ชัวร์ก่อนแชร์: วัคซีน mRNA ทำให้คนตายด้วยโรคหัวใจเพิ่มขึ้น จริงหรือ?

19 มิถุนายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลเท็จแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในสหราชอาณาจักร เมื่อ ดร.อัสซีม มัลโฮตรา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ ได้ให้สัมภาษณ์ระหว่างถ่ายทอดสดรายการข่าวของสถานีข่าว BBC เมื่อวันที่ 13 มกราคมปี 2023 โดยอ้างว่า ควรระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA และควรสอบสวนความเหมาะสมของการใช้วัคซีน เพราะเชื่อว่าวัคซีนคือสาเหตุทำให้การเสียชีวิตส่วนเกินของชาวอังกฤษด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจสูงถึง 30,000 ราย จนคลิปการสัมภาษณ์ถูกแชร์ต่อทาง Twitter กว่า 33,000 ครั้ง พร้อมทำยอดวิวนับล้านครั้ง


บทสรุป :

  1. เป็นการอ้างข้อมูลจาก British Heart Foundation มานำเสนออย่างไม่ถูกต้อง
  2. ปัจจัยการเสียชีวิตจากโรคหัวใจเพิ่มขึ้นเพราะการระบาดของโควิด-19 ไม่ใช่วัคซีน

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

อย่างไรก็ดี คำกล่าวอ้างของ ดร.อัสซีม มัลโฮตรา เป็นการบิดเบือนข้อมูลการเสียชีวิตส่วนเกินด้วยโรคหัวใจของชาวอังกฤษอันมีสาเหตุจากการติดเชื้อโควิด-19 ไม่ใช่สาเหตุจากวัคซีนโควิด-19 ตามที่กล่าวอ้าง


ผลสำรวจก่อนการผลิตวัคซีน

ข้อมูลดังกล่าวนำมาจากผลสำรวจโดยมูลนิธิโรคหัวใจของอังกฤษ หรือ British Heart Foundation ที่ระบุว่าตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2020 ถึงสิงหาคมปี 2022 พบยอดการเสียชีวิตส่วนเกินด้วยโรคหัวใจขาดเลือด (Ischemic heart disease, IHD) ในประเทศอังกฤษถึง 30,000 ราย

อย่างไรก็ดี ผลสำรวจถูกรวบรวมตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2020 ซึ่งเริ่มขึ้นก่อนที่วัคซีนโควิด-19 จะผลิตออกมาใช้ ทำให้พบว่าจำนวนการเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดขึ้นก่อนการผลิตวัคซีนโควิด-19

นอกจากนี้ ยังพบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 21,000 ราย ระบุสาเหตุการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจว่ามาจากการติดเชื้อโควิด-19 อีกด้วย

ตายด้วยโรคหัวใจเพิ่มขึ้นเพราะโควิด-19

ข้อมูลจาก British Heart Foundation ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตส่วนเกินด้วยโรคหัวใจเพิ่มขึ้น มาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้จำนวนผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีแรกของการแพร่ระบาด

ส่วนในปีถัดมา สาเหตุการเสียชีวิตส่วนเกินมาจากข้อจำกัดด้านสาธารณสุขที่ไม่ทั่วถึง ในช่วงที่โรงพยาบาลต้องรับมือกับผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมาก และการตรวจคัดกรองโรคหัวใจที่หยุดชะงักในช่วงล็อกดาวน์ ส่งผลให้ยอดการเสียชีวิตส่วนเกินจากโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา

โฆษกของ British Heart Foundation ได้ปฏิเสธข้อกล่าวอ้างที่ระบุว่า วัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA คือสาเหตุการเสียชีวิตส่วนเกินด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ พร้อมย้ำว่าประโยชน์ของวัคซีนมีมากกว่าความเสี่ยงอย่างมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยชน์ต่อผู้สูงอายุ เนื่องจากอาการข้างเคียงจากวัคซีน เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบพบได้น้อยมาก

โฆษกของสถานีข่าว BBC ชี้แจงต่อ Reuters Fact Check ว่า ดร.อัสซีม มัลโฮตรา ได้รับเชิญมาออกรายการเพื่อแสดงความเห็นเกี่ยวกับการใช้ยา Statins ยาลดไขมันในกระแสเลือดแก่ผู้ป่วยและผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ ส่วนความเห็นที่ ดร.อัสซีม มัลโฮตรา พูดถึงวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA เป็นสิ่งที่อยู่นอกสคริปต์ของรายการ

ศาสตราจารย์ ปีเตอร์ โอเพนชอว์ แพทย์ด้านระบบทางเดินหายใจและนักภูมิคุ้มกันวิทยา ได้หักล้างความเห็นของ ดร.อัสซีม มัลโฮตรา โดยย้ำว่า การเสียชีวิตส่วนเกินจากโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจที่สูงขึ้น มาจากการขาดแคลนด้านสาธารณสุข ทั้งจำนวนบุคลากรทางการแพทย์และจำนวนเตียงผู้ป่วยที่ไม่เพียงพอในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงการระบาดของเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ยังเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดในสมองเพิ่มขึ้น

ไวรัสโควิด-19 เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ

นอกจากไม่มีหลักฐานว่าวัคซีนโควิด-19 คือสาเหตุให้ผู้คนป่วยเป็นโรคหัวใจมากขึ้นแล้ว การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังเพิ่มความเสี่ยงการป่วยเป็นโรคหัวใจอย่างชัดเจน

เป็นจริงที่ว่าวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA เพิ่มความเสี่ยงการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบในกลุ่มผู้รับวัคซีนเพศชายที่มีอายุน้อย แม้อาการส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองโดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา

ข้อมูลจากสำนักงานกำกับดูแลด้านการแพทย์และสาธารณสุขแห่งชาติสหราชอาณาจักร (MHRA) ระบุว่า จากการสำรวจจนถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน ปี 2022 พบผู้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ของบริษัท Pfizer/BioNTech แล้วเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจำนวน 851 ราย เกิดอาการเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจำนวน 579 ราย

ส่วนผู้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ของบริษัท Moderna เกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจำนวน 251 ราย เกิดอาการเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจำนวน 149 ราย

อย่างไรก็ดี ประโยชน์ของวัคซีนโควิด-19 ได้รับการยืนยันอย่างแพร่หลายว่า สามารถป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจประเมินได้ว่า หากปราศจากวัคซีน มีความเป็นไปได้สูงที่การเสียชีวิตส่วนเกินในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจจะสูงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งชาติสหราชอาณาจักร (UKHSA) ประเมินเอาไว้ในช่วงเดือนกันยายนปี 2021 ว่าการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ช่วยป้องกันการเสียชีวิตได้ถึง 127,500 ครั้ง และป้องกันการติดเชื้อได้ถึง 24,144,000 ครั้ง

งานวิจัยเมื่อปี 2022 ของศูนย์วิจัย UK Biobank ที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Heart พบว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการไม่รุนแรง มีความเสี่ยงเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้น 2 เท่า ส่วนผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลมีความเสี่ยงเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 8.8 เท่า ส่วนผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นครั้งที่ 2 จะมีความเสี่ยงเสียชีวิตถึง 14.6 เท่า โดยส่วนใหญ่จะเสียชีวิตภายใน 100 วันหลังจากติดเชื้อ

สอดคล้องกับงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร PLOS เมื่อปี 2022 ที่พบว่าผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรง จะมีโอกาสป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้น 5.8 เท่า รวมถึงการเสี่ยงที่จะป่วยด้วยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วเพิ่มขึ้น 6.4 เท่า ในช่วง 1 เดือนหลังการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งความเสี่ยงจะลดลงเหลือ 1.49 เท่าหลังติดเชื้อไปแล้ว 5-12 สัปดาห์

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.reuters.com/article/factcheck-vaccines-excessdeaths/fact-check-no-evidence-covid-19-mrna-vaccines-are-significant-contributing-factor-to-uks-30000-excess-cardiovascular-deaths-idUSL1N3490M3
https://fullfact.org/health/bbc-malhotra-vaccines-excess-deaths/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

ทหารชายแดนสระแก้วซ้อมรบพร้อมปกป้องอธิปไตยชาติ

สระแก้ว 12 มิ.ย. – ทหารชายแดนสระแก้วซ้อมรบด้วยกระสุนจริง พร้อมปกป้องอธิปไตยชาติ หากมีคำสั่งจากหน่วยเหนือ พร้อมปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที กองกำลังบูรพา พร้อมด้วยกองกำลังเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 12 (ฉก.ร.12) กองพันที่ 2 ได้ทำการจัดการฝึกยิงอาวุธประจำกายของกำลังพล ด้วยกระสุนจริง บริเวณพื้นที่เขาอีด่าง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อยกระดับความชำนาญในการใช้อาวุธประจำกายของแต่ละบุคคลตามตำแหน่งหน้าที่ พร้อมเสริมสร้างความมั่นใจในการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมในการปกป้องดินแดนอธิปไตยของชาติ และการรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน โดยเน้นการเพิ่มทักษะและความแม่นยำในการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ประจำอยู่กับแต่ละกำลังพล หากมีคำสั่งจากหน่วยเหนือก็พร้อมปฏิบัติหน้าที่ได้ในทันทีทุกเวลาเพื่อความสงบสุขของประชาชนคนไทย.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ เรียกถกด่วน หลังพบการรุกป่าพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

บ้านพิษณุโลก 12 มิ.ย.- นายกฯ เรียกปลัด ทส.-เสนาธิการทหารบก ประชุมด่วน หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ แม่ทัพภาค 2 รายงานพบการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน-อุทยานฯ เป็นปัญหาตรวจสอบพื้นที่ตามแนวชายแดน เร่งเพิ่มเส้นทางตรวจการณ์อำนวยความสะดวกเจ้าหน้าที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ภายหลังเรียกประชุมด่วนเมื่อช่วงเช้า กับนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก และหัวหน้าเขตอุทยาน 5 เขตแนวชายแดน ว่า เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) ที่ดิฉันและคณะได้ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ท่านแม่ทัพภาคที่2 ได้รายงานอีกเรื่องที่สำคัญค่ะ คือการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนและพื้นที่อุทยาน ซึ่งปัจจุบันมีปัญหาเรื่องการเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่เนื่องจากเป็นพื้นที่ตามแนวชายแดน และไม่มีเส้นทางทำให้การปฏิบัติงานเป็นได้ด้วยความยากลำบากและล่าช้า วันนี้ดิฉันจึงขอประชุมด่วน โดยมีท่านปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ หัวหน้าเขตอุทยานทั้ง 5 เขตแนวชายแดน และเสนาธิการทหารบกร่วมพูดคุยกัน แผนงานที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ การเพิ่มเส้นทางในการตรวจการณ์พื้นที่อุทยาน การป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า และการรักษาทรัพยากรธรรมชาติบริเวณชายแดนให้อยู่ในสภาพดี เพียงพอสำหรับการอำนวยความสะดวก และลดระยะเวลาเดินทางให้กับเจ้าหน้าที่ รวมถึงแผนเร่งพัฒนาระบบการสื่อสารและไฟฟ้าให้มีความเสถียร เพื่อให้การประสานงานกันระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ได้สะดวกยิ่งขึ้น การปฏิบัติงานตามแนวชายแดนมีหลายสิ่งที่ต้องเร่งจัดการ เพื่อเตรียมความพร้อม […]

หนุ่มออสเตรียชักเกร็งหมดสติ หามส่ง รพ. เจอยาบ้าเต็มท้อง

กทม. 12 มิ.ย. – หนุ่มออสเตรีย ปวดท้อง ถูกส่งตัวจากสนามบินดอนเมืองไปโรงพยาบาลรักษาตัว ขณะรักษาเจอยาบ้า 255 เม็ด หลุดออกมาจากลำไส้ คาดกลืนยาเสพติดเข้าไปแล้วถุงยาแตก ทำให้ปวดท้องหนัก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.00 น. ที่ผ่านมา ตำรวจหัวหมากได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านสวนหลวง ว่าได้รับตัวชายชาวต่างชาติมาจากสนามบินดอนเมือง เนื่องจากชายคนดังกล่าวมีอาการชักเกร็ง เมื่อถึงโรงพยาบาลประเมินอาการก่อนการรักษา แพทย์พบมีน้ำสีชมพูออกมาทางทวารของผู้ป่วย จึงทำการ CT SCAN พบวัตถุก้อนกลมๆ จำนวนหนึ่ง อยู่ภายในท้อง และวัตถุดังกล่าวจำนวน 1 ก้อน ได้หลุดออกมาจากทวาร มีลักษณะคล้ายห่อสิ่งเสพติด แพทย์จึงแจ้งตำรวจตรวจสอบ ผลปรากฏว่า ห่อดังกล่าวบรรจุยาบ้าชนิดกลม-แบน สีแดง มีตัวอักษร WY ปั๊มอยู่ เมื่อนับจำนวนพบมีทั้งหมด 255 เม็ด ไม่นับรวมที่เหลืออยู่ในท้องของผู้ป่วยซึ่งไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด ส่วนผู้ป่วย ตรวจสอบแล้ว ชื่อว่า นายกานท์เนอร์ อายุ 43 ปี สัญชาติออสเตรีย ขณะทำการตรวจยึดผู้ป่วยไม่ได้สติ รอการผ่าตัด ทำให้คาดว่าผู้ป่วยกลืนถุงยาบ้า […]