บนสื่อสังคมออนไลน์แชร์ 5 เครื่องดื่ม ที่ไม่ควรใส่ในกระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิ ได้แก่ นม ยาจีน น้ำผลไม้ น้ำเกลือ และน้ำชา จริงหรือ ?
🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ผศ.ดร.บุศรินทร์ จงเจริญยานนท์ อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีการบรรจุและวัสดุ และรองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เรื่องที่แชร์กันมีบางส่วนจริง และบางส่วนไม่จริง
กระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิส่วนใหญ่ทำมาจากสเตนเลส (stainless) มี 2 ชั้นซ้อนกัน คือ ผนังชั้นนอก ฉนวนสุญญากาศ ผนังชั้นใน
ระหว่างผนังชั้นนอกและผนังชั้นในทำให้เป็นสภาวะ “สุญญากาศ” จึงทำให้แก้วสามารถเก็บรักษาอุณหภูมิทั้งร้อนและเย็นของเครื่องดื่มไว้ได้
ไม่ควรใส่ “นม” ในกระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิ จริงหรือ ?
“นม” หรือเครื่องดื่มที่มีนมเป็นส่วนประกอบ จัดเป็นอาหารที่เน่าเสียได้ง่าย
องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าไม่ควรเก็บอาหารกลุ่มเน่าเสียได้ง่ายที่อุณหภูมิ 5-60 องศาเซลเซียส (ช่วงอันตราย) ถ้ามีความจำเป็นจะต้องเก็บไว้ สามารถเก็บไว้ไม่เกิน 2 ชั่วโมง และถ้าสภาพอุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส ให้เก็บได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมงเท่านั้น
ดังนั้น ถ้านำนมมาใส่กระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิที่อยู่ในช่วงอันตราย คือ 5-60 องศาเซลเซียส ก็ไม่ควรเก็บนานเกิน 2 ชั่วโมงนั่นเอง
สิ่งที่จะต้องระวังสำหรับนมก็คือใส่อยู่ในกระบอกน้ำเก็บอุณหภูมินานเกินไป เพราะจะทำให้จุลินทรีย์มีการเจริญเติบโตมากขึ้น ทั้งจุลินทรีย์ที่ทำให้อาหารเน่าเสียและจุลินทรีย์ก่อโรคด้วย ถ้าดื่มนมที่อยู่ในกระบอกน้ำเก็บอุณหภูมินานเกินไปก็มีโอกาสได้รับเชื้อโรคเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกายด้วย
ไม่ควรใส่ “ยาจีน” ในกระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิ จริงหรือ ?
“ยาจีน” ถ้าเก็บในกระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิที่ทำจากวัสดุสัมผัสกับอาหารได้ หรือเป็นฟู้ดเกรด (Food Grade) โอกาสที่จะเกิดการกัดกร่อนน้อยมาก ไม่ว่าตัวยาจีนจะเป็นกรดหรือด่างมากเท่าไหร่ ก็มีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดการกัดกร่อนจนกระทั่งมีสารปนเปื้อนออกมากับยาจีน
ไม่ควรใส่ “น้ำผลไม้” ในกระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิ จริงหรือ ?
ถ้าเป็นกระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิที่ทำจากสเตนเลส 316 (Stainless Steel) แบบฟู้ดเกรด สามารถทนได้ทั้งกรดและด่าง
การนำน้ำผลไม้มาใส่ก็ไม่ได้มีผลกับเนื้อสัมผัสแก้วด้านใน
ไม่ควรใส่ “น้ำเกลือ” ในกระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิ จริงหรือ ?
กระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิที่ทำจาก “สเตนเลส 316” ไม่เป็นไร เพราะ Stainless 316 ทนได้ทั้งกรด ด่าง และ เกลือ
ถ้าเป็น “สเตนเลส 304” มีโอกาสที่เกลือจะกัดกร่อน Stainless 304 ออกมาปนเปื้อนน้ำเกลือได้
จะเห็นได้ว่าสเตนเลสเกรดอาหารมี 2 ชนิด ได้แก่
สเตนเลส 304 ทนได้ทั้ง “กรด” และ “ด่าง”
สเตนเลส 316 ทนได้ทั้ง “กรด”, “ด่าง” และ “เกลือ”
ผู้ผลิตส่วนใหญ่มีการระบุชนิดของสเตนเลสบนภาชนะด้านใน หรืออาจระบุบนกล่องก็ได้ว่าเป็นสเตนเลสชนิดใด
ถ้าสังเกตดี ๆ จะพบว่าสเตนเลส 316 มีพื้นผิวสัมผัสเรียบกว่า และนำมาทำช้อน ส้อม และ มีด ด้วย
ไม่ควรใส่ “น้ำชา” ในกระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิ จริงหรือ ?
“แทนนิน” เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ถ้าสัมผัสกับความร้อนสูงก็มีโอกาสเปลี่ยนโครงสร้างโมเลกุล
“ใบชา” สัมผัสความร้อนสูงก็มีโอกาสที่แทนนินจะถูกสกัดออกมามาก ทำให้น้ำชามีรสขมมากขึ้น
“ร้อน—นานเกินไป” ดังนั้น น้ำชาที่ใส่กระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิ “แทนนิน” จะได้รับความร้อนในระยะเวลาที่นานมากขึ้น จึงมีโอกาสเปลี่ยนแปลงโครงสร้างโมเลกุล อาจทำให้รสชาติของน้ำชาเปลี่ยนแปลงได้
นอกจากนี้ ที่แชร์กันเกี่ยวกับกระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิ “เสี่ยงติดเชื้อ” ได้นั้น ไม่ว่าเครื่องดื่มชนิดใดก็ตามถ้าดื่มจากปากกระบอกโดยตรง มีโอกาสที่จุลินทรีย์จากตัวของเราเองจะไปปนเปื้อนอยู่ที่กระบอกอยู่แล้ว ถ้ามีระยะเวลาที่นานมากพอแน่นอนว่าจุลินทรีย์ก็เจริญเติบโตมากขึ้น ถ้ากลับมาดื่มอีกจุลินทรีย์ก็มีโอกาสกลับเข้าสู่ร่างกายของเราในปริมาณที่มากขึ้นได้ด้วย
“กระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิ” ใช้อย่าง “ปลอดภัย” ต้องทำอะไรบ้าง ?
กระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีแนวทางการใช้อย่างปลอดภัย ดังต่อไปนี้
1. วัสดุสัมผัสอาหารทั่วไปต้องเป็น Food Grade สเตนเลส 304 และ สเตนเลส 316
2. ใช้ตามคำแนะนำของผู้ผลิต เช่น ช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสม หรือชนิดของอาหารที่เหมาะสม
3. ล้างทำความสะอาดสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์
4. ไม่ควรใส่เครื่องดื่มที่มีอุณหภูมิสูงมากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดสุญญากาศได้เมื่ออุณหภูมิของเหลวลดลง
5. ระมัดระวัง “การเปิด” ทุกครั้ง เพราะอาจมีแรงดันหรือการระเบิดเล็ก ๆ เกิดขึ้น และถ้าเป็นเครื่องดื่มที่ยังมีความร้อนอยู่อาจทำอันตรายร่างกายได้
ดังนั้น การทำความเข้าใจสิ่งของต่าง ๆ ก่อนใช้ สามารถลดอันตรายได้
สัมภาษณ์โดย พีรพล อนุตรโสตถิ์
เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล
ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ : 5 เครื่องดื่มที่ไม่ควรใส่กระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิ จริงหรือ ?
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter