ชัวร์ก่อนแชร์: ครูอังกฤษถูกห้ามสอนเพราะเรียก “เด็กชายข้ามเพศ” เป็นเด็กหญิง จริงหรือ?

27 มิถุนายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ทาง Facebook ในสหราชอาณาจักร โดยอ้างว่า โจชัว ซัทคลิฟฟ์ ครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ ถูกคณะกรรมการสอบสวนของกระทรวงศึกษาธิการอังกฤษ (Department for Education) สั่งให้ยุติอาชีพครู จากความผิดเพียงเพราะเรียกนักเรียนที่เป็นเด็กชายข้ามเพศ ด้วยคำสรรพนามที่ใช้สำหรับเด็กหญิง


บทสรุป :

  1. โจชัว ซัทคลิฟฟ์ ถูกไล่ออกจากโรงเรียนเพราะพฤติกรรม Misgendering นักเรียนบ่อยครั้ง
  2. โจชัว ซัทคลิฟฟ์ ถูกห้ามสอนในอังกฤษเพราะพฤติกรรมยัดเยียดแนวคิดเหยียดเพศแก่นักเรียนอย่างไม่เหมาะสม

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

จากการตรวจสอบโดย Reuters Fact Check พบว่า บทลงโทษดังกล่าว เป็นเพราะ โจชัว ซัทคลิฟฟ์ ฝ่าฝืนกฎระเบียบด้านการสอนของกระทรวงศึกษาธิการหลาย ๆ ข้อ ไม่ใช่การถูกตัดสินเพราะการใช้คำสรรพนามเรียกเด็กชายข้ามเพศอย่างไม่เหมาะสมเท่านั้น


ถูกไล่ออกครั้งแรก

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2017 ขณะนั้น โจชัว ซัทคลิฟฟ์ เป็นครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ให้กับเด็กอายุระหว่าง 11-18 ปีในโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองออกซ์ฟอร์ด ได้เอ่ยชมนักเรียนที่ระบุตัวตนว่าเป็นเด็กชายข้ามเพศ ด้วยคำสรรพนามที่ใช้สำหรับเด็กหญิงว่า “เก่งมากสาวน้อย” (Well done girls)

โจชัว ซัทคลิฟฟ์ ซึ่งเป็นทั้งครูคณิตศาสตร์และเป็นนักสอนศาสนา ยอมรับเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นเพียงการพลั้งปากพูดโดยไม่ยั้งคิด เพราะเขายึดหลักการสร้างความสมดุลระหว่างความเชื่อส่วนตัวและความรู้สึกของนักเรียน โดยเลี่ยงที่จะใช้คำสรรพนามเวลาเรียกนักเรียน ด้วยการเรียกชื่อจริงของนักเรียนโดยตรง แต่เขาก็ยอมรับว่า ความคิดเรื่องความหลากหลายทางเพศเป็นสิ่งที่ขัดต่อความเชื่อทางศาสนาของเขาอย่างมาก แม้จะรู้สึกเสียใจต่อนักเรียนคนดังกล่าว แต่เขาก็เชื่อว่าไม่ผิดอะไรที่จะเรียกเด็กที่เกิดมาเป็นผู้หญิง ด้วยคำที่ใช้สำหรับเด็กผู้หญิง

การสอบสวนเมื่อปี 2017 ระบุว่าพฤติกรรมของ โจชัว ซัทคลิฟฟ์ เข้าข่ายการ Misgendering หรือการใช้คำสรรพนามหรือคำบ่งชี้เพศไม่ตรงกับเพศสภาพ ซึ่งถือเป็นการฝ่าฝืนนโยบายด้านความเท่าเทียม

ถูกไล่ออกครั้งที่สอง

หลังถูกให้ออกจากโรงเรียนในเมืองออกซ์ฟอร์ดในปี 2017 โจชัว ซัทคลิฟฟ์ ก็ได้เข้ามาสอนในโรงเรียนเมืองอิสลิงตันของกรุงลอนดอนตั้งแต่ปี 2018 ก่อนจะต้องถูกให้ออกจากโรงเรียนอีกครั้งในปี 2020 จากข้อหาเผยแพร่ความเชื่อทางศาสนาอย่างไม่เหมาะสมในชั้นเรียน

เหตุการณ์ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในปี 2019 เมื่อ โจชัว ซัทคลิฟฟ์ ถูกกล่าวหาว่า ให้นักเรียนในชั้นดูวิดีโอที่มีเนื้อหาโจมตีการรักเพศเดียวกันและคนต่างศาสนา

การพิจารณาโทษ

ผลการสอบสวนโดยสำนักงานกำกับดูแลการเรียนการสอน Teaching Regulation Agency (TRA) ของกระทรวงศึกษาธิการอังกฤษ พบว่า โจชัว ซัทคลิฟฟ์ ใช้คำสรรพนามต่อนักเรียนที่เป็นเด็กชายข้ามเพศอย่างไม่เหมาะสมหลายครั้ง ทั้งต่อหน้า ตอนออกรายการโทรทัศน์ และการระบุในอีเมลที่ส่งไปให้โรงเรียน

รวมถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายกรณี ทั้งการแสดงความเห็นต่อต้านการสมรสของคนเพศเดียวในชั้นเรียนคณิตศาสตร์ เอ่ยถึงบุคคลที่ตัดสินใจเลิกเป็นคนรักเพศเดียวกันเพราะคิดว่าเป็นสิ่งไม่ถูกต้องตามหลักศาสนา และเปิดคลิปวิดีโอตั้งคำถามถึงความเป็นชายที่ลดลงในสังคมปัจจุบัน ทั้งหมดนี้ถือเป็นการชี้นำที่ไม่นำเสนอมุมมองอื่น ๆ เพื่อให้เกิดความสมดุลทางความคิด หรือเปิดโอกาสให้นักเรียนได้มีโอกาสแสดงความเห็นที่แตกต่าง

คณะกรรมการจึงลงความเห็นว่า โจชัว ซัทคลิฟฟ์ ล้มเหลวในการปฏิบัติต่อนักเรียนอย่างมีเกียรติ และล้มเหลวในการปกป้องสวัสดิภาพของนักเรียน และมีความผิดจากพฤติกรรมไม่เหมาะสมทางวิชาชีพที่ไม่อาจยอมรับได้ และพฤติกรรมที่สร้างความเสื่อมเสียต่อวิชาชีพ ส่งผลให้ โจชัว ซัทคลิฟฟ์ ถูกห้ามสอนในสหราชอาณาจักรตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา

ปัญหา Gender Dysphoria ในอังกฤษ

Gender Dysphoria คือการทุกข์ทรมานใจที่เกิดจากความไม่สอดคล้องระหว่างอัตลักษณ์ทางเพศและเพศกำเนิด

ประเทศอังกฤษมีศูนย์การแพทย์ Gender Identity Development Service (GIDS) เพื่อให้คำปรึกษาเด็กและเยาวชนที่มีปัญหาเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศหรือมีภาวะ Gender Dysphoria โดยเฉพาะ

ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา จำนวนเด็กและเยาวชนที่ใช้บริการ GIDS เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยช่วงปี 2016-2017 มีเยาวชนอังกฤษเข้ารับการปรึกษากว่า 2 พันราย โดยกว่า 1,400 คนที่มีเพศกำเนิดเป็นหญิง ส่วนเด็กที่อายุน้อยที่สุดที่เข้ารับการปรึกษามีอายุเพียง 3 ขวบเท่านั้น โดยส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องใช้ยาในการรักษา

ผู้เชี่ยวชาญมองว่า สาเหตุที่พบเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศเพิ่มขึ้น น่าจะมาจากการเปิดรับและยอมรับกลุ่มคนข้ามเพศและผู้มีความหลากหลายทางเพศในสังคมมากขึ้น

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.reuters.com/article/factcheck-teacher-misgender/fact-check-uk-teacher-who-misgendered-pupil-banned-for-numerous-reasons-idUSL1N37S2GC
https://www.bbc.com/news/uk-england-oxfordshire-41966554
https://www.bbc.com/news/uk-england-oxfordshire-53650010
https://www.bbc.com/news/uk-england-oxfordshire-65688163

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

เร่งเคลียร์ซากสะพานลอยถล่ม ขวางถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว

จันทบุรี 23 ส.ค.- เร่งเคลียร์ซาก! เหตุสะพานลอยคอนกรีตที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง พังถล่มขวางถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ส่งผลเช้านี้การจราจรติดขัดสะสม คาดเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เมื่อเวลาประมาณ 22.20 น. ที่ผ่านมา พื้นที่ก่อสร้างสะพานลอยข้ามถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ระหว่างฝั่งขาเข้าเมือง บ้านมะทาย ต.ปัถวี ข้ามไปยังตลาดกลางเทศบาลตำบลมะขามเมืองใหม่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี กล้องวจรปิดร้านขายของชำบันทึกภาพวินาทีระทึก  ขณะคานสะพานพังถล่ม โดยยังมีคนงานเดินอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุหลายสิบคน โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จากการตรวจสอบความเสียหายในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบรถเทรลเลอร์ 1 คัน และรถเครนของบริษัทรับเหมาเอกชนอีก 1 คัน ถูกคานสะพาน คอนกรีตที่หนักรวมกว่า 116 ตัน ถล่มลงมาทับพังเสียหาย กีดขวางการจราจรทั้งขาเข้าและขาออก เบื้องต้นกรมทางหลวงซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้รับเหมา เร่งดำเนินการใช้แยกคอนกรีตตัดคานสะพานออก เพื่อง่ายต่อการเคลียร์เส้นทาง เนื่องจากเป็นถนนสายหลัก ส่วนมูลค่าความเสียหายคาดไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท สอบถามเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าสะพานลอยแห่งนี้ มีรูปแบบการก่อสร้างประกอบด้วย เสาเตาหม้อคอนกรีตเสริมเหล็กจำนวน 2 ต้น มีความกว้างของทางเดินบนสะพาน 2.4 เมตร พร้อมราวจับและหลังคายาวตลอดทางเดินราว 36 เมตร ซึ่งครอบคลุมบันไดทั้งขาขึ้นและลง […]

อัญเชิญ “พระบรมรูป ร.7” องค์ใหม่ ประดิษฐานอาคารรัฐสภา

รัฐสภา 23 ส.ค.- อัญเชิญ “พระบรมรูปรัชกาลที่ 7” องค์ใหม่ ประดิษฐานอาคารรัฐสภา ใหญ่กว่าพระองค์จริง 4 เท่า สูง 7.7 เมตร ด้าน “วันนอร์” คาดแล้วเสร็จ พ.ค.69 เตรียมหารือ สนว. จัดพระราชพิธีเปิดฯ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 นายศิโรจน์ แพทย์พันธุ์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พร้อมข้าราชการรัฐสภา ถวายราชสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าอยู่หัว องค์ใหม่ พระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ และเครื่องประกอบ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนขึ้นประดิษฐาน หน้าอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ นายวันมูหะมัดนอร์ ยังระบุว่า การก่อสร้างและอัญเชิญพระบรมรูป จะแล้วเสร็จในช่วงเดือนพฤษภาคม 2569 โดยจะมีการหารือกับสำนักพระราชวัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการจัดพระราชพิธีเปิดพระบรมรูปต่อไป ซึ่งวันนี้ต้องทำให้เกิดความสง่างาม รวมทั้งปรับภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบ พร้อมย้ำว่าการดำเนินการดังกล่าว มีการติดตามรับผิดชอบจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานกลาง […]

มท.2 พบทหารเขมรดักซุ่มเนิน 350 ก่อนเจอทุ่นระเบิด PMN-2

23 ส.ค.- กองทัพภาคที่ 2 อัปเดตสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบทหารเขมร BHQ ดักซุ่มเนิน 350 ตรวจการณ์ฝ่ายไทย ก่อนเจอทุ่นระเบิด PMN-2 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น. ทหารฝ่ายไทยได้ตรวจพบทหารฝ่ายกัมพูชา ประมาณ 2–3 นาย คาดว่าเป็นหน่วย BHQ เนื่องจากมีการสวมหมวกทรง FAST สีดำ และได้กระทำการดักซุ่มตรวจการณ์ฝ่ายไทย บริเวณทิศตะวันตก เนิน 350 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ห่างจากแนวเส้นปฏิบัติการเข้ามาฝั่งไทยประมาณ 100 เมตร ขณะเข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ หน่วยได้ตรวจพบ ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณจุดที่พบทหารกัมพูชาดักซุ่ม จำนวน 1 ทุ่น หน่วยจึงได้ใช้เครื่องตรวจทุ่น ตรวจสอบพื้นที่โดยละเอียด และได้ทำเครื่องหมาย เพื่อรอรับการสนับสนุนชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดดำเนินการต่อไป จากสถานการณ์ดังกล่าวยืนยันได้ว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงลักลอบใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่อธิปไตยของไทย ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาอย่างต่อเนื่อง ทหารฝ่ายไทยยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมปกป้องอธิปไตยของชาติ […]

ดีเปรสชันทะเลจีนใต้ทวีกำลังเป็น “พายุโซนร้อนคาจิกิ”

กรุงเทพฯ​ 23 ส.ค.​ – กรม​อุตุฯ ​เผยเช้า​นี้​ “ดีเปรสชัน” ทะเลจีนใต้ตอ​นบน ​ทวีกำลังเป็น “พายุโซนร้อนคาจิกิ” แล้ว​ คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน ช่วง 25–26 ส.ค.นี้ ส่งผลกระทบไทยตั้งแต่พรุ่งนี้ (24 ส.ค.) เป็นต้นไป นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน​ “คาจิกิ” มีแนวโน้มเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนประมาณ​วันที่​ 25​ -​26​ สิงหาคม​ ก่อนเข้าสู่สปปลาวและภาค​ตะวันออก​เฉียง​เหนือ​ของ​ไทย​ หลังจาก​ขึ้นฝั่ง​ที่​เวียดนาม​ คาดว่า​พายุ​โซน​ร้อน​จะอ่อนกำลัง​ลง​ โดยเมื่อเข้า​สู่ภาคตะวันออก​เฉียง​เหนือ​ของ​ไทย​จะเป็​นหย่อม​ความกดอากาศ​ต่ำ​ แต่ยังคงส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นหลายพื้นที่ โดยเส้นทางพายุใกล้เคียงกับพายุ “วิภา” ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จากอิทธิพลของพายุ “คาจิกิ” ร่วมกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรงขึ้น ประเทศไทยจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 24–27 สิงหาคม 2568 โดยจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ครอบคลุมหลายภาค ได้แก่​ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน​ ภาคเหนือ​ ภาคกลางภาคตะวันออก​ ภาคใต้ฝั่งตะวันตก รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทั้งนี้ คาดว่า​ […]