ชัวร์ก่อนแชร์ : เทน้ำอัดลมค้นหาพยาธิในเนื้อหมู จริงหรือ?

17 มีนาคม 2564
ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์, ภริตพร สุธีพิเชฐภัณฑ์

บนสังคมออนไลน์แชร์คลิปการทดสอบเทน้ำอัดลมสีดำลงบนเนื้อหมู ทิ้งไว้สักครู่ จะมีพยาธิโผล่ขึ้นมา ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบแล้ว พบว่า ไม่เป็นความจริง


บทสรุป : ไม่จริง ไม่ควรแชร์ต่อ
ในเนื้อหมูไม่มีปรสิตหรือพยาธิที่มีลักษณะดังที่ปรากฎในคลิปวิดีโอ แต่พยาธิที่สามารถพบได้ในเนื้อหมู มีลักษณะเป็นเม็ดสาคู หรือเป็นระยะตัวอ่อนขนาดเล็กที่พบได้ในกล้ามเนื้อหมู และส่วนมากจะพบได้เพียง 2 ชนิดเท่านั้น ได้แก่ พยาธิตืดหมู และพยาธิทริคิเนลลา

ที่มาของคลิปวิดีโอที่ถูกแชร์
ผู้ใช้ TikTok รายหนึ่ง ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอความยาว 3.00 นาที เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2564 ซึ่งเป็นคลิปวิดีที่ชาวต่างชาติได้ทดสอบเทน้ำอัดลมสีดำลงบนเนื้อหมู ทิ้งไว้สักครู่จะปรากฎก้อนกลมๆ เล็กๆ สีขาวโผล่ขึ้นมา และเมื่อเทน้ำอัดลมลงบนเนื้อหมูซ้ำอีกหลายๆ ครั้ง ก้อนกลมๆ เล็กๆ ดังกล่าว กลายเป็นเส้นสีขาวที่มีลักษณะยาวขึ้นและพุ่งออกมาจากเนื้อหมู โดยมีผู้กดถูกใจคลิปวิดีโอดังกล่าวจำนวน 36 คน และมีการแชร์ต่อกว่า 136 ครั้ง และมีการแชร์คลิปวิดีโอผ่าน Youtube ในวันเดียวกัน โดยมีผู้รับชมกว่า 44,441 ครั้ง และมีผู้กดถูกใจคลิปวิดีโอจำนวน 218 คน กลายเป็นคลิปวิดีโอที่ถูกแชร์ต่ออย่างแพร่หลายบนสังคมออนไลน์ กระทั่งมีผู้ส่งเรื่องเข้ามาสอบถามข้อเท็จจริงกับศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริงของคลิปวิดีโอที่ถูกแชร์

สัตวแพทย์มอง สิ่งที่เห็นเป็นไปได้แค่ “ไขมัน”
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ รศ.น.สพ.ดร.สนธยา เตียวศิริทรัพย์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น โดย รศ.น.สพ.ดร.สนธยา ยืนยันว่า ไม่มีปรสิตหรือพยาธิที่มีหน้าตาหรือลักษณะดังที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ ส่วนสีขาวๆ เล็กๆ ที่เห็นภายในคลิปวิดีโอที่จะเป็นไปได้นั้น เป็นไปได้แค่ไขมัน ส่วนที่พุ่งออกมาเป็นเส้นยาวๆ ยิ่งไม่น่าจะเป็นไปได้เลยว่าเป็นสิ่งธรรมชาติที่เจอได้ในกล้ามเนื้อหมู 


โดยปกติแล้วพยาธิที่เราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในเนื้อหมูคือ “พยาธิตืดหมู” ซึ่งมีลักษณะเป็นเม็ดสีขาว คล้ายเม็ดสาคู หากรับประทานเข้าไปโดยไม่ผ่านการทำให้สุก พยาธิตืดหมูจะพัฒนาเป็นตัวเต็มวัยในร่างกายของคน นอกจากนี้ยังมีพยาธิอีกชนิดที่สามารถพบได้ในเนื้อหมู แต่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าคือพยาธิ “ทริคิเนลลา”

“ถ้าเมื่อใดถ้าเราเผลอทานเม็ดสาคูแบบนี้เข้าไป แต่ผ่านการปรุงสุกมาเรียบร้อยแล้ว ก็จะไม่มีปัญหาจากพยาธิพวกนี้ ถึงจะมีพยาธิก็ไม่เป็นไรเพราะพยาธิพวกนี้ตายได้ด้วยความร้อน” รศ.น.สพ.ดร.สนธยา ระบุ

เหล่าโซเซียล คาดอาจมีอะไรซ่อนอยู่ใต้ภาชนะ
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท ตรวจสอบคลิปวิดีโอดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ Google โดยเลือกใช้ “กลุ่มคำ” ภาษาอังกฤษที่มีความเกี่ยวข้องกับคลิปวิดีโอที่ถูกแชร์ และพบว่า เป็นคลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่มาจาก UNITED STATES ภายหลังการเผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าว ได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่มองว่าไม่ใช่เรื่องจริง และสันนิษฐานว่าอาจมีอะไรซ่อนอยู่ภายใต้พาชนะ หรือมีเข็มฉีดยาที่ถูกซ่อนไว้ในชิ้นเนื้อ เมื่อผู้ทำการทดลองใช้นิ้วกดลงบนชิ้นเนื้อก็จะปรากฏเส้นสีขาวและก้อนกลมๆ โผล่ขึ้นมาจากเนื้อหมู ขณะที่ผู้ชมคลิปวิดีโอบางส่วนได้ทดลองเทน้ำอัดลมลงในเนื้อหมู ทิ้งไว้เป็นเวลา 2 ชั่วโมง แต่ไม่พบว่ามีอะไรเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้รับชมบางส่วนมองว่าอาจเกิดจากหนอนแมลงวันที่มาฟักไข่ หรือเป็นเนื้อหมูที่ไม่สด และถูกวางทิ้งไว้

การเทน้ำอัดลมลงบนเนื้อหมูไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องในการค้นหาพยาธิ
รศ.น.สพ.ดร.สนธยา อธิบายเพิ่มเติมว่า การเทน้ำอัดลมลงบนเนื้อหมูไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องในการตรวจสอบพยาธิในเนื้อสัตว์ เป็นวิธีที่ใช้ไม่ได้ สำหรับ “พยาธิตืดหมู” เป็นพยาธิที่มีขนาดใหญ่ ไม่ต้องใช้วิธีทดสอบใด ก็สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ส่วนพยาธิ “ทริคิเนลลา” เป็นพยาธิที่มีขนาดเล็ก ต้องใช้วิธีทางห้องปฏิบัติการในการตรวจสอบ ดังนั้นการนำน้ำอัดลมมาเทลงบนเนื้อสัตว์เพื่อค้นหาพยาธิจึงไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องและไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ สิ่งที่ดีที่สุดที่สามารถป้องกันโรคพยาธิได้คือการทานเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกแล้ว ต่อให้เราพลาดทานเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นพยาธิตัวตืดหรือพยาธิทริคิเนลลา พยาธิพวกนี้ก็จะตายทั้งหมด


เมืองนอกทดสอบ ไม่พบหนอนโผล่หลังจากเทน้ำอัดลม
ในปี ค.ศ. 2007 เว็บไซต์ Snopes ได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเทน้ำอัดลมลงบนเนื้อหมูไม่ปรากฎว่ามีหนอน หรือพยาธิโผล่ขึ้นมา นอกจากนี้ในบทความดังกล่าวยังระบุอีกว่า น้ำอัดลมสีดำมีสารที่เต็มไปด้วยการกัดกร่อน สามารถละลายเนื้อและกระดูกได้ ดังนั้นแม้แต่หนอนที่น่ารังเกียจที่คาดว่าจะพบในเนื้อหมูก็ไม่ทนต่อการโจมตีของสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนได้ จะต้องคลานหนีออกมา แต่เมื่อผู้เขียนได้ทำการทดสอบเทน้ำอัดลมลงบนเนื้อหมูก็ไม่ปรากฎว่ามีหนอน หรือพยาธิโผล่ขึ้นมาจากเนื้อหมูแต่อย่างใด บทความยังระบุตอนหนึ่งว่าเนื้อหมูที่ถูกจำหน่ายในตลาดของผู้บริโภคค่อนข้างสะอาดและปราศจากหนอน และยังได้รับการยืนยันจากศูนย์ควบคุมโรค Centers for Disease Control(CDC) ว่า ปรากฎการณ์ของ Trichinosis ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคเนื้อหมูนั้น พบได้น้อยมากเนื่องจากประชาชนตระหนักถึงอันตรายจากการรับประทานอาหารที่ไม่สุก และในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ได้มีการออกกฎหมายห้ามให้อาหารขยะแก่หมู ซึ่งจะป้องกันปรากฎการณ์ของ Trichinosis ได้

ทริคิโนสิส (Trichinosis) คืออะไร?
Srinagarind Medical Journal อธิบายว่า ทริคิโนสิส (Trichinosis) เป็นโรคที่เกิดจากพยาธิตัวกลมใน order Trichurida, genus Trichinella จัดเป็นโรคที่ติดต่อจากสัตว์สู่คน (zoonosis) คนเป็นโรคนี้เกิด ได้โดยการกินเนื้อสัตว์ที่มีตัวอ่อนของพยาธิ ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับจำนวนพยาธิที่กินเข้าไป ลักษณะสำคัญของโรคนี้ได้แก่ ไข้ อาการในระบบทางเดินอาหาร กล้ามเนื้ออักเสบ หนังตาบวม และมีเม็ดเลือดขาวชนิด eosinophil ขึ้นสูง (eosinophilia) โรคทริคิโนสิสเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญในหลายประเทศทั่วโลก ในประเทศไทยโรคนี้ยังคงเป็นโรคที่ต้องมีการเฝ้าระวังและรายงานไปยังกรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข มีการระบาดของโรคอยู่เป็นระยะซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นทางภาคเหนือของประเทศโดยสัมพันธ์กับพฤติกรรมการบริโภคเนื้อสัตว์ดิบหรือปรุงแบบสุกๆ ดิบๆ

บทสรุป : ไม่จริง และไม่ควรแชร์ต่อ

  • ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า สิ่งที่เห็นในคลิปไม่น่าจะเป็นสิ่งพบได้ตามธรรมชาติของกล้ามเนื้อหมู
  • การค้นหาพยาธิด้วยวิธีการเทน้ำอัดลมลงในเนื้อสัตว์ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง และไม่สามารถช่วยค้นหาพยาธิในเนื้อหมูได้ 
  • พยาธิที่พบได้ในเนื้อหมูมี 2 ชนิด คือพยาธิตืดหมู ซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ส่วน พยาธิทริคิเนลลา ต้องผ่านการทดสอบทางห้องปฏิบัติการ

ข้อมูลอ้างอิง

@The_Bat_1969
https://vt.tiktok.com/ZSJF5aRSG/

Pork Parasites don’t like Pepsi!!

Does Coca-Cola Coax Worms Out of Pork? (Snope)

โรคทริคิโนสิส (Trichinosis)
http://www.smj.ejnal.com/e-journal/showdetail/?show_detail=T&art_id=70

ชัวร์ก่อนแชร์​ : เทน้ำอัดลมค้นหาพยาธิในเนื้อหมู จริงหรือ ?

🎯 หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์” 🎯
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: https://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธไฮเทคสำหรับยิงโดรน

นครราชสีมา 2 ส.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้ทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวอุดรธานี แห่บริจาคหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว ตามที่ทหารขอมาจำนวนมาก หลังทหารกัมพูชายังก่อกวน ยั่วยุ ทั้งขว้างก้อนหินใส่ และมีโดรนปริศนามาบินอีก จากกรณีที่ช่วงนี้ มีการตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่าย เข้ามาบินตรวจการณ์ในพื้นที่ที่ตั้งทางทหาร ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล และสงสัยว่าอาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจากประเทศเพื่อบ้าน ที่กำลังมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศไทย ทำให้เมื่อวานเพจกองทัพภาคที่ 2 ได้แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.68) เฟซบุ๊กเพจ กองทัพภาคที่2 ได้แชร์ข้อมูลเพจ SMART Soldiers Strong ARMY พร้อมระบุข้อความว่า “หากศัตรูซ่อนตัวในเงามืด เราจะเป็นแสงที่มองเห็นมันก่อนใคร”เลเซอร์พร้อมยิง — ทหารไทยพร้อมรบโดยอาวุธชนิดนี้ คือ Directed Energy Weapon หรือ (DEW) เป็นอาวุธยุคใหม่ที่กองทัพอากาศไทยพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง […]

โฆษก ทบ. ซัดเขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมร

2 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก ซัด เขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมรจนพิการและมีปัญหาทางจิต ยันมีหลักฐานชัดทำทุกอย่างภายใต้กติกาสากล จากกรณี สื่อกัมพูชาปั่นข่าวหนักโจมตีกล่าวหาไทย อ้างว่าปฏิบัติโหดกับ 2 ทหารกัมพูชาที่ถูกส่งกลับ จนพิการและมีปัญหาทางจิต พร้อมจะยื่นเรื่องถึงยูเอ็นนั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 11.08 น. วันที่ 2 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กรณีที่ทหารไทยจับกุม และควบคุมตัว ทหารกัมพูชา ภายหลังจากข้อตกลงหยุดยิง โดยกล่าวหาว่าไทยทำร้ายร่างกายอย่างไม่เป็นธรรมทำก่อนส่งกลับนั้น เป็นเพียงคำกล่าวหา บิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชา และการหยุดยิงแบบฉับพลัน แต่สถานการณ์ความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธต่อกัน ยังไม่สิ้นสุดลงอย่างแท้จริงตามกฎหมายสากล กระบวนการฝ่ายทหารในการควบคุมตัวไว้ก่อน จึงยังสามารถทำได้ตามอนุสัญญาเจนีวา พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพบก มีแผนและพร้อมที่จะเชิญองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ICRC มาดูความเป็นอยู่ของเชลยศึกที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งอยู่ในกรอบการดำเนินการตามขั้นตอนของอนุสัญญาเจนีวาอย่างสมบูรณ์ และชัดเจน หากกังวลเรื่องความเป็นอยู่ เพราะรู้เท่าทันว่าฝ่ายกัมพูชาจะนำเรื่องนี้ไปบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายทหารไทย ทางผู้แทน UNHCR และ ICRC จึงสามารถขอเข้ามาดูได้ […]

ชาวบ้านร่วมวางดอกไม้ไว้อาลัยเหตุกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อ

ศรีสะเกษ 2 ส.ค.-เช้านี้บรรยากาศที่ปั๊มน้ำมันบ้านผือ อ.กันทรลักษ์ เต็มไปด้วยความสลด ชาวบ้านร่วมกิจกรรมวางดอกไม้แสดงความไว้อาลัยผู้เสียชีวิต จากเหตุถูกกัมพูชายิงจรวดใส่ และจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชาวบ้านจากหมู่บ้านต่างๆในอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทยอยเดินทางมาที่ปั๊ม ที่ถูกกัมพูชาโจมตีโดยการยิงจรวด BM-21 ใส่ เมื่อวันที่24 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยจรวจตกใส่บริเวณร้านสะดวกซื้อ ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บอีก 15 คน ในจำนวนผู้เสียชีวิตมีแม่และลูกวัย 8 ขวบ ชาวบ้านร่วมกันเขียนข้อความแสดงความไว้อาลัย ก่อนร่วมกันนำข้อความพร้อมดอกไม้ชูขึ้น เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ว่าการที่ทหารกัมพูชาโจมตีพื้นที่พลเรือนถือเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม จากนั้นได้รวมกันนำดอกไม้ไปวางเพื่อแสดงความไว้อาลัยบริเวณด้านหน้าร้านสะดวกซื้อที่ถูกกัมพูชายิงจรวดใส่ นอกจากชาวบ้านแล้วยังมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ที่มาร่วม วางดอกไม้ แสดงความไว้อาลัย ตัวแทนชาวบ้านบอกว่า การร่วมวางดอกไม้ในครั้งนี้เพื่อต้องการให้ผู้เสียชีวิตไปสู่ภพภูมิที่ดี พร้อมขอประณามกัมพูชา ที่เลือกยิงเป้าหมายเป็นประชาชน ทั้งที่ตำบลเมืองถือเป็นพื้นที่สีเขียว แต่ยังมีกระสุนตกใส่ และการที่เป็นพื้นที่สีเขียว จึงไม่ได้มีการอพยพประชาชน หากตกใส่หมู่บ้าน เชื่อว่าจะมีความสูญเสียเกิดขึ้นมากกว่านี้.-สำนักข่าวไทย

กองทัพบก ยกระดับมาตรการรับมือภัยคุกคามจากโดรน

กทม. 2 ส.ค.-กองทัพบกบูรณาการทุกภาคส่วน ยกระดับมาตรการรับมือภัยคุกคามจากโดรน หลังพบมีความพยายามบินตรวจการณ์ที่ตั้งทางทหาร ตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2568 เรื่องห้ามมิให้ผู้ใดบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน หรือ “โดรน” ที่ควบคุมการบินจากภายนอก, ทุกวัตถุประสงค์การใช้งาน, และทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในปัจจุบัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารหรือหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ได้รับมอบหมาย มีอำนาจในการใช้ระบบต่อต้านโดรน (Anti-Drone System) รวมถึงสามารถดำเนินการทำลายโดรนจากภาคพื้นดินได้ทันที ในการนี้ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ถึง 4 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 ถึง 4 ดำเนินมาตรการตามแนวทางดังต่อไปนี้ •ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด โดยมีรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ฝ่ายทหาร) เป็นผู้รับผิดชอบในการหารือและประสานการปฏิบัติกับส่วนราชการ หน่วยงาน และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคเป็นผู้ทำหน้าที่ควบคุมและวางแผนภาพรวมในการป้องกันและต่อต้านการใช้โดรนไม่ทราบฝ่าย •ให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ จังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด หน่วยงานความมั่นคง ภาคเอกชน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งจัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็ว ประกอบด้วยกำลังจากฝ่ายพลเรือน ตลอดจนตำรวจจากสถานีตำรวจภูธร […]