ชัวร์ก่อนแชร์: วัคซีน mRNA ทำให้คนตายด้วยโรคหัวใจเพิ่มขึ้น จริงหรือ?

19 มิถุนายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลเท็จแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในสหราชอาณาจักร เมื่อ ดร.อัสซีม มัลโฮตรา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ ได้ให้สัมภาษณ์ระหว่างถ่ายทอดสดรายการข่าวของสถานีข่าว BBC เมื่อวันที่ 13 มกราคมปี 2023 โดยอ้างว่า ควรระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA และควรสอบสวนความเหมาะสมของการใช้วัคซีน เพราะเชื่อว่าวัคซีนคือสาเหตุทำให้การเสียชีวิตส่วนเกินของชาวอังกฤษด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจสูงถึง 30,000 ราย จนคลิปการสัมภาษณ์ถูกแชร์ต่อทาง Twitter กว่า 33,000 ครั้ง พร้อมทำยอดวิวนับล้านครั้ง


บทสรุป :

  1. เป็นการอ้างข้อมูลจาก British Heart Foundation มานำเสนออย่างไม่ถูกต้อง
  2. ปัจจัยการเสียชีวิตจากโรคหัวใจเพิ่มขึ้นเพราะการระบาดของโควิด-19 ไม่ใช่วัคซีน

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

อย่างไรก็ดี คำกล่าวอ้างของ ดร.อัสซีม มัลโฮตรา เป็นการบิดเบือนข้อมูลการเสียชีวิตส่วนเกินด้วยโรคหัวใจของชาวอังกฤษอันมีสาเหตุจากการติดเชื้อโควิด-19 ไม่ใช่สาเหตุจากวัคซีนโควิด-19 ตามที่กล่าวอ้าง


ผลสำรวจก่อนการผลิตวัคซีน

ข้อมูลดังกล่าวนำมาจากผลสำรวจโดยมูลนิธิโรคหัวใจของอังกฤษ หรือ British Heart Foundation ที่ระบุว่าตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2020 ถึงสิงหาคมปี 2022 พบยอดการเสียชีวิตส่วนเกินด้วยโรคหัวใจขาดเลือด (Ischemic heart disease, IHD) ในประเทศอังกฤษถึง 30,000 ราย

อย่างไรก็ดี ผลสำรวจถูกรวบรวมตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2020 ซึ่งเริ่มขึ้นก่อนที่วัคซีนโควิด-19 จะผลิตออกมาใช้ ทำให้พบว่าจำนวนการเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดขึ้นก่อนการผลิตวัคซีนโควิด-19

นอกจากนี้ ยังพบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 21,000 ราย ระบุสาเหตุการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจว่ามาจากการติดเชื้อโควิด-19 อีกด้วย

ตายด้วยโรคหัวใจเพิ่มขึ้นเพราะโควิด-19

ข้อมูลจาก British Heart Foundation ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตส่วนเกินด้วยโรคหัวใจเพิ่มขึ้น มาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้จำนวนผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีแรกของการแพร่ระบาด

ส่วนในปีถัดมา สาเหตุการเสียชีวิตส่วนเกินมาจากข้อจำกัดด้านสาธารณสุขที่ไม่ทั่วถึง ในช่วงที่โรงพยาบาลต้องรับมือกับผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมาก และการตรวจคัดกรองโรคหัวใจที่หยุดชะงักในช่วงล็อกดาวน์ ส่งผลให้ยอดการเสียชีวิตส่วนเกินจากโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา

โฆษกของ British Heart Foundation ได้ปฏิเสธข้อกล่าวอ้างที่ระบุว่า วัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA คือสาเหตุการเสียชีวิตส่วนเกินด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ พร้อมย้ำว่าประโยชน์ของวัคซีนมีมากกว่าความเสี่ยงอย่างมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยชน์ต่อผู้สูงอายุ เนื่องจากอาการข้างเคียงจากวัคซีน เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบพบได้น้อยมาก

โฆษกของสถานีข่าว BBC ชี้แจงต่อ Reuters Fact Check ว่า ดร.อัสซีม มัลโฮตรา ได้รับเชิญมาออกรายการเพื่อแสดงความเห็นเกี่ยวกับการใช้ยา Statins ยาลดไขมันในกระแสเลือดแก่ผู้ป่วยและผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ ส่วนความเห็นที่ ดร.อัสซีม มัลโฮตรา พูดถึงวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA เป็นสิ่งที่อยู่นอกสคริปต์ของรายการ

ศาสตราจารย์ ปีเตอร์ โอเพนชอว์ แพทย์ด้านระบบทางเดินหายใจและนักภูมิคุ้มกันวิทยา ได้หักล้างความเห็นของ ดร.อัสซีม มัลโฮตรา โดยย้ำว่า การเสียชีวิตส่วนเกินจากโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจที่สูงขึ้น มาจากการขาดแคลนด้านสาธารณสุข ทั้งจำนวนบุคลากรทางการแพทย์และจำนวนเตียงผู้ป่วยที่ไม่เพียงพอในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงการระบาดของเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ยังเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดในสมองเพิ่มขึ้น

ไวรัสโควิด-19 เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ

นอกจากไม่มีหลักฐานว่าวัคซีนโควิด-19 คือสาเหตุให้ผู้คนป่วยเป็นโรคหัวใจมากขึ้นแล้ว การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังเพิ่มความเสี่ยงการป่วยเป็นโรคหัวใจอย่างชัดเจน

เป็นจริงที่ว่าวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA เพิ่มความเสี่ยงการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบในกลุ่มผู้รับวัคซีนเพศชายที่มีอายุน้อย แม้อาการส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองโดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา

ข้อมูลจากสำนักงานกำกับดูแลด้านการแพทย์และสาธารณสุขแห่งชาติสหราชอาณาจักร (MHRA) ระบุว่า จากการสำรวจจนถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน ปี 2022 พบผู้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ของบริษัท Pfizer/BioNTech แล้วเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจำนวน 851 ราย เกิดอาการเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจำนวน 579 ราย

ส่วนผู้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ของบริษัท Moderna เกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจำนวน 251 ราย เกิดอาการเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจำนวน 149 ราย

อย่างไรก็ดี ประโยชน์ของวัคซีนโควิด-19 ได้รับการยืนยันอย่างแพร่หลายว่า สามารถป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจประเมินได้ว่า หากปราศจากวัคซีน มีความเป็นไปได้สูงที่การเสียชีวิตส่วนเกินในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจจะสูงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งชาติสหราชอาณาจักร (UKHSA) ประเมินเอาไว้ในช่วงเดือนกันยายนปี 2021 ว่าการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ช่วยป้องกันการเสียชีวิตได้ถึง 127,500 ครั้ง และป้องกันการติดเชื้อได้ถึง 24,144,000 ครั้ง

งานวิจัยเมื่อปี 2022 ของศูนย์วิจัย UK Biobank ที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Heart พบว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการไม่รุนแรง มีความเสี่ยงเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้น 2 เท่า ส่วนผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลมีความเสี่ยงเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 8.8 เท่า ส่วนผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นครั้งที่ 2 จะมีความเสี่ยงเสียชีวิตถึง 14.6 เท่า โดยส่วนใหญ่จะเสียชีวิตภายใน 100 วันหลังจากติดเชื้อ

สอดคล้องกับงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร PLOS เมื่อปี 2022 ที่พบว่าผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรง จะมีโอกาสป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้น 5.8 เท่า รวมถึงการเสี่ยงที่จะป่วยด้วยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วเพิ่มขึ้น 6.4 เท่า ในช่วง 1 เดือนหลังการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งความเสี่ยงจะลดลงเหลือ 1.49 เท่าหลังติดเชื้อไปแล้ว 5-12 สัปดาห์

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.reuters.com/article/factcheck-vaccines-excessdeaths/fact-check-no-evidence-covid-19-mrna-vaccines-are-significant-contributing-factor-to-uks-30000-excess-cardiovascular-deaths-idUSL1N3490M3
https://fullfact.org/health/bbc-malhotra-vaccines-excess-deaths/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

Chaos and crowds at Poipet International Border Gate

สื่อกัมพูชาลงภาพคนแออัดที่ด่านปอยเปต

พนมเปญ 8 มิ.ย. – สื่อกัมพูชาเผยแพร่ภาพชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติแออัดที่จุดผ่านแดนถาวรปอยเปต ในเช้าวันนี้ เพื่อรอข้ามแดน หลังจากไทยประกาศมาตรการจำกัดการข้ามแดนระหว่าง 2 ประเทศ เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์เผยแพร่ภาพชุดจากเฟรชนิวส์ ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ของกัมพูชา เป็นภาพสถานการณ์ที่จุดผ่านแดนถาวรด้านปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชาที่ติดกับบ้านคลองลึก จังหวัดสระแก้วของไทย เจ้าหน้าที่กัมพูชารายงานว่า สถานการณ์ช่วงเช้าวันนี้มีคนหนาแน่นมาก หลังจากทางการปรับเวลาเปิดปิดประตูจุดผ่านแดน อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ชายแดนของทั้ง 2 ฝ่ายยังคงพูดคุยกันและอำนวยความสะดวกให้แก่การผ่านแดนระหว่างกัน แขมร์ไทมส์รายงานว่า ไทยตัดสินใจปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดประตูแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยได้ปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดจุดผ่านแดนถาวรที่เป็นด่านสากลทั้งหมดเป็น 08.00-16.00 น. และปิดประตูที่เป็นด่านทวิภาคี.-814.-สำนักข่าวไทย

Colombian Senator Miguel Uribe

ลอบยิงผู้สมัคร ปธน.โคลอมเบีย เป็นตายเท่ากัน

โบโกตา 8 มิ.ย. – หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบียถูกลอบยิงอย่างอุกอาจ ระหว่างปราศรัยหาเสียงต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากในกรุงโบโกตา ภรรยาระบุว่า ขณะนี้อาการเป็นตายเท่ากัน คลิปเหตุการณ์ที่มีผู้บันทึกไว้ได้ เผยให้เห็นวินาทีที่นายมิเกล อูริเบ สมาชิกวุฒิสภา วัย 39 ปี หนึ่งในผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบียปี 2569 ถูกมือปืนยิงหมายลอบสังหารขณะกำลังยืนปราศรัยหาเสียงต่อหน้าประชาชนจำนวนมากภายในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในกรุงโบโกตาเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ผู้คนในที่เกิดเหตุพากันกรีดร้องตกใจ จากนั้นมีเสียงปืนตามมาอีกหลายนัด คาดว่าเป็นการยิงปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอูริเบกับมือปืน มีรายงานผู้ถูกยิงบาดเจ็บเพิ่มอีก 1 คน ขณะที่นายอูริเบซึ่งถูกยิงเลือดอาบ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างเร่งด่วน พรรคศูนย์กลางประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่นายอูริเบสังกัดอยู่ออกแถลงการณ์ประณามและเปิดเผยเพียงสั้น ๆ ว่า คนร้ายยิงจากด้านหลัง ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างเจ้าหน้าที่แพทย์ว่า เขาถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 2 นัด และเข้าที่เข่า 1 นัด ภรรยาของเขาโพสต์ในเอ็กซ์ (X) ว่า สามีอาการเป็นตายเท่ากัน รัฐบาลโคลอมเบียแจ้งในเวลาต่อมาว่า ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัย 1 คน ซึ่งยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ในที่เกิดเหตุ และกำลังสอบสวนว่ามีผู้เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ โดยได้ตั้งเงินรางวัล 730,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 24 ล้านบาท) แก่ผู้แจ้งเบาะแส สื่อท้องถิ่นรายงานว่า […]

สนามบินพร้อมสกัดกลุ่มเทาต่างชาติบินเข้าไทย หลังคุมเข้มเข้า-ออกด่านบก

7 มิ.ย. – ตามที่รัฐบาลมีนโยบายควบคุมการเข้า-ออกด่านชายแดนทางบก และมีคำสั่งจากกองทัพบกให้อำนาจกองทัพภาคที่ 1 และ 2 พิจารณาคัดกรองการเข้าออกด่านชายแดนทางบก โดยเฉพาะ จ.จันทบุรี และสระแก้ว โดยมีผลตั้งแต่ 7 มิ.ย.2568 ในส่วนของการเข้าทางอากาศ โดยเฉพาะทางสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ซึ่งคาดว่าจะมีกลุ่มต่างชาติที่ใช้เส้นทางเข้าออกไทย-กัมพูชา หันมาเดินทางเข้าแทนช่องทางบกนั้น วันนี้ (7 มิ.ย.2568 ) พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 เปิดเผยว่า ตม.สนามบิน พร้อมขานรับนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร ที่มีจุดยืนด้านความมั่นคงชัดเจน โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ได้เคยกำชับการสกัดกั้นคนต่างชาติที่มีพฤติกรรมเข้าออกประเทศด้วยฟรีวีซ่าที่ผิดวัตถุประสงค์ และกลุ่มที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด โดยเฉพาะแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ และการพนันออนไลน์ ซึ่งอาจใช้ไทยเป็นแหล่งทำธุรกิจฟอกเงิน จากการทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน และการปิดด่านชายแดน อาจมีกลุ่มต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ใช้เส้นทางเข้าไทยทางเครื่องบินแทนการผ่านแดนทางบก ทาง บก.ตม.2 จึงมีการสั่งการกำชับให้ด่าน ตม.สนามบินในสังกัด โดยเฉพาะสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เพิ่มความเข้มในการเฝ้าสังเกตสกัดกั้นคนต่างชาติลักษณะเสี่ยงดังกล่าว โดยเน้นต่างชาติกลุ่มเฝ้าระวังสัญชาติเพื่อนบ้านที่มีลักษณะการใช้ฟรีวีซ่าเข้าออกผิดประเภท […]

ข่าวแนะนำ

“อ.เฉลิมชัย” เปิดใจเหตุลาออกจากศิลปินแห่งชาติ

9 มิ.ย. – “อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์” เปิดใจเหตุลาออกจากศิลปินแห่งชาติ ให้เหตุผลเป็นความตั้งใจว่าครบ 70 ปี จะลาออกทุกตำแหน่ง เพื่อเดินทางท่องเที่ยว แต่ยังพร้อมช่วยกระทรวงและวงการศิลปะ จากกรณี อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ จิตรกรรม ประกาศระหว่างบรรยายในงาน Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 สู่ Thailand Biennale, Phuket 2025 ที่ จ.ภูเก็ต ว่าได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติ เมื่อวันที่ 30 พฤษาคมที่ผ่านมา เพื่อใช้ชีวิตอย่างอิสระ เนื้อหาในจดหมายที่ถูกเผยแพร่ออกมาซึ่งเขียนด้วยลายมือของ อ.เฉลิมชัย ถึงกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ลงวันที่ 30 พฤษภาคม มีใจความสำคัญว่า “เหตุผลของการลาออก เนื่องด้วยข้าพเจ้ามีอายุมากแล้ว จึงได้ประกาศหยุดสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เพราะปรารถนาที่จะพักผ่อน ท่องเที่ยว หาความสุขในบั้นปลายของชีวิต ข้าพเจ้ารู้สึกส่วนตัวว่า เมื่อศิลปินแห่งชาติได้หยุดสร้างสรรค์ผลงานแล้วก็ไม่ควรที่จะมีตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้อีกต่อไป ข้าพเจ้าจึงขอให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมโปรดพิจารณาตัดชื่อข้าพเจ้าออกจากทำเนียบศิลปินแห่งชาติด้วย” ภายหลัง อ.เฉลิมชัย ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุของการลาออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติว่า […]

“อนุทิน” สั่งเร่งตรวจสอบหลุมหลบภัยแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

กทม. 9 มิ.ย. – “อนุทิน” สั่งการผู้ว่าฯ 7 จังหวัดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เร่งตรวจสอบจำนวนหลุมหลบภัยในพื้นที่ เพื่อเตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัยประชาชน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เพื่อตรวจติดตามความพร้อมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ติดต่อกับชายแดนประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา และได้รับทราบข้อมูลต่างๆในพื้นที่ ล่าสุด ได้มีข้อสั่งการให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และจังหวัดตราด เร่งดำเนินการตรวจสอบจำนวนหลุมหลบภัยในพื้นที่ทั้งหมด โดยสำรวจว่ามีหลุมหลบภัยที่สามารถใช้งานได้ในสภาพดีจำนวนกี่แห่ง จำนวนหลุมหลบภัยที่ชำรุดและต้องการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงซ่อมแซมกี่แห่ง รวมทั้งสำรวจความต้องการในการก่อสร้างหลุมหลบภัยในพื้นที่เพิ่มเติม พร้อมระบุสถานที่และประมาณการงบประมาณที่ต้องการขอรับการสนับสนุน รายงานมายังกระทรวงมหาดไทย ภายในวันที่ 10 มิ.ย. 2568 ทั้งนี้ เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไป .319.-สำนักข่าวไทย

ตั้งค่าหัว 1 แสน ไล่ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ

เชียงราย 9 มิ.ย. – ญาติสุดแค้น ตั้งค่าหัว 100,000 บาท ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหายังไร้ร่องรอย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 (ตชด.32) นำ “โทมี่” สุนัขตำรวจ K9 พันธุ์ลาบราดอร์ เข้าร่วมภารกิจติดตามจับกุมนายซ้งปอ อายุ 55 ปี คนร้ายก่อเหตุฆ่าโหดอดีตภรรยาและน้องชายอดีตภรรยาเสียชีวิต ในพื้นที่บ้านร่มฟ้าผาหม่น หมู่ 15 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 และ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีเข้าป่าดอยผาหม่น ซึ่งเป็นภูเขาสูงชันและเต็มไปด้วยถ้ำและซอกเขา ทำให้ภารกิจไล่ล่ายากลำบาก แม้ใช้โดรนตรวจจับความร้อนทั้งกลางวันและกลางคืนก็ยังไม่พบตัว นายสุรชัย ผู้ใหญ่บ้านร่มฟ้าผาหม่น เปิดเผยว่า นายซ้งปอเป็นคนพื้นที่และมีความชำนาญเส้นทางป่า เคยหลบซ่อนตัวในป่านานถึง 2 เดือน โดยไม่มีใครเจอ และเป็นบุคคลอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปค้นหา ก่อนหน้านี้นายซ้งปอเคยขู่ฆ่าผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่เคยมีส่วนไกล่เกลี่ยให้แยกทางกับภรรยา สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ขณะนี้เหลือประชาชนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเพียง 20-30% ส่วนที่เหลือพากันอพยพไปอยู่กับญาติในหมู่บ้านข้างเคียง เพื่อความปลอดภัย […]

The Ministry of National Defence claims Cambodia has not withdrawn troops from its sovereign territory

กห.กัมพูชายืนยันไม่ได้ถอนทหารจากดินแดนอธิปไตย

พนมเปญ 9 มิ.ย. – กระทรวงกลาโหมแห่งชาติ เน้นย้ำว่า กัมพูชาไม่ได้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพกัมพูชายึดครองมายาวนาน เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชา เผยแพร่แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชาวันนี้ มีเนื้อหาดังนี้ “ตามแถลงข่าวจากกระทรวงกลาโหมแห่งชาติในวันนี้ กระทรวงฯ ขอชี้แจงต่อสาธารณชนและสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวล่าสุดในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย ดังต่อไปนี้: 1.ไม่มีการถอนกำลังทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพกัมพูชาได้ประจำการมาเป็นเวลานาน 2.การดำเนินการทั้งหมดของกองทัพกัมพูชาประกอบด้วยการประจำการ การจัดวางกำลัง การปรับเปลี่ยน และการเคลื่อนย้าย อยู่ภายในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาและมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา 3.กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางออกอย่างสันติสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการรุกรานทุกรูปแบบ 4.กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะสนับสนุนกลไกการเจรจาเขตแดนกับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการเขตแดนร่วมหรือเจบีซี (JBC) เพื่อดำเนินการวัดแนวเขตแดนและจัดทำเส้นเขตแดนในส่วนที่เหลือระหว่างสองประเทศ รวมถึงจุดที่กัมพูชาจะยื่นต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือไอซีเจ (ICJ) กระทรวงกลาโหมแห่งชาติขอให้เพื่อนร่วมชาติและสื่อมวลชนใช้ข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น โดยเฉพาะแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากรัฐบาลกัมพูชาและกระทรวงกลาโหมแห่งชาติ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แท้จริง และเชื่อถือได้” .-814.-สำนักข่าวไทย