บนสื่อสังคมออนไลน์แชร์แนะนำ 5 สูตรรักษาฝ้าด้วยมะนาว ให้ผิวขาวใส เพียงทาทิ้งไว้ 15-20 นาที จริงหรือ ?
🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ศ.นพ.วรพงษ์ มนัสเกียรติ ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
สำหรับ 5 สูตรรักษาฝ้าด้วยมะนาว โอกาสได้ผลกับฝ้าค่อนข้างน้อย ใช้แล้วน่าจะเกิดผลเสียมากกว่า
สูตรที่ 1 : น้ำมะนาวเพียว ๆ คั้นสดทาที่ฝ้าทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออก ทำทุกวันนาน 1 เดือน ?
การใช้น้ำมะนาว หรือผลไม้บางอย่างที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ จะทำให้เซลล์ผิวหนังชั้นบน ๆ ที่มีสีของฝ้า ถูกเร่งตัวให้มีการผลัดออกไป จากนั้นผิวใหม่ที่ไม่มีฝ้าข้างใต้จะค่อย ๆ ถูกดันขึ้นมา จะมองเห็นว่าผิวบริเวณนั้นขาว หรือสีฝ้าจางลงได้ มะนาว หรือกรดผลไม้อาจจะทำให้ฝ้าจางลงได้ชั่วคราว และฝ้าก็ขึ้นมาใหม่อีกได้
วิธีนี้ทาด้วยน้ำมะนาว ควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
1. ความเข้มข้นของ “กรด” ในน้ำมะนาว มีปริมาณเท่าไหร่
2. ปริมาณของน้ำมะนาวที่สัมผัสอยู่บนผิวมากน้อยแค่ไหน
3. มะนาวแต่ละสายพันธุ์ ออกฤทธิ์ความเป็นกรด-ด่าง ต่างกันอย่างไร
ทางการแพทย์ ปัจจุบันใช้กรดผลไม้ “อัลฟาไฮดรอกซี (Alpha hydroxy acids : AHAs) ซึ่งมีการสกัดและมีการควบคุมปริมาณความเข้มข้นของกรด
การใช้กรด AHAs ทำให้ฝ้าลอกตัว หรือผลัดออกไป และจะค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นไปเรื่อย ๆ หรือเพิ่มระยะเวลาในการทา เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพและทนได้
สูตรที่ 2 : น้ำมะนาว + น้ำผึ้ง พอกทิ้งไว้แล้วล้างออก ?
ตัวออกฤทธิ์หลักที่อาจจะทำให้ฝ้าจางลงได้ คือ น้ำมะนาว
“น้ำผึ้ง” อาจจะเป็นส่วนผสมที่ช่วยให้ความเข้มข้นหรือความระคายเคืองของน้ำมะนาวน้อยลง
สูตรที่ 3 : น้ำมะนาว + น้ำผึ้ง + โยเกิร์ต พอกทิ้งไว้ 20 นาที ?
ตัวออกฤทธิ์หลัก คือ ความเป็นกรดของน้ำมะนาว การใส่ “น้ำผึ้ง” หรือ “โยเกิร์ต” เข้าไป อาจจะช่วยลดความระคายเคืองเท่านั้น ไม่ได้ออกฤทธิ์เป็นตัวหลัก
การนำโยเกิร์ตทาผิวหนังบริเวณใด ๆ ก็ตามไม่มีประโยชน์กับร่างกายเลย
สูตรที่ 4 : น้ำมะนาว + ขมิ้นชัน พอกหน้า ?
คาดว่า “ผงขมิ้นชัน” มีฤทธิ์ที่เรียกกันว่า “ต้านอนุมูลอิสระ” หรือ Antioxidant อาจจะทำลายอนุมูลอิสระ ที่เกิดจากการทำลายของแสงแดดที่ผิวหนัง โดยรวม ๆ แล้วตัวออกฤทธิ์หลักในการทำให้ฝ้าจางลงจะเป็นน้ำมะนาวมากกว่า
สูตรที่ 5 : น้ำมะนาว + น้ำสับปะรด + น้ำผึ้ง หรือจะใช้น้ำส้มแทนก็ได้ ?
สูตรนี้เป็นการรวมผลไม้นานาชนิด สับปะรด น้ำมะนาว หรือมีบางคนใช้มะกรูด เหล่านี้มีความเป็นกรดเหมือนกัน
“กรดผลไม้” ก็มีฤทธิ์เป็นกรด เมื่อมีการควบคุมความเข้มข้นในระดับที่เหมาะสมก็กระตุ้นให้ผิวชั้นนอก ๆ มีการลอก หรือมีการผลัดออกมา แต่ก็ทำให้เซลล์ฝ้าจางลงได้ชั่วคราวเท่านั้น
ถ้าใช้สูตรนี้แล้วมีอาการยิบ ๆ หรือระคายเคืองมาก หรือหลังจากล้างออกแล้วผิวหน้าบริเวณนั้นแดงมากผิดปกติ อาจจะต้องหลีกเลี่ยงไม่ใช้ หรืออาจจะใช้โดยการเริ่มทาด้วยช่วงเวลาน้อย ๆ ก่อน แล้วล้างออก และค่อย ๆ เพิ่มเวลาขึ้นไป แล้วดูผลที่เกิดขึ้น
การแพทย์แผนปัจจุบันไม่แนะนำให้ทำด้วยวิธีนี้ เพราะการผสมผลไม้ที่มีฤทธิ์ความเป็นกรดหรือเป็นด่างค่อนข้างสูง แล้วทาทิ้งไว้บนผิวหนังเป็นเวลานาน ๆ อาจเกิดอาการแพ้ ทำให้ผิวไหม้ กลายเป็นรอยคล้ำที่เข้มมากกว่าฝ้าเดิมก็ได้
นอกจากนี้ พบว่าบางคนใช้ปูนแดงที่กินกับหมากผสมน้ำมะนาว ผลปรากฏว่าเกิดปฏิกิริยากัดผิวหนัง ทำให้กลายเป็นแผลเป็นตามมา
รักษา “ฝ้า” ต้องทำอย่างไร ?
“ฝ้า” เป็นโรคที่พบบ่อยมากในคนเอเชียหรือคนไทย
ปัจจุบันนี้ ยังไม่มีวิธีที่ทำให้ฝ้าหายขาดได้ ทั้ง ๆ ที่มีการควบคุมอย่างดีตามมาตรฐานทางการแพทย์ จึงค่อนข้างลำบากสำหรับประชาชนทั่วไป ที่พยายามจะรักษาตัวเองแบบนี้
ฝ้าไม่มีอันตรายกับทั้งระบบของร่างกาย ปล่อยไว้ก็ไม่กลายเป็นมะเร็งผิวหนัง หรือทำลายสุขภาพ และไม่ทำให้เกิดอันตรายกับผิวหนังบริเวณนั้น
ดังนั้น “5 สูตรรักษาฝ้า” มีโอกาสเกิดผลเสียมากกว่าที่จะทำให้ฝ้าหาย เป็นวิธีที่ไม่แนะนำให้ใช้ แม้จะเห็นว่าเป็นการใช้สิ่งที่มีฤทธิ์ แต่ผลก็อาจไม่เป็นตามที่คิดก็ได้
สัมภาษณ์โดย พีรพล อนุตรโสตถิ์
เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล
ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ : 5 สูตรรักษาฝ้า ด้วยน้ำมะนาว จริงหรือ ?
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter