ชัวร์ก่อนแชร์ : 5 เครื่องดื่มที่ไม่ควรดื่มพร้อมยา จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์แชร์คำเตือนคนกินยา มี 5 เครื่องดื่มที่ไม่ควรดื่มพร้อมยา เช่น ชา กาแฟ นม น้ำผลไม้ น้ำอัดลม และ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ จริงหรือ ?


🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล อาจารย์พิเศษ ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประธานคณะทำงานสร้างความเข้มแข็งประชาชน ด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (สยส.)

โดยภาพรวมเรื่องที่แชร์ดีและมีประโยชน์ แต่บางอย่างไม่ได้เขียนละเอียด อาจจะมีข้อความคลาดเคลื่อนไปบ้าง เพราะปกติเวลากลืนยาก็ต้องมีของเหลวช่วยกลืนยา โดยหลักการควรดื่มน้ำเปล่ากับยาถูกต้องที่สุด


ข้อ 1. ดื่มชา กาแฟ พร้อมยา จะเพิ่มกาเฟอีนในร่างกาย ?

ในชา กาแฟ มีกาเฟอีน ถ้ายาที่กินมีฤทธิ์ทางเดียวกันคือกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้มีอาการใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว เมื่อรวมกับชา กาแฟ ฤทธิ์ของยานั้นก็จะสูงขึ้น จึงควรหลีกเลี่ยงชาหรือกาแฟช่วงกินยา

มีบางเหตุการณ์ที่นำกาเฟอีนมาผสมกับยาแก้ปวดบางชนิดเพื่อเสริมฤทธิ์ของยา เช่น ยารักษาไมเกรนบางชนิดมีกาเฟอีนผสมอยู่ด้วย


โดยรวมแล้ว ถ้าดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนปริมาณสูง รวมกับยาบางชนิดเมื่อระดับยาสูงขึ้นอาจจะเกิดเป็นพิษก็ได้

ข้อ 2. ไม่ควรดื่มนมพร้อมยา เพราะแคลเซียมในนมจะยับยั้งการดูดซึมยาบางชนิด จริงหรือ ?

ยาบางชนิดเท่านั้นที่นมมีผลต่อการดูดซึมของยา

เมื่อการดูดซึมยาลดลง ระดับยาในเลือดต่ำลง ผลของการรักษาโรคอาจจะเปลี่ยนไป ถ้าหากดื่มน้ำได้จะดีที่สุด

แต่ที่พูดถึง “ยาปฏิชีวนะ” หมายถึงยาปฏิชีวนะบางชนิดเท่านั้น ขอให้ดูคำเตือนที่ฉลากยา

ดังนั้น ถ้าต้องการดื่มนมก็ควรดื่มนมห่างจากการกินยา 2 ชั่วโมง เมื่อการดูดซึมของยาผ่านไป การดื่มนมจะไม่มีผลต่อยานั้น

ข้อ 3. น้ำผลไม้รสเปรี้ยว ไม่ควรดื่มพร้อมยา อาจทำลายตัวยา จริงหรือ ?

เนื่องจากมียาบางชนิดไม่ชอบสภาวะเป็นกรด เมื่อโดนกรดยาก็จะถูกทำลาย ทำให้การดูดซึมเสียไป

ข้อ 4. น้ำอัดลมหรือโซดา ไม่ควรกินพร้อมยา เพราะทำให้ฤทธิ์ของยาลดลง จริงหรือ ?

เรื่องน้ำอัดลมแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม

กลุ่ม 1 น้ำอัดลมสีดำ มีกาเฟอีน มีผลต่อยา ทำให้ระดับยาสูงขึ้น บางโอกาสทำให้ยาบางตัวถูกดูดซึมน้อยลง

กลุ่ม 2 น้ำอัดลมสีอื่น ๆ ทุกชนิดมีสภาวะเป็นกรด เมื่อดื่มพร้อมกับยาบางชนิด จะทำให้ยาบางชนิดมีประสิทธิภาพลดลงได้จริง

ข้อ 5. แอลกอฮอล์มีพิษต่อตับ และกดประสาท ไม่ควรกินพร้อมยา จริงหรือ ?

เรื่อง “แอลกอฮอล์” สำคัญมาก แอลกอฮอล์มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง ทำให้มีอาการง่วงซึมเป็นหลัก

ดังนั้น ยาบางชนิดมีฤทธิ์ทำให้ง่วงซึมอยู่แล้ว ถ้าดื่มแอลกอฮอล์พร้อมกับยาที่มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลางจะส่งผลเสียกับร่างกายได้จริง ๆ

ฉลากยามีเขียนไว้ว่า “ห้ามกินยาพร้อมกับแอลกอฮอล์” หรือระมัดระวังการขับขี่ยานพาหนะ

ก่อนกินยาทุกครั้ง ควรอ่านฉลากยาให้ละเอียดและชัดเจน เพราะมียาหลายชนิดไม่ควรกลืนพร้อมเครื่องดื่มบางชนิด จึงมีการเขียนที่ฉลากยา

ประเด็นสำคัญก็คือ มีประชาชนจำนวนมากได้รับยามาแต่ไม่ค่อยได้อ่านฉลากยา และมีบางส่วนอ่านฉลากยาไม่ครบ

ใช้ยา “ปฏิชีวนะ” อย่างปลอดภัยได้อย่างไร ?

การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างพร่ำเพรื่อและไม่เหมาะสมนั้นก่อให้เกิดอันตรายจากการใช้ยาโดยไม่จำเป็น สูญเปล่า สิ้นเปลือง ไม่เกิดประโยชน์ และนำไปสู่ปัญหาเชื้อดื้อยา ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่เกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่สมเหตุสมผล ก็คือประชาชนไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะ ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมการใช้ยาปฏิชีวนะที่ไม่ถูกต้อง เช่น ซื้อยาใช้เอง ร้องขอยาจากแพทย์ ใช้ยาผิดข้อบ่งชี้ ทำให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยาที่รุนแรงมากขึ้นในประเทศไทยและเป็นปัญหาระดับโลก      

“ยาปฏิชีวนะ” เป็นยาที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ไม่มีฤทธิ์ต่อเชื้อไวรัส ไม่มีผลต่อโรคภูมิแพ้ จึงไม่ช่วยให้โรคติดเชื้อไวรัสหรือโรคภูมิแพ้หายเร็วขึ้นหรือมีอาการดีขึ้นแต่อย่างใด รวมทั้งไม่ช่วยป้องกันโรคแทรกซ้อนจากโรคเหล่านั้น

อันตรายจากการใช้ยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ

เกิดการแพ้ยา ซึ่งหากแพ้ไม่มากอาจมีแค่ผื่นคัน ถ้ารุนแรงขึ้นผิวหนังจะเป็นรอยไหม้ หลุดลอก หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิต

เกิดเชื้อดื้อยา การกินยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อกระตุ้นให้เชื้อแบคทีเรียกลายพันธุ์เป็นเชื้อดื้อยา ต้องเปลี่ยนไปใช้ยาปฏิชีวนะที่ใหม่ขึ้น แพงขึ้น ซึ่งเหลือให้ใช้อยู่ไม่กี่ชนิด สุดท้ายก็จะไม่มียารักษาและเสียชีวิตในที่สุด

เกิดโรคแทรกซ้อน ยาปฏิชีวนะจะฆ่าทั้งแบคทีเรียก่อโรคและแบคทีเรียชนิดดีมีประโยชน์ในลำไส้ของเรา เมื่อแบคทีเรียชนิดดีตายไป เชื้ออื่น ๆ ในตัวเราจึงฉวยโอกาสเติบโตมากขึ้น ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น ลำไส้อักเสบอย่างรุนแรง โดยผนังลำไส้ถูกทำลายหลุดลอกมากับอุจจาระ ซึ่งอันตรายถึงชีวิต

วิธีการใช้ยาที่ดีและปลอดภัยที่สุด คือ ใช้ยาอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือเภสัชกรอย่างเคร่งครัดและทุกครั้งที่ได้รับยาปฏิชีวนะมาต้องกินให้ครบ เพราะบ่อยครั้งพบว่าผู้ป่วยหยุดใช้ยาเมื่ออาการดีขึ้น ซึ่งจะมีผลเสียอาจทำให้โรคกลับเป็นซ้ำหรือเกิดผลแทรกซ้อนที่รุนแรงจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ยังรักษาไม่หายดี

ลดปัญหา “เชื้อดื้อยา” ได้อย่างไร ?

แนวทางการใช้ยาลดปัญหาเชื้อดื้อยา มีดังนี้

1. ควบคุมการใช้ยาปฏิชีวนะในกรณีจำเป็นเท่านั้น เช่น การป่วยด้วยโรคหวัด ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ เนื่องจากเชื้อหวัดเป็นไวรัสไม่ใช่แบคทีเรีย การกินยาปฏิชีวนะจึงไม่มีผล

ปัจจุบันกลุ่มโรค 3 กลุ่มที่ไม่จำเป็นและไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะ แต่มีอัตราการใช้ยาปฏิชีวนะสูงมากได้แก่ 1.ไข้หวัด เจ็บคอ 2.ท้องเสีย 3.แผลเลือดออก ทั้งนี้เพราะมากกว่าร้อยละ 80 ของกลุ่มโรคเหล่านี้ไม่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เพื่อลดอุบัติการณ์เชื้อดื้อยาและการเสียเงินโดยไม่จำเป็น ผู้ป่วยอาจใช้แนวทางพิจารณาความรุนแรงของโรคเพื่อดูแลรักษาตนเองได้

อาการไข้ที่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าน่าจะมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย คือ อาการไข้ที่เกิดร่วมกับอาการแสดงเฉพาะที่ของร่างกายแต่ละระบบ

ตัวอย่างอาการไข้ที่มีสัญญาณติดเชื้อแบคทีเรีย ได้แก่

ระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ อาการไข้ร่วมกับอาการท้องเดิน

ระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ อาการไข้ร่วมกับอาการเจ็บคอ ผนังคอแดง มีจุดหนอง

ระบบผิวหนัง ได้แก่ อาการไข้ร่วมกับผิวหนังอักเสบเป็นหนอง บวมแดง

2. ควรกินยาปฏิชีวนะให้ครบขนาดตามที่แพทย์สั่ง หากหยุดกินเองเชื้อแบคทีเรียจะปรับตัวให้คงทนต่อยามากขึ้นและกลายเป็นเชื้อดื้อยาในที่สุด

3. ควรใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์ยาแรงหรือกว้างเกินไป เพื่อมุ่งให้หายจากอาการป่วยโดยเร็ว ซึ่งหากใช้ยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์แรงในการรักษาเริ่มแรกทันที เมื่อเกิดการดื้อยาขึ้นจะทำให้ไม่มียาขนานต่อไปเพื่อใช้ในการรักษา

การแก้ปัญหาการใช้ยาปฏิชีวนะที่มากเกินจำเป็นต้องดำเนินการในทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนของโรงพยาบาล ร้านขายยา และภาคประชาชน จึงจะสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนและยั่งยืน

สัมภาษณ์โดย พีรพล อนุตรโสตถิ์

เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ : 5 เครื่องดื่มที่ไม่ควรดื่มพร้อมยา จริงหรือ ?

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

งานบอล “ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ” ครั้งที่ 75 ล้อการเมืองจัดเต็ม

ฟุตบอลประเพณี “ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ” ครั้งที่ 75 เริ่มแล้ว ล้อการเมืองจัดเต็ม หลังอัดอั้นมา 5 ปี เหน็บ “รักวัวให้ผูก รักลูกให้เป็นรัฐมนตรี” หุ่น “พิธา-ทักษิณ” วิวาห์ล่ม ปล่อยประชาชนลอยแพ จำลอง “แก้รัฐธรรมนูญ” ถามแก้ชาติไหน บอกกูที

ไฟไหม้บ้านอาจารย์ ม.ดัง ภรรยาวัย 69 ดับสลด

ระทึกกลางดึก! ไฟไหม้บ้านอาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดัง ภรรยาวัย 69 ปี หนีไม่ทัน ดับสลด คาดต้นเพลิงเกิดจากแบตเตอรี่รถจักรยานไฟฟ้าระเบิด

ระทึก! แผงเหล็กเวทีถล่ม ขณะ “ซาบีดา” เปิดงานที่ยโสธร

ระทึก! แผงเหล็กเวทีถล่ม ขณะ “ซาบีดา” เปิดงานที่ จ.ยโสธร เจ้าตัวบาดเจ็บเล็กน้อย โชว์สปิริตเปิดงานต่อ ด้าน สส.ยโสธร ภท. เจ็บหนัก กระดูกสันหลังแตก

ข่าวแนะนำ

หุ้นAOT

AOT แจ้ง ตลท.ข้อมูล คิงเพาเวอร์ แต่หุ้นยังดิ่งแรง

AOT ชี้แจงข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่องคิงเพาเวอร์ แต่หุ้นยังดิ่งแรง ยืนยันไม่ได้ทำการแก้ไขสัญญาสัมปทาน โดยราคาหุ้น AOT ร่วงลงไปแตะจุดต่ำสุด 41.50 บาทในช่วงเช้าวันนี้

ครม.สัญจรสงขลา

“แพทองธาร” นายกฯ ลงพื้นที่ จ.สงขลา ก่อนประชุม ครม.สัญจร

“แพทองธาร” นายกฯ ลงพื้นที่ จ.สงขลา ติดตามการบริหารจัดการน้ำ รับฟังปัญหาการผลิตและส่งออกอาหารทะเล พร้อมผลักดันการท่องเที่ยวเมืองเก่า ก่อนประชุม ครม.สัญจร พรุ่งนี้

รมต.จีนเข้าเมียวดี

“ภูมิธรรม” แจง “หลิว จงอี” เข้าเมียวดี เป็นข้อตกลงร่วม 3 ประเทศ

“ภูมิธรรม” เผย “หลิว จงอี” เข้าเมียวดีจัดการแก๊งคอลฯ ประสานผ่านรัฐบาลไทยแล้ว ย้ำเป็นข้อตกลงร่วม 3 ประเทศแบ่งหน้าที่กันทำ ระบุการส่งตัวหลังจากนี้ให้เมียนมารับผิดชอบ ไทยพร้อมสนับสนุนหากร้องขอ ยันหมายจับ “หม่อง ชิตตู” ดีเอสไอยังไปต่อ แม้จะช่วยปราบคอลเซ็นเตอร์