ชัวร์ก่อนแชร์: ขับรถชนผู้ประท้วง ไม่ผิดกฎหมายในสหรัฐฯ จริงหรือ?

02 กรกฎาคม 2568
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ข้อมูลน่าสงสัย :

มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับเหตุประท้วงสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ หรือ ICE ในลอสแอนเจลิสเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อ รอน ดีซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ให้สัมภาษณ์ก่อนเหตุการณ์ประท้วง No Kings ทั่วสหรัฐฯ รวมถึงฟลอริดาในวันที่ 14 มิถุนายน 2025 โดยย้ำว่า ผู้ใช้รถยนต์ในฟลอริดาที่ตกอยู่ในสถานการณ์ถูกผู้ชุมนุมประท้วงห้อมล้อมรถยนต์ พวกเขามีสิทธิขับรถชนผู้ชุมนุมประท้วง ตามกฎหมาย Anti-Riot Law ที่มีผลบังคับใช้ในรัฐฟลอริดาตั้งแต่ปี 2021

บทสรุป :

Anti-Riot Law ใช้คุ้มครองจำเลยระหว่างถูกดำเนินคดีทางแพ่งเท่านั้น ไม่มีผลต่อการดำเนินคดีทางอาญาแต่อย่างใด

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

อย่างไรก็ดี Anti-Riot Law ใช้คุ้มครองจำเลยระหว่างถูกดำเนินคดีทางแพ่งเท่านั้น ไม่มีผลต่อการดำเนินคดีทางอาญาแต่อย่างใด

แคโรไลน์ ไลต์ รองศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายการป้องกันตัว ชี้แจงว่าความเห็นของ รอน ดีซานติส สร้างความเข้าใจผิด 2 ประการ คือ

1.ผู้ขับรถชนผู้ประท้วงยังต้องถูกดำเนินคดี

จำเลยสามารถใช้กฎหมาย Anti-Riot Law เป็นข้อแก้ต่างระหว่างดำเนินคดี แต่ไม่ใช่กฎหมายที่คุ้มครองจำเลยจากการถูกดำเนินคดี ขึ้นอยู่กับศาลจะมองว่าการแก้ต่างมีน้ำหนักหรือไม่

2. ไม่คุ้มครองการถูกดำเนินคดีอาญา

กฎหมาย Anti-Riot Law ใช้เป็นข้อแก้ต่างระหว่างดำเนินคดีทางแพ่งเท่านั้น จำเลยที่ขับรถชนผู้ประท้วงยังต้องถูกดำเนินคดีทางอาญาเช่นเดิม

เทรย์ โกเบอร์ กรรมการผู้จัดการสำนักกฎหมาย Lee, Gober & Reyna ซึ่งเชี่ยวชาญคดีทางแพ่งกับอุบัติเหตุรถยนต์ อธิบายว่า ความเห็นของ รอน ดีซานติส สร้างความเข้าใจผิด ด้วยการนำการคุ้มครองคดีทางแพ่งมารวมกับการคุ้มครองคดีอาญา

ในบริบทการดำเนินคดีทางแพ่ง ถ้าจำเลยถูกผู้ชุมนุมที่บาดเจ็บฟ้องร้อง เนื่องจากถูกรถยนต์ของจำเลยพุ่งชน จำเลยสามารถใช้กฎหมาย Anti-Riot Law เป็นข้อแก้ต่างในการต่อสู้คดีได้

แต่ในบริบทการดำเนินคดีอาญา กฎหมาย Anti-Riot Law ไม่คุ้มครองจำเลยจากการถูกดำเนินคดีทางอาญา ศาลจะเป็นผู้พิจารณาว่าการกระทำของจำเลยเข้าข่ายการป้องกันตัวหรือไม่

ตัวอย่างคดีจับกุมการขับรถชนผู้ประท้วงในฟลอริดา

เมื่อมีนาคม 2025 มีเหตุการณ์จับกุมชายในเมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ในข้อหาการทำร้ายร่างกายโดยใช้อาวุธร้ายแรงโดยไม่มีเจตนาฆ่า หลังจากจำเลยค่อย ๆ ขับรถขึ้นไปบนทางเท้าและตรงไปยังผู้ชุมนุมประท้วง ก่อนจะชะลอรถจนผู้ชุมนุมถอยออกไปโดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

อย่างไรก็ดี อัยการในรัฐฟลอริดาตัดสินใจยกเลิกการฟ้องร้อง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าจำเลยน่าจะได้รับการคุ้มครองกฎหมาย Anti-Riot Law แต่เตือนว่ารูปคดีจะแตกต่างไปอย่างมาก หากมีผู้ได้รับบาดเจ็บในการก่อเหตุครั้งนั้น

การดำเนินคดีจำเลยขับรถชนผู้ประท้วงเสียชีวิตในเวอร์จิเนีย

เมื่อปี 2017 เกิดคดีขับรถชนกลุ่มผู้ประท้วงในเมืองชาร์ลอตวิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย จนมีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บ 35 ราย จำเลยถูกตัดสินในข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนา แม้ทนายฝ่ายจำเลยจะแก้ต่างว่าลูกความสำนึกผิดและไม่คิดว่ารถยนต์จะชนผู้ประท้วง พร้อมอ้างว่าตนเองรู้สึกตกอยู่ในอันตราย แต่อัยการมองว่าการกระทำของเขาเป็นการจงใจทำร้ายผู้อื่นอย่างชัดเจน

ศาลรัฐบาลกลางตัดสินจำคุกตลอดชีวิต และโทษจำคุกอีก 419 ปีสำหรับข้อกล่าวหาอื่น ๆ ส่วนศาลรัฐเวอร์จิเนีย ตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิตและโทษจำคุกอีก 419 ปีเช่นกัน

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.politifact.com/article/2025/jun/13/can-florida-drivers-run-over-protesters/
https://www.newsweek.com/ron-desantis-says-drivers-have-right-hit-protesters-2085525
https://www.reuters.com/article/world/fact-check-drivers-dont-have-the-right-to-plow-through-protesters-idUSKBN23B39F/
https://en.wikipedia.org/wiki/Charlottesville_car_attack