ชัวร์ก่อนแชร์ CHECK-LIST : 5 เรื่องฮิต สารพัดคำเตือนสิ่งที่เด็กห้ามทำ จริงหรือ ?

บทความนี้เรียบเรียงโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) โดยมีเนื้อหาหลักจากคลิปวิดีโอ


2 กรกฎาคม 2568

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็วบนโลกโซเชียล ผู้ปกครองหลายท่านอาจเคยได้รับคำเตือนต่าง ๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกน้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน พฤติกรรม หรือพัฒนาการ ซึ่งบางครั้งก็สร้างความสับสนและวิตกกังวลไม่น้อย บทความนี้จะพาทุกท่านไปตรวจสอบ 5 คำเตือนยอดฮิตที่มักแชร์กันบนโลกออนไลน์ โดยอ้างอิงข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ “ชัวร์ก่อนแชร์” และดูแลลูกรักได้อย่างมั่นใจ


1. การติดจอทำให้เด็กเป็นออทิสติก จริงหรือ ?

ตรวจสอบกับ ศ.นพ.วีระศักดิ์ ชลไชยะ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อพัฒนาศักยภาพเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ : จริง แชร์ต่อได้

แม้การติดจอจะไม่ใช่ “สาเหตุโดยตรง” ที่ทำให้เด็กปกติกลายเป็นออทิสติก แต่ก็เป็น “ปัจจัยเสี่ยง” สำคัญที่ขัดขวางพัฒนาการทางสังคมและการสื่อสารของเด็ก และอาจกระตุ้นอาการในเด็กที่มีแนวโน้มเป็นออทิสติกอยู่แล้ว ทางออกที่ดีที่สุดคือการจำกัดเวลาหน้าจอให้เหมาะสมกับวัย และหันมาใช้เวลากับลูกให้มากขึ้น เพื่อสร้างรากฐานพัฒนาการที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์ให้กับพวกเขา


อย่างไรก็ตาม เด็กที่ติดจออาจแสดงพฤติกรรมบางอย่างที่คล้ายกับอาการของออทิสติก เช่น การไม่สบตา ไม่สนใจผู้อื่น หรือมีปัญหาด้านการสื่อสาร ซึ่งเรียกว่า “ภาวะออทิสติกเทียม” ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถดีขึ้นได้หากมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้หน้าจอและเพิ่มปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

 2. “เล่นมือถือนาน ๆ เสี่ยงประสาทตาอักเสบ” จริงหรือ ?

ตรวจสอบกับ รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย

คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ : ไม่จริง ไม่ควรแชร์ต่อ

ภาวะเส้นประสาทตาอักเสบ (Optic Neuritis) นั้นมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส หรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยารักษาวัณโรค ไม่มีความเชื่อมโยงกับการใช้สายตาจ้องหน้าจอสมาร์ตโฟนแต่อย่างใด ส่วนอาการตาแดงที่อาจพบได้ในเด็กที่เล่นมือถือนานๆ มักเกิดจากเยื่อบุตาอักเสบหรืออาการตาแห้งจากการขยี้ตามากกว่า

ทั้งนี้ การปล่อยให้เด็กเล็กอยู่กับหน้าจอสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตเป็นเวลานาน ๆ ส่งผลเสียต่อพัฒนาการหลายด้าน ทั้งด้านสายตาที่อาจเกิดภาวะตาล้าหรือสายตาสั้นก่อนวัย และที่สำคัญคือส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมอง การเรียนรู้ และทักษะการเข้าสังคม เนื่องจากเด็กจะขาดปฏิสัมพันธ์กับผู้คนและสิ่งแวดล้อมรอบตัว แต่โรคประสาทตาอักเสบไม่ได้เกิดจากการใช้โทรศัพท์มือถือ แต่เกิดจากการติดเชื้อหรือยาบางชนิด อย่างไรก็ตาม ควรให้เด็กพักสายตาเป็นระยะและไม่เล่นในที่มืด

3. เขย่าลูก อันตราย จริงหรือ ?

ตรวจสอบกับ นายแพทย์กุลเสฏฐ ศักดิ์พิชัยสกุล กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์-งานประสาทวิทยา สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ : จริง แชร์ต่อได้

“การเขย่าลูก” ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม คือการกระทำที่อันตรายอย่างยิ่ง การเขย่าตัวทารกอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะด้วยความโมโหหรือเล่นสนุก อาจส่งผลให้เกิด “ภาวะทารกถูกเขย่า” (Shaken Baby Syndrome) ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต

ในเด็กเล็ก โดยเฉพาะวัยต่ำกว่า 2 ขวบ กล้ามเนื้อคอยังพัฒนาไม่แข็งแรงพอที่จะประคองศีรษะซึ่งมีขนาดใหญ่และน้ำหนักมากเมื่อเทียบกับลำตัวได้ เมื่อถูกเขย่า ศีรษะจะสะบัดไปมาอย่างรุนแรง ทำให้เนื้อสมองที่บอบบางเกิดการกระแทกกับกะโหลกศีรษะ ส่งผลให้หลอดเลือดในสมองฉีกขาดและเกิดภาวะเลือดออกในสมอง ส่งผลให้เกิดความพิการถาวรหรือเสียชีวิตได้

4. คำเตือน ห้ามให้เด็กนอนคว่ำ จริงหรือ ?

ตรวจสอบกับ นพ.ฉัตรชัย ธำรงอาจริยกุล อาจารย์ประจำภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ : จริง แชร์ต่อได้

การจัดท่าให้ทารกนอนคว่ำเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิด “ภาวะไหลตายในทารก” (Sudden Infant Death Syndrome – SIDS) เนื่องจากใบหน้าของทารกอาจไปซบกับที่นอน หมอน หรือผ้าห่ม จนอุดกั้นทางเดินหายใจ อาจทำให้ทารกขาดอากาศหายใจได้ ท่านอนที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับทารกคือท่านอนหงาย และควรนอนบนที่นอนที่แข็งพอดี ไม่มีหมอนหรือตุ๊กตาที่อาจอุดกั้นทางเดินหายใจ

 5. “ป้อนกล้วยเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน” อันตราย จริงหรือ ?

ตรวจสอบกับ รศ. (พิเศษ) พญ.สุนทรี รัตนชูเอก งานโรคระบบทางเดินอาหารและตับในเด็ก กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ : จริง แชร์ได้

ทารกต่ำกว่า 6 เดือนยังมีพัฒนาการการกลืนและการขบเคี้ยวที่ไม่สมบูรณ์ การป้อนอาหารที่มีเนื้อหยาบอาจทำให้เกิดการสำลักและอุดกั้นทางเดินหายใจได้ง่าย แต่ไม่ใช่กล้วยเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ยังรวมถึงอาหารทุกอย่างที่นอกเหนือจากนมแม่ ก็ไม่ควรจะเริ่มก่อนอายุ 6 เดือน ยกเว้นกรณีที่นมแม่ไม่เพียงพอ แล้วเด็กเริ่มมีการเติบโตที่ผิดปกติ ก็จำเป็นจะต้องเริ่มอาหารตามวัยเร็วขึ้น แต่ก็ไม่เร็วกว่า 4 เดือน

บทสรุป

โดยสรุปแล้ว คำเตือนต่าง ๆ ที่แชร์กันในโลกออนไลน์นั้นมีทั้งเรื่องจริงและเรื่องที่ต้องตรวจสอบก่อนจะเชื่อและแชร์ต่อ ควรศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น กุมารแพทย์ เพื่อให้การเลี้ยงดูบุตรหลานเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัยที่สุด

ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์, ณัฐพล จิตรมั่น, พงศ์อิทธิ์ เชิดชูวงศ์
ตรวจสอบบทความโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส

ติดตามชัวร์ก่อนแชร์ CHECK-LIST : 5 เรื่องฮิต สารพัดคำเตือนสิ่งที่เด็กห้ามทำจริงหรือ ?

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมไล่ล่าผู้ก่อเหตุ หลังปะทะเดือดสะบ้าย้อย 2 ระลอก

สงขลา 11 ก.ย. – เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง วางกำลังปิดล้อมพื้นที่บ้านห้วยเต่า อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ไล่ล่ากลุ่มก่อความไม่สงบ หลังเหตุปะทะเดือด 2 ระลอก พบผู้ก่อเหตุมีหมายจับคดีความมั่นคง หลังเหตุปะทะเดือด 2 ระลอก ระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มก่อความไม่สงบ ในพื้นที่บ้านห้วยเต่า อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจ วางกำลังบนถนนเส้นทางเข้าออกพื้นที่ปะทะ ไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าเขตปะทะอย่างเด็ดขาด เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่นิ่ง ยังคงมีการปิดล้อมบริเวณเนินเขา เพื่อไล่ล่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่พบรอยเลือดและกระเป๋าเป้ถูกทิ้งไว้บนเนินเขา บริเวณจุดปะทะ คาดว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะได้รับบาดเจ็บด้วย สำหรับกลุ่มคนร้ายที่ปะทะกับเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นมีข้อมูลว่า เป็นกลุ่มของนายกอเซ็ง ลาเตะยามา อายุ 35 ปี ชาว อ.ยะหา จ.ยะลา ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ซึ่งมีหมายจับ 7 หมาย และนายฮุสนี ยีกะเส็ม อายุ 34 ปี ชาว อ.เทพา จ.สงขลา มีหมายจับ […]

กักสิงโตสวนสัตว์ดัง-ปรับพฤติกรรม

กรุงเทพฯ 11 ก.ย. – เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ สั่งกักสิงโตสวนสัตว์ดัง เพื่อปรับพฤติกรรม แยกเพศ-เฝ้าสังเกตใกล้ชิด เจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงพื้นที่สวนสัตว์ดัง ย่านคลองสามวา กรุงเทพฯ หลังเกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์เสียชีวิต โดยได้สั่งการให้กักสิงโตทั้งหมดในฝูงที่ก่อเหตุไว้ในกรงชั่วคราว แยกสิงโตเพศผู้และเพศเมีย เพื่อเฝ้าสังเกตพฤติกรรมในระยะใกล้ สำหรับสิงโตที่เข้าตะปบเจ้าหน้าที่จนเสียชีวิต เป็นตัวผู้ โดยสิงโตร่วมฝูงมี 7 ตัว แต่ที่เข้ารุมกัดเจ้าหน้าที่มี 5 ตัว ได้แก่ 1) ทรัมป์ (เพศผู้) ตัวตะปบ 2) ไบท์ (เพศผู้) ตัวตาม 3) อ้อน (เพศเมีย) ตัวตาม 4) อ้าย (เพศเมีย) ตัวตาม 5) ยาว (เพศเมีย) ตัวตาม ทั้งนี้ สิงโตทุกตัวอายุประมาณ 10 ปี พร้อมกันนี้ สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กำลังตรวจสอบมาตรการความปลอดภัย และจะไม่อนุญาตให้เปิดส่วนจัดแสดงสัตว์ดุร้าย […]

เร่งฟื้นฟูความเสียหายเหตุกระบะชนเสาไฟฟ้า

เชียงใหม่ 11 ก.ย. – เร่งฟื้นฟูความเสียหายเหตุกระบะชนเสาไฟฟ้าล้ม ถนนหนองฮ่อ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ชาวบ้านกังวล หลังทราบว่าประกันรถกระบะคันต้นเหตุ คุ้มครองความเสียหายแค่ 600,000 บาท วอนการไฟฟ้า หรือ อบต.ช้างเผือก ยื่นมือช่วยเหลือ ตลอดช่วงเช้าวันนี้ (11 ก.ย.) เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ยังคงระดมกำลังฟื้นฟูระบบไฟฟ้าบนถนนหนองฮ่อ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ โดยขุดหลุมติดตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูงและแรงต่ำทดแทนต้นเดิมที่ล้มเสียหายจากอุบัติเหตุ ตลอดเส้นทางเป็นระยะทาง 595 เมตร พร้อมเก็บซากอุปกรณ์ตามร้านค้าและบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย คาดว่าจะใช้เวลาอีก 3 วันจะดำเนินการแล้วเสร็จ ขณะที่ระบบไฟฟ้าถูกแก้ไขจนสามารถจ่ายไฟได้ครบทุกหลังคาเรือนแล้วตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ว่าที่ร้อยตรี ปรีชาพล ปาละโมงค์ หนึ่งในเจ้าของร้านที่ได้รับความเสียหาย บอกว่า ช่างมาประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับหลังคาและโครงสร้าง ประมาณ 150,000 บาท แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการชดใช้เยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น ทำให้ยังเปิดร้านไม่ได้ ขาดรายได้ แถมยังมีค่าใช้จ่ายอีกมาก และจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อแสดงความรับผิดชอบจากนายจ้างของกระบะส่งน้ำ ตอนนี้ทุกคนกังวลมาก เพราะทราบว่าประกันรถที่เกิดอุบัติเหตุคุ้มครองความเสียหายเพียง 600,000 บาท ไม่เพียงพอกับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน จึงทยอยเข้าแจ้งความกันไว้แล้ว ขอเรียกร้องให้ทางการไฟฟ้า หรือ […]

กต.เตรียมมาตรการช่วยเหลือคนไทยในเนปาล

กต. 11 ก.ย.- สอท.เนปาล ประเมินสถานการณ์ร่วม กต. เตรียมมาตรการช่วยคนไทยใกล้ชิด กำชับคนไทยอยู่ในสถานที่ปลอดภัย สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงกาฐมาณฑุ สาธารณรัฐเนปาล ออกประกาศแจ้งเตือนคนไทยในเนปาล ตามที่ทางการเนปาลได้ประกาศเคอร์ฟิวในหลายพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา สืบเนื่องจากเหตุการณ์การชุมนุมประท้วงต่อต้านการทุจริตและมาตรการห้ามใช้สื่อสังคมออนไลน์ของรัฐบาลเนปาล โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Gen Z) ส่งผลให้ทางการเนปาลบังคับใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดดังนี้ กรุงกาฐมาณฑุ ประกาศเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไปจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ครอบคลุมพื้นที่ภายในถนนวงแหวน (Ring Road) รวมถึงบริเวณสะพาน Balkumari, Koteshwar, Sinamangal, Gaushala, Chabahil, Narayan Gopal Chowk, Gongabu, Balaju, Swayambhu, Kalanki, Balkhu และสะพาน Bagmati เมืองลลิตปูร์ ประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 09.00 น. […]