ชัวร์ก่อนแชร์ : 10 สัญญาณมะเร็งตับ จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์ 10 สัญญาณเตือนโรคมะเร็งตับ เช่น ปวดท้องด้านขวา ตาเหลืองตัวเหลือง และมีอาการคลื่นไส้ อ่อนเพลีย เรื่องนี้จริงหรือไม่ ?

🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ พล.ต.นพ.อนุชิต จูฑะพุทธิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการรักษาโรคมะเร็งตับ และ ประธานมูลนิธิตับ

สัญญาณทั้ง 10 ข้อที่แชร์กันมีส่วนถูก แต่สัญญาณต่าง ๆ หมอไม่อยากเจอ เพราะบอกว่าเป็นมะเร็งระยะค่อนข้างลุกลามแล้ว

หมออยากเจอผู้ป่วยกลุ่มที่ไม่มีอาการ แล้วตรวจพบโดยการเฝ้าระวังมากกว่า เพราะจะมีขนาดไม่ใหญ่และให้การรักษาที่ทำให้หายได้

ข้อ 1. คลื่นไส้บ่อย ๆ จนผิดปกติ การทํางานของตับล้มเหลว ระบบการขจัดสารพิษทําได้ไม่ดีเท่าที่ควร เนื้องอกทําให้เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูง ยิ่งทําให้การคลื่นไส้ อาเจียนรุนแรงขึ้น ?

คลื่นไส้ อาเจียน มักไม่ค่อยพบในผู้ป่วยมะเร็งตับ ยกเว้นก้อนมะเร็งกดกระเพาะอาหาร ทำให้กินอาหารไม่ได้ มักจะทำให้มีอาการอาเจียน

ส่วนที่บอกว่าแคลเซียมเพิ่มขึ้น เรื่องนี้พบน้อยมาก นาน ๆ จะพบสักครั้ง เนื่องจากก้อนมะเร็งสร้างสารบางอย่างทำให้กระตุ้นสร้างแคลเซียมมากขึ้น

ข้อ 2. ปวดท้องด้านขวาผิดปกติ และมีปวดบริเวณไหล่ขวา การเจริญเติบโตของมะเร็งทําให้เกิดความดันในช่องท้องมากขึ้น เป็นสาเหตุให้เกิดการปวดท้องร่วมกับอาการสะอึกเรื้อรัง และการที่ตับบวมโตอาจทําให้ปวดบริเวณไหล่ขวา เพราะไปทับเส้นประสาทบริเวณกะบังลมที่เชื่อมโยงกับเส้นประสาทบริเวณไหล่ได้ด้วย

ถ้าก้อนมะเร็งไม่ใหญ่มากจะไม่ค่อยปวดท้อง แต่ถ้าจะปวดเมื่อไหร่ก็ตาม แปลว่ามีเลือดออกในก้อนหรือก้อนชิดกับผิวของตับ จะทำให้มีอาการปวดได้ บางครั้งถ้าก้อนอยู่กลีบขวาชิดกะบังลม และลุกลามออกมาที่ผิวของตับ สามารถไประคายเคืองที่กะบังลม

“กะบังลม” ขณะที่ยังอยู่ในครรภ์ มีเส้นประสาทที่พัฒนามาจากบริเวณหัวไหล่ เพราะฉะนั้น บางครั้งผู้ป่วยอาจมีอาการปวดที่ไหล่ขวาได้  

ข้อ 3. อิ่มเร็ว เบื่ออาหาร ร่างกายเผาผลาญได้น้อยลง

อิ่มเร็ว อาจจะเป็นเพราะเบื่ออาหารมากกว่า

ข้อ 4. น้ำหนักลด เพราะความอยากอาหารลดลง

ส่วนใหญ่เวลาที่มีมะเร็งมักจะไม่อยากอาหาร

ความอยากอาหารจะไม่ค่อยดี ขณะที่การเผาผลาญของร่างกายค่อนข้างมาก ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว

ข้อ 5. มีอาการคัน เกิดจากการคั่งของน้ำดีในร่างกาย

ข้อนี้เป็นสัญญาณของมะเร็งท่อน้ำดีมากกว่า แต่บางครั้งพบในผู้ป่วยมะเร็งตับได้

ถ้าตัวเนื้อมะเร็งตับอย่างเดียวไม่ค่อยมีอาการคัน ไม่ค่อยเหลือง ยกเว้นการทำงานของตับแย่ลงมาก หรือมีก้อนไปกดการทำงานของท่อน้ำดี ทำให้การระบายของท่อน้ำดีไม่ปกติ  อาจจะมีอาการคันได้

ข้อ 6. อ่อนเพลียระหว่างวัน หรือไม่มีแรง

เป็นสัญญาณของมะเร็งตับได้

ข้อ 7. ตาเหลืองตัวเหลือง เกิดอาการดีซ่าน

เป็นสัญญาณของโรคตับ ไม่ว่าจะเป็นตับแข็งหรือมะเร็งตับก็มีสัญญาณตัวเหลือง ตาเหลืองได้

ข้อ 8. ตับบวมโตมากกว่าปกติ เช่น โรคตับอักเสบ โรคเลือด หรือมะเร็งตับ การที่จะรู้ว่าเป็นมะเร็งตับหรือไม่ก็จะต้องวินิจฉัยร่วมกับอาการอื่นอื่นด้วย

ส่วนใหญ่แล้วตับที่อยู่ใต้ชายโครงด้านขวามักจะคลำไม่ได้ แต่เมื่อไหร่ที่มีก้อนและขนาดใหญ่เกิดขึ้น เวลาตรวจร่างกายก็จะคลำได้

สมมุตว่าถ้าเจ็บบริเวณชายโครงด้านขวา และคลำได้ตับโต ก็เป็นสัญญาณหนึ่งของมะเร็งตับ

ข้อ 9. มีอาการท้องมาน เนื่องจากเซลล์มะเร็งที่เข้าไปทําให้เกิดแรงดันเลือดภายในร่างกายมากขึ้น หรือเข้าไปทําให้ระบบน้ำเหลืองทํางานผิดปกติ

ท้องมานเป็นสัญญาณของตับแข็งและมะเร็งตับ บางครั้งพบร่วมกันได้

ข้อ 10. เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบี หรือ ซี มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งตับสูงมากกว่าคนปกติถึง 200 เท่า

ไวรัสตับอักเสบบีและซี เป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับ แต่ไม่มีสัญญาณอะไร

มะเร็งตับไม่ได้เกิดในคนทั่ว ๆ ไปได้ เป็นเฉพาะในคนที่มีปัจจัยเสี่ยงเท่านั้น

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญก็คือ ไวรัสตับอักเสบบี ซี ตับแข็ง อ้วน (น้ำหนักเกิน) และ เบาหวาน

ใครก็ตามที่มีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ ควรไปพบแพทย์

แพทย์ไม่ต้องการพบผู้ป่วยที่มาด้วยอาการ 10 อย่างนี้ เพราะเวลารักษาไม่ค่อยได้ผลดีเท่าไหร่

จริง ๆ แล้ว คนที่ไม่มีสัญญาณอะไรแล้วพบแพทย์ แต่มีปัจจัยเสี่ยงควรพบแพทย์ อย่ารอให้มีอาการ

ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสิทธิ์การรักษาพยาบาลอะไร ก็สามารถรับบริการฟรี

ที่สำคัญในสัญญาณ 10 อย่าง พบว่า 8 อย่างควรแชร์ต่อได้ แต่คลื่นไส้อาเจียน กับอิ่มเร็ว ไม่ค่อยพบในผู้ป่วยมะเร็งตับ

สำหรับอาการต่าง ๆ แชร์ได้ แต่ไม่ควรรอให้ครบ 8 อย่าง เพราะมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งก็ควรไปพบแพทย์ตรวจอาการ จะได้รับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

สัมภาษณ์โดย พีรพล อนุตรโสตถิ์

เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ : 10 สัญญาณมะเร็งตับ จริงหรือ ?