19 มีนาคม 2568
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

มีการนำความนิยมของการดื่มน้ำอัดลม ไปเชื่อมโยงกับการเกิดมะเร็งหลอดอาหารชนิด Adenocarcinoma (EAC) ที่เพิ่มขึ้นถึง 350% นับตั้งแต่กลางทศวรรษ 1970s เป็นต้นมา นำไปสู่การวิจัยถึงความสัมพันธ์อย่างแพร่หลาย
แต่ผลการเชื่อมโยงมะเร็งหลอดอาหารกับการดื่มน้ำอัดลมยังไม่เป็นที่แน่ชัด เพราะมีทั้งงานวิจัยที่ไม่พบความสัมพันธ์และงานวิจัยที่พบว่าการดื่มน้ำอัดลมเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารเช่นกัน
งานวิจัยปี 2006 ของ Yale ไม่พบว่าการดื่มน้ำอัดลมเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารชนิด EAC
จุดประสงค์งานวิจัยมาจากข้อสันนิษฐานเรื่องการดื่มน้ำอัดลมทำให้เกิดอาการท้องอืด รบกวนการทำงานของหลอดอาหารส่วนล่าง และความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มน้ำอัดลมกับอาการจุกเสียดแน่นท้องในตอนกลางคืน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดมะเร็งหลอดอาหารชนิด Adenocarcinoma (EAC)
แต่ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยเยล เมื่อปี 2006 นำโดย ซูซาน เมย์น ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยาและสาธารณสุข คณะแพทยศาสตร์ ได้เปรียบเทียบกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งจำนวน 1,095 ราย และกลุ่มควบคุม 657 ราย เพื่อศึกษาพฤติกรรมการดื่มน้ำอัดลม ทั้งแบบธรรมดาและแบบไม่มีน้ำตาล
ทีมวิจัยพบว่า การบริโภคเครื่องดื่มน้ำอัดลมไม่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารชนิด Adenocarcinoma (EAC) โดยเฉพาะน้ำอัดลมแบบไม่มีน้ำตาล และการบริโภคมากเกินไปไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งหลอดอาหารหรือมะเร็งกระเพาะอาหารชนิดย่อยใด ๆ ทั้งในผู้ชายหรือผู้หญิง
ทีมวิจัยเตือนว่าผลที่เกิดกับการดื่มน้ำอัดลมแบบไม่มีน้ำตาล อาจมีปัจจัยจากพฤติกรรมด้านสุขภาพอื่น ๆ ที่ไม่ได้วัดผล
งานวิจัยปี 2008 ในออสเตรเลีย ไม่พบว่าการดื่มน้ำอัดลมเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารเช่นกัน
งานวิจัยในประเทศออสเตรเลียเมื่อปี 2008 มีการสำรวจพฤติกรรมการดื่มน้ำอัดลมและเบียร์ กับผู้ป่วยมะเร็งหลอดอาหารชนิด Adenocarcinoma (EAC) จำนวน 394 ราย และมะเร็งหลอดอาหารชนิด Squamous-cell carcinoma (ESCC) จำนวน 238 ราย
พบว่าการดื่มน้ำอัดลมปริมาณมากไม่มีความสัมพันธ์ต่อความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารชนิด Adenocarcinoma (EAC) และยังมีความสัมพันธ์ที่ผกผันกับมะเร็งหลอดอาหารชนิด Squamous-cell carcinoma (ESCC) แต่พบว่า การดื่มเบียร์เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารชนิด Squamous-cell carcinoma (ESCC)
สรุปได้ว่าการดื่มน้ำอัดลมปริมาณมากไม่มีความสัมพันธ์ต่อความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารทั้งแบบ EAC และ ESCC
งานวิจัยปี 2018 ในออสเตรเลีย พบว่าน้ำอัดลมเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งมากกว่าน้ำอัดลมแบบใช้น้ำตาลเทียม
งานวิจัยปี 2018 ของสภาโรคมะเร็งรัฐวิคตอเรียและมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นในประเทศออสเตรเลีย สำรวจพฤติกรรมการดื่มน้ำอัดลมของชายและหญิงชาวออสเตรเลียจำนวน 41,514 ราย ระหว่างปี 1990-1994 และ 2003-2007 เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มน้ำอัดลมกับการป่วยด้วยโรคมะเร็งซึ่งมีที่มาจากโรคอ้วน
ผลสำรวจพบว่า การดื่มน้ำอัดลมแบบมีน้ำตาลเพิ่มความเสี่ยงการป่วยด้วยโรคมะเร็งซึ่งมีที่มาจากโรคอ้วนถึง 11 ชนิด ทั้งมะเร็งไต มะเร้งลำไส้ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งตับ มะเร็งถุงน้ำดี และมะเร็งหลอดอาหาร
อย่างไรก็ดี กลับไม่พบความสัมพันธ์ดังกล่าวกับการดื่มน้ำอัดลมแบบใช้น้ำตาลเทียม
ไดแอน ริคคาร์ดี นักโภชนาการ จากศูนย์วิจัยมะเร็ง Moffitt Cancer Center อธิบายว่า น้ำอัดลมแบบมีน้ำตาลมีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) ที่สูงมาก การดื่มน้ำอัดลมมาก ๆ จะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย ซึ่งระดับอินซูลินที่สูงจะไปกระตุ้นการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
ไดแอน ริคคาร์ดี จึงแนะนำให้ควบคุมระดับน้ำตาล ผู้หญิงไม่ควรเกินวันละ 6 ช้อนชา ผู้ชายไม่ควรเกินวันละ 9 ช้อนชา
บทความปี 2024 ย้ำว่าเครื่องดื่มผสมน้ำตาลเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลายชนิด
ขณะที่ผลวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างเครื่องดื่มผสมน้ำตาลกับความเสี่ยงโรคเบาหวาน โรคความดัน และโรคหลอดเลือดหัวใจ ได้รับการยืนยันอย่างแพร่หลาย แต่ความสัมพันธ์กับโรคมะเร็งยังคงไม่มีความชัดเจน
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งและสุขภาพยืนยันต่อสำนักข่าว news18 ของประเทศอินเดียว่า เครื่องดื่มผสมน้ำตาลกระตุ้นการเกิดกรดไหลย้อน เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารและมะเร็งกระเพาะอาหาร
ในขณะเดียวกัน ระดับอินซูลินที่สูงจากน้ำตาลส่วนเกิน ยังกระตุ้นการสร้างโกรธฮอร์โมน ที่ชื่อว่า Insulin-like growth factor 1 (IGF-1) ฮอร์โมนที่มีโครงสร้างโมเลกุลคล้ายกับอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของมะเร็งที่ไวต่อฮอร์โมน เช่น มะเร็งเต้านม และ มะเร็งต่อมลูกหมาก
นอกจากนี้ ปริมาณน้ำตาลส่วนเกินจากเครื่องดื่มผสมน้ำตาลยังขัดขวางการบำบัดผู้ป่วยมะเร็งอีกด้วย
แม้ปัจจุบันความสัมพันธ์ต่อมะเร็งหลอดอาหารยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่การบริโภคเครื่องดื่มผสมน้ำตาล ต้องคำนึงถึงปริมาณที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดโรคต่าง ๆ โรคเบาหวาน โรคความดัน และโรคหลอดเลือดหัวใจ
ข้อมูลอ้างอิง :
https://medicine.yale.edu/news-article/link-between-esophageal-cancer-and-soft-drinks-debunked-by-researchers-at-yale/
https://link.springer.com/article/10.1007/s10552-008-9119-8
https://www.moffitt.org/endeavor/archive/theres-no-sugar-coating-it-sugary-soft-drinks-linked-to-cancer/
https://www.news18.com/lifestyle/health-and-fitness-how-packaged-juices-and-sweetened-drinks-fuel-breast-prostate-and-bowel-cancer-risks-9141936.html
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter