ชัวร์ก่อนแชร์ : ผัก 5 ชนิด ดีต่อตับ จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์แชร์แนะนำ ผักสีเขียว 5 ชนิด ดีต่อตับ ทั้งผลกีวี บรอกโคลี ต้นหอม แตงกวา และหน่อไม้ฝรั่ง จริงหรือ ?


🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ พล.ต.นพ.อนุชิต จูฑะพุทธิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการรักษาโรคมะเร็งตับ และ ประธานมูลนิธิตับแห่งประเทศไทย

ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าผัก 5 ชนิดมีประโยชน์ชัดเจนดีต่อตับ แต่ว่าโดยรวมแล้วการกินผักชนิดต่าง ๆ (ล้างสะอาด ปลอดภัยจากสารพิษฆ่าแมลง) ก็มีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่แล้ว ไม่จำเป็นว่าต้องส่งผลดีต่อตับเท่านั้น


ข้อ 1. กีวี : วิตามินซีสูง บำรุงผิว ช่วยลดความดัน ป้องกันโรคท้องผูก ดีต่อตับ จริงหรือ ?

กินกีวีแล้วได้ทั้งวิตามินและป้องกันท้องผูก เป็นเรื่องจริง แต่จะเป็นผลดีต่อตับหรือไม่ยังไม่มีข้อมูลชัดเจน

ข้อ 2. บรอกโคลี : กระตุ้นการขับถ่าย ลดระดับน้ำตาล ลดคอเลสเตอรอลในเลือด ส่งผลดีต่อตับ ?


ไม่มีข้อมูลว่าบรอกโคลีดีต่อตับ แต่คำแนะนำของสมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (American Cancer Society : ACS) บอกว่า บรอกโคลีมีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ค่อนข้างมาก ดังนั้น การกินผักสีเขียว โดยเฉพาะบรอกโคลี น่าจะช่วยป้องกันมะเร็งทั่ว ๆ ไปเท่านั้น ไม่ได้เน้นเฉพาะมะเร็งส่วนใดส่วนหนึ่ง

ข้อ 3. ต้นหอม : มีสารฟลาโวนอยด์ ต้านมะเร็ง ป้องกันภาวะเลือดจาง ขับเหงื่อ แก้อาการอักเสบ บวม แดง จริงหรือ ?

สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง ช่วยในการซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ

ปกติแล้วคงจะไม่มีใครกินต้นหอมครั้งละจำนวนมาก และการกินต้นหอมก็น่าจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวมมากกว่า ไม่ได้มีประโยชน์ต่อตับโดยตรง

ข้อ 4. แตงกวา : แก้กระหาย ลดความร้อนในร่างกาย กำจัดของเสียในร่างกาย ลดความดัน จริงหรือ ?

กลาง ๆ ก็คือดีกับร่างกายทั่ว ๆ ไป ไม่ชัดเจนที่เป็นผลดีต่อตับ

ข้อ 5. หน่อไม้ฝรั่ง : เสริมสร้างภูมิต้านทาน ป้องกันสมองเสื่อม บำรุงครรภ์ จริงหรือ ?

ข้อนี้ไม่ค่อยมีข้อมูลสนับสนุน เว้นแต่ว่าวิตามินที่อยู่ในหน่อไม้ฝรั่ง หรือกากใยช่วยเรื่องการขับถ่ายดีขึ้น หรือได้รับวิตามิน เกลือแร่ต่าง ๆ ครบถ้วนมากกว่า ไม่จำเป็นต้องเน้นกินชนิดใดชนิดหนึ่งจำนวนมาก

“ตับ” ทำหน้าที่เลือกสารอาหารต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอยู่แล้ว

ขณะที่คนเรากินอาหารและสารอาหารดูดซึมเข้าสู่ร่างกายแล้ว ร่างกายช่วงนั้นต้องการอะไร ขาดอะไร ตับเป็นตัวสังเคราะห์เก็บสารอาหารต่าง ๆ ไว้อยู่แล้ว

เมื่อใดก็ตามที่เรากินอาหารครบถ้วน ครบหมู่ ร่างกายก็ได้รับสารอาหารครบถ้วนอยู่แล้ว ไม่มีสารอาหารใดเน้นเป็นพิเศษที่ว่าช่วยบำรุงตับ

ดังนั้น จึงไม่ควรกินอะไรที่ทำให้ตับต้องทำงานมากขึ้น ทำงานหนักขึ้น เช่น แอลกอฮอล์ ยาหลายชนิดที่ไม่จำเป็นต่อร่างกาย ที่ทำให้ตับต้องทำงานมากขึ้นจะดีกว่า

การกินผักโดยรวมหลาย ๆ อย่าง ไม่กินซ้ำซากมากเกินไปก็น่าจะเกิดประโยชน์กับร่างกาย

ที่บอกว่าไม่กิน “ซ้ำซาก” เพราะถ้ากินจำเจอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน และผักเหล่านั้นมีสารเคมีตกค้าง (สารพิษฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี) ร่างกายจะได้มีเวลาในการกำจัดสารเคมีออกจากร่างกาย

ดังนั้น การกินผักหลากหลายครบถ้วนจะดีกว่า

“ไต” ไม่ดี ยังล้างไตได้

ช่วงไหนที่ “ปอด” ไม่ดีชั่วคราว อาจจะใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อซื้อเวลาได้

“ตับ” ยังไม่มีวิธีใดช่วยยืดเวลาได้ ไม่มีวิธีฟอกตับ หรือทำอย่างไรให้ตับดีขึ้นได้

เพราะฉะนั้น ถ้าเราสามารถทำให้ตับแข็งแรงอยู่ได้ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด

เกี่ยวกับเรื่องอาหาร ก็ไม่มีอะไรพิเศษที่จะทำให้ตับแข็งแรง มีเพียง “การกินครบถ้วน ครบหมู่” เท่านั้นเอง

ถ้า “ตับ” ยังแข็งแรงอยู่ ควรทำอย่างไร และทำอะไรได้บ้าง

1. ทำน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ (ไม่กินเพลินจนน้ำหนักเกินเกณฑ์) เพราะถ้าน้ำหนักเกินก็จะมีไขมันคั่งในตับ ซึ่งมีผลเสียกับร่างกายหลายอย่างมาก

2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอให้ร่างกายแข็งแรง เพราะเวลาออกกำลังกาย จะช่วยเผาผลาญไขมันที่คั่งอยู่ในตับได้

3. หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำร้ายตับทั้งหมด พวกเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีปัญหาเรื่องไวรัสตับอักเสบอยู่แล้ว การดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปเป็นการซ้ำเติมให้ตับแย่ลงไปอีก

4. กินยาบางชนิดที่ไปซื้อเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เพราะก็ไม่รู้ว่ายา และ/หรือ สมุนไพรที่กินเข้าไป มีประโยชน์หรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น วิตามินรวมบางชนิด มีวิตามินเอสูง ธาตุเหล็กมาก ถ้าร่างกายไม่ได้ขาดวิตามินเอ ไม่ได้ขาดธาตุเหล็ก แต่การได้รับอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ เป็นเวลานาน จะไปสะสะมที่ตับ และมีผลร้ายกับตับได้

5. ตรวจดูว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดไหนหรือไม่ ถ้ามีก็เข้ารับการรักษา อย่าปล่อยเรื้อรัง

📌 สรุป : ❌ ไม่จริง ไม่ควรแชร์ต่อ ❌  เพราะผักทั้ง 5 ชนิดที่แชร์กัน กินได้ ไม่มีผลเสียอะไร ถ้ากินทั้งหมดได้ก็ไม่ยืนยันว่า “ตับจะแข็งแรง”

สัมภาษณ์โดย พีรพล อนุตรโสตถิ์

เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ : ผัก 5 ชนิด ดีต่อตับ จริงหรือ ?

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]