journals/lancet/article/PIIS0140-6736(21)00869-2/fulltext
https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/science/science-briefs/sars-cov-2-transmission.html

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: https://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC

จับตาประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” คลายปมร้อนชายแดน

14 มิ.ย. – จับตาการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” เจรจาลดความตึงเครียดชายแดน โดยฝ่ายไทยเดินทางถึงกรุงพนมเปญแล้ว มุ่งใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ขณะที่ “ภูมิธรรม” หวังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและมีข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย พร้อมคณะฝ่ายไทยเดินทางถึงกรุงพนมเปญ เพื่อเข้าร่วมการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 โดยมีนาย Khum Ponnaban อธิบดีกรม Technique of Border Affairs General Department หน่วยงาน State Secretariat of Border Affairs (เทียบเท่ากระทรวง) ของกัมพูชา ให้การต้อนรับที่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงพนมเปญ นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว หวังการประชุม JBC จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและมีข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อความเป็นมิตรและการรักษาประโยชน์ร่วมของไทยและกัมพูชาให้กลับมาสู่ภาวะปกติ .-สำนักข่าวไทย

เตือนไทยตอนบนฝนตกหนัก-พายุหวู่ติบ ขึ้นฝั่งจีนวันนี้

กทม. 14 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบน มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนลดลง ขณะที่พายุ “หวู่ติบ” ขึ้นฝั่งจีนวันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และประเทศลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อนกำลังแรง “หวู่ติบ” บริเวณอ่าวตังเกี๋ย คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีนในวันนี้ (14 มิ.ย. 68) โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในช่วงวันดังกล่าวไว้ด้วย – สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียบินกลับเดลีแล้ว หลังตรวจไม่เจอระเบิด

ภูเก็ต 13 มิ.ย. – เครื่องบินแอร์อินเดีย พร้อมผู้โดยสาร 155 คน ออกจากสนามบินภูเก็ต กลับเมืองเดลีแล้ว หลังตรวจละเอียดยิบ ไม่พบระเบิดตามจดหมายขู่ สอบเครียด 3 ผู้ต้องสงสัยชาวอินเดีย แต่ต้องปล่อยไป เพราะไร้หลักฐานมัด ยันไม่กระทบการให้บริการท่าอากาศยานฯ เมื่อเวลา 09.30 น. หอบังคับการบินสนามบินภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์ควบคุมการบิน บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ว่าลูกเรือสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI 379 เส้นทางบิน HKT-ภูเก็ต-DEL (เดลี) ผู้โดยสารจำนวน 156 คน พบข้อความขู่วางระเบิดในแผ่นกระดาษระบุว่า ‘F… you all bomb’ วางไว้ในห้องน้ำ จากนั้นสายการบินได้ประกาศเข้าสู่แผนฉุกเฉิน ให้นักบินนำเครื่องบินมาลงที่สนามบินภูเก็ต โดยทางสนามบินภูเก็ต ได้ประกาศใช้แผนเผชิญเหตุของสนามบิน Airport Contingency Plan และดำเนินการตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ EOC เพื่อควบคุมและบริหารจัดการสถานการณ์ตามแผนฯ […]

คดี “ทักษิณ” ชั้น 14 ศาลเรียกพยาน 20 ปาก-นัดไต่สวนอีก 6 นัด ก.ค.นี้

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – คดี “ทักษิณ” วันนี้ ศาลเตรียมเรียกพยาน 20 ปาก พร้อมนัดไต่สวนอีก 6 นัด ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ถือเป็นการเริ่มกระบวนการไต่สวนเรื่องการบังคับคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย