ชัวร์ก่อนแชร์ CHECK-LIST : 5 เรื่องฮิต สารพัดคำเตือนอันตรายจากการขยี้ตา จริงหรือ ?

บทความนี้เรียบเรียงโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) โดยมีเนื้อหาหลักจากคลิปวิดีโอ


16 กรกฎาคม 2568

แค่ขยี้ตา…อาจนำพาสู่สารพัดโรคตาที่คุณคาดไม่ถึง


“การขยี้ตา” เป็นพฤติกรรมที่เราทำกันจนเป็นนิสัย เวลาที่รู้สึกคันตา ง่วงนอน หรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา แต่คุณเคยรู้หรือไม่ว่าการกระทำที่ดูเหมือนไม่มีอะไรนี้ แท้จริงแล้วแฝงไปด้วยอันตรายที่อาจส่งผลเสียต่อดวงตาคู่สวยของเราได้อย่างคาดไม่ถึง บทความนี้จะพาไปไขข้อเท็จจริงจากความเชื่อยอดนิยมเกี่ยวกับการขยี้ตาและการดูแลดวงตา เพื่อให้คุณตระหนักถึงภัยร้ายที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด

1. น้ำเกลือ สามารถล้างตาได้ จริงหรือ ?

ตรวจสอบกับ รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย

คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ : จริง แชร์ต่อได้

น้ำเกลือที่สามารถใช้กับดวงตาได้อย่างปลอดภัยนั้น ไม่ใช่เกลือชนิดใดก็ได้ แต่ต้องเป็นน้ำเกลือทางการแพทย์ (Normal Saline Solution) ที่มีคุณสมบัติเฉพาะเจาะจง ดังนี้


  1. ความเข้มข้นที่เหมาะสม : ต้องมีความเข้มข้นของเกลือโซเดียมคลอไรด์อยู่ที่ 0.9% ซึ่งเป็นระดับความเข้มข้นที่ใกล้เคียงกับของเหลวในร่างกายและน้ำตาของเรา ทำให้ไม่เกิดการระคายเคืองต่อเซลล์ที่บอบบางของดวงตา
  2. ผ่านการฆ่าเชื้อ (Sterile) : ต้องเป็นน้ำเกลือที่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อโรคมาแล้วอย่างสมบูรณ์ เพื่อป้องกันการนำเชื้อโรคเข้าสู่ดวงตา ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อที่รุนแรงได้

ดังนั้น การนำเกลือแกงมาผสมกับน้ำต้มสุกเพื่อใช้ล้างตาเองที่บ้านจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะเราไม่สามารถควบคุมความเข้มข้นและความสะอาดได้ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่เยื่อบุตา หรือร้ายแรงจนถึงขั้นตาบอดได้

ควรใช้น้ำเกลือล้างตาเมื่อไหร่ ?

แม้ว่าน้ำเกลือทางการแพทย์จะปลอดภัย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราควรใช้ล้างตาเป็นประจำทุกวัน โดยปกติแล้ว ร่างกายของเรามีกลไกการทำความสะอาดดวงตาที่ดีที่สุดอยู่แล้ว นั่นคือ “น้ำตา” ที่จะคอยชะล้างสิ่งแปลกปลอมเล็ก ๆ น้อย ๆ ออกไปเองตามธรรมชาติ

2. น้ำยาล้างตา ใช้ทุกวันอันตราย จริงหรือ ?

ตรวจสอบกับ รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย

คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ : ไม่จริง ไม่ควรแชร์ต่อ

แม้ว่าน้ำยาล้างตาบางชนิดจะไม่ได้เป็นอันตรายหากใช้ทุกวัน แต่โดยปกติแล้วจักษุแพทย์ไม่แนะนำให้ใช้บ่อย ๆ เพราะร่างกายของเรามีกลไกการทำความสะอาดที่ดีที่สุดอยู่แล้ว นั่นคือ “น้ำตา” ซึ่งจะถูกผลิตออกมาเพื่อชะล้างฝุ่นผงและสิ่งแปลกปลอมออกจากดวงตาตลอดทั้งวันโดยอัตโนมัติ

จักษุแพทย์แนะนำว่าควรใช้น้ำยาล้างตาในกรณีที่มีความจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น เช่น เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตาอย่างชัดเจน และการล้างด้วยน้ำสะอาดหรือการกะพริบตาไม่สามารถช่วยให้ดีขึ้นได้ การใช้น้ำยาล้างตาในถ้วยครอบตาแล้วกรอกตาไปมา อาจช่วยให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออกได้ง่ายขึ้น

3. ขยี้ตาบ่อย เสี่ยงตาบอด จริงหรือ ?

ตรวจสอบกับ รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย

คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ : จริง แชร์ต่อได้

การขยี้ตาอย่างรุนแรงและต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน สามารถทำลายความแข็งแรงของกระจกตาดำ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการมองเห็น จนอาจนำไปสู่ภาวะ “กระจกตาย้วย” ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาจากจักษุแพทย์อย่างทันท่วงที ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรหรือตาบอดได้ในที่สุด

ทำไมการขยี้ตาจึงอันตราย ?

ดวงตา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “กระจกตา” ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ด้านหน้าสุดของลูกตา มีความบอบบางอย่างมาก การออกแรงขยี้ตาอย่างรุนแรงและทำซ้ำ ๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อโครงสร้างของกระจกตา ทำให้ความแข็งแรงของเนื้อเยื่อกระจกตาลดลง และนำไปสู่ภาวะที่เรียกว่า กระจกตาย้วย (Keratoconus) ได้ในที่สุด

ทำความรู้จัก กระจกตาย้วย ภาวะร้ายจากปลายนิ้ว

กระจกตาย้วย คือภาวะที่กระจกตาซึ่งปกติควรมีลักษณะโค้งมนเหมือนโดม เกิดการสูญเสียความแข็งแรง ทำให้รูปร่างผิดเพี้ยนไป โดยจะบางลงและโป่งนูนออกมาคล้ายรูปกรวย การเปลี่ยนแปลงรูปร่างนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการหักเหของแสง ทำให้การมองเห็นผิดเพี้ยนไปอย่างมาก

ใครคือกลุ่มเสี่ยง ?

  • คนที่ชอบขยี้ตา : เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด
  • ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ : โดยเฉพาะภูมิแพ้ที่เยื่อบุตาหรือเปลือกตาอักเสบ ซึ่งมักมีอาการคันตาเรื้อรัง ทำให้ต้องขยี้ตาเป็นประจำ
  • ผู้ที่มีปัจจัยทางพันธุกรรม : เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการดาวน์ (Down Syndrome) หรือผู้ที่มียีนผิดปกติที่ส่งผลต่อความแข็งแรงของกระจกตา

4. ขยี้ตาบ่อย ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย จริงหรือ ?

ตรวจสอบกับ รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย

คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ : จริง แชร์ต่อได้

ผิวหนังบริเวณรอบดวงตาเป็นส่วนที่บอบบางที่สุดในร่างกาย การขยี้ตาบ่อย ๆ จะทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวหนังสูญเสียความกระชับ เกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยตามมา ไม่เพียงเท่านั้น การขยี้ยังกระตุ้นให้หลอดเลือดฝอยรอบดวงตารั่วซึม ทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตาที่ยากจะแก้ไขให้หายขาดได้

5. “ขยี้ตาบ่อย” เสี่ยงโรคเพียบ จริงหรือ ?

ตรวจสอบกับ รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย

คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ : จริง แชร์ได้

มือของเราเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี การขยี้ตาจึงเป็นการเปิดโอกาสให้เชื้อโรคเข้าสู่ดวงตาโดยตรง ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อที่รุนแรง เช่น กระจกตาถลอก หรือการติดเชื้อเป็นหนองที่กระจกตาดำ

5 ภัยร้ายที่มาพร้อมกับการขยี้ตา

  1. เสี่ยงติดเชื้อรุนแรง : การขยี้ตาอาจทำให้เกิดรอยถลอกเล็ก ๆ บนกระจกตา ซึ่งเปรียบเสมือนการเปิดทางให้เชื้อโรคจากมือเข้าสู่ดวงตาได้โดยง่าย และอาจลุกลามจนเกิดการติดเชื้อเป็นหนองที่กระจกตาดำ ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายอย่างยิ่ง
  2. กระจกตาโก่งหรือย้วย (Keratoconus) : นี่คือหนึ่งในผลกระทบระยะยาวที่น่ากังวลที่สุด การขยี้ตาบ่อย ๆ โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะภูมิแพ้ที่ตา จะเป็นการสร้างแรงกดที่ทำให้โครงสร้างของกระจกตาอ่อนแอลงและค่อย ๆ โป่งนูนออกมาผิดรูป ส่งผลให้ค่าสายตาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสายตาเอียงที่เพิ่มขึ้นมากผิดปกติ
  3. เลนส์ตาเคลื่อนและจอประสาทตาฉีกขาด : ในผู้ที่มีเอ็นยึดเลนส์ตาไม่แข็งแรง หรือผู้ที่ขยี้ตาอย่างรุนแรงมาก ๆ แรงกดจากการขยี้อาจมากพอที่จะทำให้เลนส์ตาเคลื่อนออกจากตำแหน่งปกติได้ และที่ร้ายแรงไปกว่านั้นคืออาจกระตุ้นให้เกิดการฉีกขาดหรือหลุดลอกของจอประสาทตา ซึ่งสามารถนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้
  4. กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงและหนังตาตก : การขยี้ตาบ่อย ๆ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ จะยิ่งไปเร่งให้กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่พยุงเปลือกตาเกิดการยืดและอ่อนแรงลง ทำให้ภาวะหนังตาตกที่เป็นอยู่แล้วรุนแรงขึ้น จนอาจบดบังการมองเห็นได้
  5. ทำให้อาการแย่ลง : หากมีสิ่งแปลกปลอม เช่น เศษฝุ่นหรือเศษเหล็กเข้าตา การขยี้ตาคือสิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้สิ่งแปลกปลอมนั้นฝังลึกลงไปในเนื้อกระจกตา ทำให้เกิดแผล และยากต่อการรักษา

บทสรุป

โดยสรุปแล้ว การขยี้ตาเป็นพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด เพราะผลเสียที่ตามมานั้นร้ายแรงกว่าที่คิด ตั้งแต่ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตาไปจนถึงความเสี่ยงที่จะตาบอด การดูแลดวงตาที่ดีที่สุดคือการปล่อยให้กลไกธรรมชาติของร่างกายทำงาน และเมื่อเกิดความผิดปกติใด ๆ ควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์ทันที เพื่อรักษาดวงตาอันมีค่าให้อยู่กับเราไปนาน ๆ ค่ะ

ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์
ตรวจสอบบทความโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส

ติดตามชัวร์ก่อนแชร์ CHECK-LIST :  5 เรื่องฮิต สารพัดคำเตือนอันตรายจากการขยี้ตา จริงหรือ ?

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านศรีสะเกษสุดช้ำ บ้านเรือนถูกกัมพูชายิงถล่มเหลือแต่ซาก

ศรีสะเกษ 10 ส.ค. – ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับจากศูนย์อพยพเจอสภาพบ้านเหลือแต่ซาก หลังถูกลูกปืนใหญ่กัมพูชายิงถล่ม ขณะที่พบหัวจรวด BM-21 กลางทุ่งนา อีก 2 จุด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายเรียบร้อย ปลัดอำเภอน้ำยืน เน้นย้ำหากชาวบ้านพบหลุมลึก-ปากหลุมแคบ ให้รีบแจ้งทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นนาทีกระสุนโจมตีของกัมพูชายิงตกใส่บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากภาพจะเห็นว่ามีรถอีแต๋นคันหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่กระสุนพุ่งตกลงมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ นายกุลนที อายุ 45 ปี เดินทางกลับมาบ้าน หลังอพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทันทีที่เห็นบ้าน นายกุลนทีถึงกับน้ำตาคลอ เพราะบ้านเสียหายอย่างหนัก ทั้งโครงสร้างไม้และปูนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ประตู หน้าต่าง กระจก และหลังคาถูกกระสุนถล่มจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม […]

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]