บทความนี้เรียบเรียงโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) โดยมีเนื้อหาหลักจากคลิปวิดีโอ
5 สิงหาคม 2568
ตามที่มีการแชร์ 6 วิธีรักษา และยืดอายุแบตเตอรี่รถยนต์เมื่อไม่ใช้งานเป็นเวลานาน เช่น ใช้เครื่องชาร์จกระตุ้น และตรวจสอบระดับของเหลวในแบตเตอรี่นั้น
สรุป : แชร์ได้ อธิบายเพิ่ม
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ นายสุรมิส เจริญงาม นักทดสอบและผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยียานยนต์
(สัมภาษณ์เมื่อ 16 กรกฎาคม 2568)

เคลียร์ทุกข้อสงสัย 6 วิธียืดอายุแบตเตอรี่รถยนต์ เมื่อต้องจอดนาน จริงหรือ ?
เมื่อจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลจากการเดินทาง การทำงานจากที่บ้าน หรือสถานการณ์อื่น ๆ คำถามสำคัญที่เจ้าของรถหลายคนกังวลคือ “จะทำอย่างไรให้แบตเตอรี่ไม่เสื่อม ?” ในโลกออนไลน์มีการแชร์เคล็ดลับมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ รายการ “ชัวร์ก่อนแชร์ Motor Check” จึงได้รวบรวม 6 วิธีที่ได้รับความนิยมมาตรวจสอบกับผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและนำไปใช้ได้จริง
1. ใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ (Battery Maintainer) คอยชาร์จไฟไว้
สรุป : จริง ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าวิธีนี้เป็นความจริง เมื่อไม่ได้ใช้งานรถยนต์ แบตเตอรี่จะมีการคายประจุไฟฟ้าออกมาเองตามธรรมชาติ นอกจากนี้อุปกรณ์บางอย่างในรถยังคงดึงไฟปริมาณเล็กน้อยไปใช้งานอยู่ตลอดเวลาแม้จะดับเครื่องแล้วก็ตาม การปล่อยให้แบตเตอรี่มีไฟอ่อนเป็นเวลานานจะทำให้แผ่นธาตุภายในเสื่อมสภาพและไม่สามารถเก็บประจุไฟได้อีกต่อไป การใช้เครื่องชาร์จหรือเครื่องถนอมแบตเตอรี่ (Battery Maintainer) จะช่วยเติมไฟให้เต็มอยู่เสมอ ซึ่งเป็นการยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. สำหรับแบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่น ควรหมั่นเช็กระดับน้ำ
สรุป : จริง สำหรับแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรดแบบดั้งเดิม (แบตเตอรี่น้ำ) การตรวจสอบระดับน้ำกลั่นเป็นสิ่งจำเป็น เมื่อแบตเตอรี่ทำงาน น้ำในสารละลายอิเล็กโทรไลต์ (electrolyte) จะระเหยออกไป ทำให้ความเข้มข้นของกรดซัลฟิวริก (Sulfuric acid) สูงขึ้น การเติม “น้ำกลั่นบริสุทธิ์” กลับเข้าไปจะช่วยเจือจางกรดให้มีความถ่วงจำเพาะที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้ ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนว่าไม่ควรใช้นิ้วจุ่มลงไปวัดระดับโดยตรง เนื่องจากในช่องเติมนั้นเป็นสารละลายกรด ไม่ใช่น้ำเปล่า
3. ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่
สรุป : จริง ขั้วแบตเตอรี่ซึ่งส่วนใหญ่ทำจากตะกั่ว สามารถเกิดคราบขี้เกลือหรือซัลเฟต (คราบสีขาว) ขึ้นมาได้ คราบสกปรกเหล่านี้จะกลายเป็นฉนวนขัดขวางการไหลของกระแสไฟฟ้า ทำให้ไดชาร์จไม่สามารถชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ได้อย่างเต็มที่ และในขณะเดียวกันแบตเตอรี่ก็ไม่สามารถส่งกำลังไฟไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน การทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่จะช่วยให้กระแสไฟไหลผ่านได้สะดวกขึ้น วิธีทำความสะอาดที่แนะนำคือการใช้น้ำร้อนราดเพื่อละลายคราบขี้เกลือ หรือการทาจาระบีบาง ๆ รอบขั้วเพื่อป้องกันการเกิดคราบในอนาคต
4. จอดรถในที่ร่ม ไม่ร้อนจัด
สรุป : ไม่ใช่ปัจจัยหลัก แต่ถ้าทำได้ก็ดี ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่าประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลหลัก หากไม่ได้จอดรถตากแดดที่ร้อนจัดโดยตรง แบตเตอรี่รถยนต์ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้ในช่วงอุณหภูมิประมาณ 10-45 องศาเซลเซียส แม้ว่าอุณหภูมิในห้องเครื่องขณะจอดอาจสูงถึง 50 องศาเซลเซียสในบางครั้ง ก็ยังไม่ส่งผลกระทบต่อแบตเตอรี่อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากขณะขับขี่ อุณหภูมิในห้องเครื่องอาจสูงกว่านั้นอยู่แล้ว
5. นำรถออกมาขับเดือนละ 1-2 ครั้ง
สรุป : จริง การนำรถออกมาขับเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ เพราะไดชาร์จจะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเมื่อเครื่องยนต์มีรอบการทำงานสูงขณะขับขี่ การสตาร์ตเครื่องยนต์ทิ้งไว้เฉย ๆ อาจไม่เพียงพอ โดยเฉพาะกับแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ (เช่น 55-65 แอมป์-ชั่วโมง) เนื่องจากกระแสไฟที่ไดชาร์จผลิตได้ในรอบเดินเบานั้นมีปริมาณน้อย ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรนำรถออกมาขับอย่างน้อย 20 นาที เพื่อให้ไดชาร์จสามารถชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดก่อนจอดนาน
สรุป : จริง หากมีอุปกรณ์ไฟฟ้าดึงไฟจากแบตเตอรี่ในขณะที่จอดรถและดับเครื่องยนต์ จะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วยิ่งขึ้น หากแบตเตอรี่มีประจุไฟเหลืออยู่แล้วที่ระดับ 60-70% ก่อนจะจอดทิ้งไว้นาน ๆ ก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะสตาร์ตรถไม่ติดในภายหลัง การปิดอุปกรณ์ที่กินไฟสูง เช่น คอมเพรสเซอร์แอร์ หรืออุปกรณ์เสริมต่าง ๆ จะช่วยถนอมประจุไฟในแบตเตอรี่ไว้ได้
โดยสรุปแล้ว ทั้ง 6 วิธีที่แชร์กันในโลกออนไลน์นั้นส่วนใหญ่เป็นเรื่องจริงและสามารถนำไปปฏิบัติได้เพื่อช่วยดูแลและยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ของคุณเมื่อต้องจอดทิ้งไว้เป็นเวลานาน
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : ณัฐพล อินทร์สวัสดิ์
ตรวจสอบบทความโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส
ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ Motor Check : 6 วิธียืดอายุแบตฯ รถยนต์ เมื่อไม่ใช้นาน จริงหรือ ?
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter