ภาวะการเห็นภาพบิดเบี้ยวเกิดจากสาเหตุใด จะเกิดขึ้นกับคนกลุ่มไหน และจะเป็นสัญญาณอันตรายหรือไม่ ?
🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย
การมองเห็นภาพบิดเบี้ยว (Distort image) หรือทางการแพทย์เรียกว่า เมทามอร์ฟอปเซีย (Metamorphopsia)
การมองเห็นภาพบิดเบี้ยวพบได้บ่อย เป็นภาวะที่แสดงให้เห็นความผิดปกติของจุดรับภาพชัด (Macular) จอประสาทตาเสื่อม (Macular Degeneration)
การมองเห็นภาพบิดเบี้ยวเกิดได้จากสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
1. ภาวะจอประสาทตาเสื่อมตามอายุ (Age-related macular degeneration : AMD) จอประสาทตาเป็นอวัยวะของดวงตาที่ทำงานหนักตลอดเวลามากที่สุด บริเวณจุดรับภาพจะถูกแสงกระทบตั้งแต่ลืมตาตื่นนอนจนกระทั่งเข้านอน
คนที่จุดรับภาพชัดบริเวณจอประสาทตาเสื่อมจะทำให้มองเห็นภาพบิดเบี้ยวหรือภาพตรงกลางบางส่วนหายไป หรือเหมือนมีเงาดำบังอยู่กลางภาพแต่ไม่ได้ลอยไปลอยมา แตกต่างจากกรณีมีตะกอนในวุ้นลูกตาที่อาจมองเห็นเหมือนหยากไย่หรือเงาลอยไปลอยมา ในผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงที่จุดรับภาพชัดเสื่อม หรือมีหลอดเลือดผิดปกติเกิดขึ้นทำให้การมองเห็นภาพบิดเบี้ยว
กรณีจุดรับภาพชัดที่จอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ ถ้าเป็นระยะแรกมีอาการไม่มาก ไม่สามารถฉีดยาหรือทำเลเซอร์ได้ จักษุแพทย์จะให้แผ่นตรวจจอประสาทตาด้วยตนเอง ที่เรียกว่า Amsler Grid และถ้ามีอาการมองเห็นภาพบิดเบี้ยวมากขึ้นก็จะต้องรีบไปพบจักษุแพทย์
2. อาการบวมน้ำที่จุดรับภาพ (macular edema) เพราะในคนอายุน้อยก็อาจมีความผิดปกติของจุดรับภาพชัดบริเวณจอประสาทตาได้เช่นกัน คือมองเห็นภาพบิดเบี้ยว มักจะพบในคนที่อยู่ในสถานการณ์แข่งขันสูงและมีความเครียดมาก
คนที่มีอาการบวมน้ำที่จุดรับภาพจะมองเห็นมีสีเทา ๆ มาบังตรงกลางภาพและขนาดของภาพเล็กกว่าเมื่อเทียบกับตาอีกข้างที่ไม่มีอาการบวมน้ำ
ในคนที่อายุไม่มากอาการจะดีขึ้นได้ในช่วง 3-4 เดือน ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นหลังจาก 3-4 เดือนไปแล้วจักษุแพทย์อาจพิจารณาใช้เลเซอร์ช่วยเพื่อให้อาการบวมน้ำที่จุดรับภาพนั้นดีขึ้นได้
การมองเห็นภาพบิดเบี้ยว อันตรายหรือไม่ ?
การมองเห็นภาพบิดเบี้ยวเป็นอาการที่ค่อนข้างอันตราย แสดงถึงการมีพยาธิสภาพที่จุดรับภาพชัดของจอประสาทตา
โดยทั่วไป ในคนที่มองเห็นภาพบิดเบี้ยวตรงกลาง เริ่มเป็นจะรู้สึกว่าใช้ชีวิตค่อนข้างยาก เพราะมองเห็นภาพ 2 ตาไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะการมองเห็นภาพที่บิดเบี้ยวมากจะทำให้เป็นอุปสรรคกับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเดิน การขับขี่รถจักรยานยนต์และรถยนต์ ขอแนะนำว่าอย่านิ่งนอนใจ ควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที
ดังนั้น ถ้ามีความผิดปกติเกี่ยวกับการมองเห็นจากจอประสาทตา อย่านิ่งนอนใจ ควรรีบไปพบจักษุแพทย์ เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้นานอาจจะสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้ และโรคที่เกี่ยวกับจอประสาทตาทุกโรคสามารถใช้สิทธิการรักษาพยาบาลได้
การมองเห็นที่ผิดปกติ ย่อมเป็นสัญญาณของโรคใดโรคหนึ่ง ควรรีบรักษาก่อนลุกลามและส่งผลต่อการรักษาอย่างถาวรได้
สัมภาษณ์โดย พีรพล อนุตรโสตถิ์
เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล
ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : ภาวะการมองเห็นภาพบิดเบี้ยว
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter