ชัวร์ก่อนแชร์: ครูอังกฤษถูกห้ามสอนเพราะเรียก “เด็กชายข้ามเพศ” เป็นเด็กหญิง จริงหรือ?

27 มิถุนายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ทาง Facebook ในสหราชอาณาจักร โดยอ้างว่า โจชัว ซัทคลิฟฟ์ ครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ ถูกคณะกรรมการสอบสวนของกระทรวงศึกษาธิการอังกฤษ (Department for Education) สั่งให้ยุติอาชีพครู จากความผิดเพียงเพราะเรียกนักเรียนที่เป็นเด็กชายข้ามเพศ ด้วยคำสรรพนามที่ใช้สำหรับเด็กหญิง


บทสรุป :

  1. โจชัว ซัทคลิฟฟ์ ถูกไล่ออกจากโรงเรียนเพราะพฤติกรรม Misgendering นักเรียนบ่อยครั้ง
  2. โจชัว ซัทคลิฟฟ์ ถูกห้ามสอนในอังกฤษเพราะพฤติกรรมยัดเยียดแนวคิดเหยียดเพศแก่นักเรียนอย่างไม่เหมาะสม

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

จากการตรวจสอบโดย Reuters Fact Check พบว่า บทลงโทษดังกล่าว เป็นเพราะ โจชัว ซัทคลิฟฟ์ ฝ่าฝืนกฎระเบียบด้านการสอนของกระทรวงศึกษาธิการหลาย ๆ ข้อ ไม่ใช่การถูกตัดสินเพราะการใช้คำสรรพนามเรียกเด็กชายข้ามเพศอย่างไม่เหมาะสมเท่านั้น


ถูกไล่ออกครั้งแรก

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2017 ขณะนั้น โจชัว ซัทคลิฟฟ์ เป็นครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ให้กับเด็กอายุระหว่าง 11-18 ปีในโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองออกซ์ฟอร์ด ได้เอ่ยชมนักเรียนที่ระบุตัวตนว่าเป็นเด็กชายข้ามเพศ ด้วยคำสรรพนามที่ใช้สำหรับเด็กหญิงว่า “เก่งมากสาวน้อย” (Well done girls)

โจชัว ซัทคลิฟฟ์ ซึ่งเป็นทั้งครูคณิตศาสตร์และเป็นนักสอนศาสนา ยอมรับเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นเพียงการพลั้งปากพูดโดยไม่ยั้งคิด เพราะเขายึดหลักการสร้างความสมดุลระหว่างความเชื่อส่วนตัวและความรู้สึกของนักเรียน โดยเลี่ยงที่จะใช้คำสรรพนามเวลาเรียกนักเรียน ด้วยการเรียกชื่อจริงของนักเรียนโดยตรง แต่เขาก็ยอมรับว่า ความคิดเรื่องความหลากหลายทางเพศเป็นสิ่งที่ขัดต่อความเชื่อทางศาสนาของเขาอย่างมาก แม้จะรู้สึกเสียใจต่อนักเรียนคนดังกล่าว แต่เขาก็เชื่อว่าไม่ผิดอะไรที่จะเรียกเด็กที่เกิดมาเป็นผู้หญิง ด้วยคำที่ใช้สำหรับเด็กผู้หญิง

การสอบสวนเมื่อปี 2017 ระบุว่าพฤติกรรมของ โจชัว ซัทคลิฟฟ์ เข้าข่ายการ Misgendering หรือการใช้คำสรรพนามหรือคำบ่งชี้เพศไม่ตรงกับเพศสภาพ ซึ่งถือเป็นการฝ่าฝืนนโยบายด้านความเท่าเทียม

ถูกไล่ออกครั้งที่สอง

หลังถูกให้ออกจากโรงเรียนในเมืองออกซ์ฟอร์ดในปี 2017 โจชัว ซัทคลิฟฟ์ ก็ได้เข้ามาสอนในโรงเรียนเมืองอิสลิงตันของกรุงลอนดอนตั้งแต่ปี 2018 ก่อนจะต้องถูกให้ออกจากโรงเรียนอีกครั้งในปี 2020 จากข้อหาเผยแพร่ความเชื่อทางศาสนาอย่างไม่เหมาะสมในชั้นเรียน

เหตุการณ์ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในปี 2019 เมื่อ โจชัว ซัทคลิฟฟ์ ถูกกล่าวหาว่า ให้นักเรียนในชั้นดูวิดีโอที่มีเนื้อหาโจมตีการรักเพศเดียวกันและคนต่างศาสนา

การพิจารณาโทษ

ผลการสอบสวนโดยสำนักงานกำกับดูแลการเรียนการสอน Teaching Regulation Agency (TRA) ของกระทรวงศึกษาธิการอังกฤษ พบว่า โจชัว ซัทคลิฟฟ์ ใช้คำสรรพนามต่อนักเรียนที่เป็นเด็กชายข้ามเพศอย่างไม่เหมาะสมหลายครั้ง ทั้งต่อหน้า ตอนออกรายการโทรทัศน์ และการระบุในอีเมลที่ส่งไปให้โรงเรียน

รวมถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายกรณี ทั้งการแสดงความเห็นต่อต้านการสมรสของคนเพศเดียวในชั้นเรียนคณิตศาสตร์ เอ่ยถึงบุคคลที่ตัดสินใจเลิกเป็นคนรักเพศเดียวกันเพราะคิดว่าเป็นสิ่งไม่ถูกต้องตามหลักศาสนา และเปิดคลิปวิดีโอตั้งคำถามถึงความเป็นชายที่ลดลงในสังคมปัจจุบัน ทั้งหมดนี้ถือเป็นการชี้นำที่ไม่นำเสนอมุมมองอื่น ๆ เพื่อให้เกิดความสมดุลทางความคิด หรือเปิดโอกาสให้นักเรียนได้มีโอกาสแสดงความเห็นที่แตกต่าง

คณะกรรมการจึงลงความเห็นว่า โจชัว ซัทคลิฟฟ์ ล้มเหลวในการปฏิบัติต่อนักเรียนอย่างมีเกียรติ และล้มเหลวในการปกป้องสวัสดิภาพของนักเรียน และมีความผิดจากพฤติกรรมไม่เหมาะสมทางวิชาชีพที่ไม่อาจยอมรับได้ และพฤติกรรมที่สร้างความเสื่อมเสียต่อวิชาชีพ ส่งผลให้ โจชัว ซัทคลิฟฟ์ ถูกห้ามสอนในสหราชอาณาจักรตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา

ปัญหา Gender Dysphoria ในอังกฤษ

Gender Dysphoria คือการทุกข์ทรมานใจที่เกิดจากความไม่สอดคล้องระหว่างอัตลักษณ์ทางเพศและเพศกำเนิด

ประเทศอังกฤษมีศูนย์การแพทย์ Gender Identity Development Service (GIDS) เพื่อให้คำปรึกษาเด็กและเยาวชนที่มีปัญหาเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศหรือมีภาวะ Gender Dysphoria โดยเฉพาะ

ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา จำนวนเด็กและเยาวชนที่ใช้บริการ GIDS เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยช่วงปี 2016-2017 มีเยาวชนอังกฤษเข้ารับการปรึกษากว่า 2 พันราย โดยกว่า 1,400 คนที่มีเพศกำเนิดเป็นหญิง ส่วนเด็กที่อายุน้อยที่สุดที่เข้ารับการปรึกษามีอายุเพียง 3 ขวบเท่านั้น โดยส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องใช้ยาในการรักษา

ผู้เชี่ยวชาญมองว่า สาเหตุที่พบเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศเพิ่มขึ้น น่าจะมาจากการเปิดรับและยอมรับกลุ่มคนข้ามเพศและผู้มีความหลากหลายทางเพศในสังคมมากขึ้น

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.reuters.com/article/factcheck-teacher-misgender/fact-check-uk-teacher-who-misgendered-pupil-banned-for-numerous-reasons-idUSL1N37S2GC
https://www.bbc.com/news/uk-england-oxfordshire-41966554
https://www.bbc.com/news/uk-england-oxfordshire-53650010
https://www.bbc.com/news/uk-england-oxfordshire-65688163

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

“อนุทิน”​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรฯ

อุดรธานี ​15 มิ.ย.​- “อนุทิน”​ โหมโรง​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรธานี​ เปิดตัว​ “อดิศักดิ์​” ไทยสร้างไทย บอก​ “นู๋หนู​-​ดู๋ดี๋”​ ซี้กัน​ อวยเป็น สส.คุณภาพ​ ภูมิใจไทย​ ภูมิใจแทน​ รอบหน้าขอชาวอุดรฯ​ เลือกเป็น สส.ภท.​ โอดแทนชาวบ้าน​ ซัด​ห่วย 3 ปี งบโยธาแค่​ 700 ล้าน​ บอกถ้าเลือกภูมิใจไทยซัดไปแล้ว​ 3,000 ล้าน​ เหน็บ​ถนน 4 เลน ใครทำให้กุดอย่าไปเลือก นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ พร้อมด้วยนายอรรษิษฐ์​ สัมพันธรัตน์​ ปลัดกระทรวงมหาดไทย​ และผู้บริหารระดับสูง​ ลงพื้นที่เทศบาลตำบลจำปี​ อำเภอศรีธาตุ​ จังหวัดอุดรธานี​ เพื่อพบปะประชาชน ที่โรงเรียนศรีธาตุพิทยาคม​ โดยมี​นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี​ พรรคไทยสร้างไทย​ ให้การต้อนรับ โดยนายอนุทิน​ ได้รับฟังการรายงานความคืบหน้าการ​แก้ไขปัญหา​ในพื้นที่ ก่อนจะขึ้นเวทีพร้อมกับ […]

จับตาประชุม JBC วันที่ 2 หลังกัมพูชายื่นศาลโลก

กัมพูชา 15 มิ.ย.-ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา วันที่ 2 เริ่มขึ้นแล้ว ที่กรุงพนมเปญ หลังวานนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยมีการประชุมวงเล็กก่อน จากนั้นอาจมีการแถลงร่วมกัน ต้องจับตาว่าวันนี้จะได้ข้อยุติหรือไม่ รวมถึงท่าทีของแต่ละฝ่าย หลังกัมพูชายื่นศาลโลก.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ เปิดทำเนียบต้อนรับ “โอปอล สุชาตา” พรุ่งนี้

ทำเนียบ 15 มิ.ย.-รัฐบาลเตรียมเปิดตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบฯ ต้อนรับ “โอปอล สุชาตา” Miss World 2025 ร่วมโชว์พลังหญิง นำเสนอวัฒนธรรมที่สร้างสรรค์ให้กับประเทศไทยในทุกมิติ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน 2568) รัฐบาลเตรียมเปิดตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ให้การต้อนรับ “โอปอล” นางสาวสุชาตา ช่วงศรี Miss World คนแรกของประเทศไทย ที่เพิ่งคว้ามงกุฎระดับโลกในการประกวด Miss World ประจำปี 2025 ที่ประเทศอินเดีย มีกำหนดการเข้าพบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในเวลา 10.00 น. การพบปะกันในครั้งนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังของสตรีไทย ที่สามารถสร้างชื่อเสียงและแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นสิทธิสตรี การศึกษา และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของนโยบายรัฐบาลในปัจจุบัน การเข้าเยี่ยมคารวะของ Miss World 2025 ยังเป็นการส่งสารเชิงบวกต่อประชาคมโลกว่า ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านความเท่าเทียมทางเพศอีกด้วย […]