01 กรกฎาคม 2568
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล
ข้อมูลน่าสงสัย :
มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับเหตุประท้วงสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ หรือ ICE ในลอสแอนเจลิสเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศทางสื่อ Truth Social เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2025 ว่าเตรียมออกกฎหมาย ให้การสวมหน้ากากประท้วงรัฐบาลเป็นสิ่งผิดกฎหมาย


บทสรุป :
1.ประธานาธิบดีไม่มีอำนาจออกกฎหมายห้ามผู้ชุมนุมใส่หน้ากาก
2.หน้ากากถูกมองว่าเป็นเครื่องมือส่งเสริมการแสดงออกตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ
FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

กฎหมายห้ามสวมหน้ากากในสหรัฐฯ
สหรัฐฯ เคยใช้กฎหมายห้ามสวมหน้ากากตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 โดยปี 1845 รัฐนิวยอร์กได้ผ่านกฎหมายห้ามสวมหน้ากาก เพื่อรับมือเหตุกลุ่มชาวนาประท้วงการเรียกเก็บค่าเช่าย้อนหลัง ด้วยการปลอมตัวเป็นชาวอเมริกันพื้นเมืองและทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ในทศวรรษที่ 1950s หลายรัฐได้ออกกฎหมายห้ามสวมหน้ากาก เพื่อรับมือกับกลุ่มก่อการร้าย Ku Klux Klan ที่พรางตัวในชุดคลุมสีขาวระหว่างก่ออาชญากรรมทางเชื้อชาติ
แม้หลายรัฐมีความพยายามนำกฎหมายห้ามสวมหน้ากากกลับมาบังคับใช้ แต่ก็มีการโต้แย้งว่าการห้ามสวมหน้ากากคือการขัดขวางการแสดงออกโดยไม่เปิดเผยตัวตน ซึ่งเป็นสิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ
ในแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นศูนย์กลางการประท้วง มีประมวลกฎหมายแคลิฟอร์เนีย มาตรา 185 ห้ามการสวมหน้ากากหรือปกปิดตัวตนระหว่างการกระทำที่ละเมิดกฎหมาย
แต่กฎหมายดังกล่าวไม่ครอบคลุมการสวมหน้ากากระหว่างการชุมนุมประท้วงอย่างสันติ ซึ่งได้รับการคุ้มครองจากการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐครั้งที่ 1 หรือ First Amendment ที่ห้ามรัฐบาลออกกฎหมายลดทอนเสรีภาพในการพูด เสรีภาพทางศาสนา เสรีภาพสื่อ เสรีภาพในการสมาคม หรือสิทธิการร้องทุกข์ต่อรัฐบาลเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน
ประธานาธิบดีไม่มีอำนาจ
โจนาธาน มาร์โควิตซ์ ทนายความจากสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน สำนักงานแคลิฟอร์เนียใต้ อธิบายว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่มีอำนาจออกคำสั่งจับกุมผู้ประท้วงที่สวมใส่หน้ากาก หากมีการดำเนินคดี ศาลจะพิจารณาว่า การปกปิดตัวตนช่วยให้ประชาชนแสดงออกตามสิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ
ราเชล โมราน รองศาสตราจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซนต์โทมัส อธิบายว่า ประธานาธิบดีไม่มีอำนาจห้ามหรือทำให้การสวมหน้ากากระหว่างการประท้วงเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เพราะการจะทำให้การสวมหน้ากากเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เป็นการตัดสินใจของฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ใช่ของฝ่ายบริหาร
นอกจากนี้ ผู้ประท้วงยังเป็นกลุ่มที่สามารถอ้างสิทธิการสวมหน้ากากได้มากที่สุด เพราะเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อการแสดงออกทางการเมืองโดยไม่เปิดเผยตัวตน ซึ่งได้รับการคุ้มครองจาก First Amendment
แจน เวอร์เนอร์ มูลเลอร์ ศาสตราจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ชี้แจงในบทความของเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ The Guardian ว่า อาจมีการตั้งคำถามผู้ประท้วงที่สวมหน้ากากว่า พวกเขาจำเป็นต้องปกปิดสิ่งใด แต่ในบริบทของสังคมที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งทางการเมือง การสวมหน้ากากระหว่างร่วมกิจกรรมทางการเมืองช่วยป้องกันผู้ร่วมกิจกรรมจากผลกระทบที่อาจได้รับจากคนที่เห็นต่างทางการเมือง เช่น หน่วยงานของรัฐหรือคนในสถานที่ทำงาน
ข้อโต้แย้งเรื่องการปฏิบัติสองมาตรฐาน
ความตั้งใจของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการดำเนินคดีผู้ประท้วงที่ปกปิดตัวตนภายใต้หน้ากาก อาจนำมาซึ่งข้อกล่าวหาเรื่องการเลือกปฏิบัติ เช่น การให้สิทธิเจ้าหน้าที่ควบคุมการชุมนุมสามารถปกปิดใบหน้าและชื่อของตนเองได้ รวมถึงเหตุการณ์ประท้วงบุกยึดรัฐสภาสหรัฐฯ เพื่อประท้วงการแพ้เลือกตั้งของ โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อปี 2021 ซึ่งผู้ประท้วงไม่น้อยสวมหน้ากากระหว่างบุกรัฐสภา แต่กลับได้รับการอภัยโทษจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ในเวลาต่อมา
ข้อมูลอ้างอิง :
https://www.politifact.com/article/2025/jun/12/Trump-ban-masks-protesters-LA-California-Newsom/
https://www.theguardian.com/commentisfree/2025/jun/11/protesters-masks-trumps-double-standard
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter