Plandemic 2 : ภาคต่อสารคดีปลอม กับข้ออ้าง “แผนแพร่ระบาดไวรัสมรณะ”

23 เมษายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ความอื้อฉาวของ Plandemic : The Hidden Agenda Behind Covid-19 ทำให้ มิกกี วิลลิส เดินหน้าผลิตผลงานภาคต่อในรูปแบบสารคดีขนาดยาวในชื่อ Plandemic : Indoctornation เพื่อเผยแพร่ในอีก 4 เดือนต่อมา

มิกกี วิลลิส อ้างว่าผลงานสารคดีความยาว 84 นาทีชิ้นนี้ เปรียบเสมือนผลงานฉบับเต็มของ Plandemic 1 เนื่องจากมีเนื้อหาที่เจาะลึกยิ่งกว่าเดิม จุดประสงค์เพื่อตอบโต้สื่อมวลชนและ Fact Checker ที่จับผิดผลงานก่อนหน้านี้ของเขา


แต่การที่ผู้สร้าง Plandemic 2 ประกาศวันเผยแพร่ผลงานอย่างชัดเจนในวันที่ 18 สิงหาคม 2020 ส่งผลให้สำนักข่าวและแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ มีเวลาวางแผนรับมือมากกว่า Plandemic 1 ทำให้ผลกระทบจากการเผยแพร่ Plandemic 2 น้อยกว่าสารคดีฉาวเรื่องก่อนอย่างมาก

แม้ผู้สร้างจะอ้างว่า Plandemic 2 ทำยอดผู้ชมในวันเปิดตัวถึง 1.2 ล้านครั้ง แต่การวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อพบว่า Plandemic 2 ล้มเหลวด้านการสร้างผลกระทบบนสื่อสังคมออนไลน์ เนื่องจากถูกจำกัดการนำเสนอเกือบทุกช่องทาง ทั้ง YouTube Twitter และ TikTok

Plandemic 2 ไปสร้างการตอบรับในแพลตฟอร์ม เช่น BitChute แพลตฟอร์มของกลุ่มทฤษฎีสมคบคิด โดยทำยอดวิวทาง BitChute ในช่วงเปิดตัวไปได้ 40,000 วิว


Plandemic : Indoctornation ยังได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่ลบยิ่งกว่าภาคก่อน โดยมองว่าวิธีการเล่าเรื่องของ Plandemic 2 ขาดความชัดเจน เต็มไปด้วยข้อกล่าวหาแต่ไม่อาจนำไปสู่ข้อสรุปใด ๆ ได้เลย

CDC ถือสิทธิบัตรไวรัสโคโรนาเพื่อวางแผนการแพร่ระบาด – ไม่จริง

เนื้อหาของ Plandemic : Indoctornation เต็มไปด้วยการกล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐาน อาทิ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) ได้จดสิทธิบัตรสารพันธุกรรมและวิธีการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา หลังการระบาดของโรคซาร์สในสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อปี 2003 เพื่อหวังควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในอนาคต

แม้ CDC จะได้ถือสิทธิบัตรสารพันธุกรรมและวิธีการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาในปี 2007 ตามที่กล่าวอ้าง แต่จุดประสงค์ของ CDC คือการรับประกันว่าข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาจะเป็นสาธารณสมบัติ และการวิจัยเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาจะไม่ตกเป็นลิขสิทธิ์ทางการค้าของหน่วยงานใด

โครงการวัคซีนโปลิโอของ บิลล์ เกตส์ ทำให้เด็กอินเดียเป็นอัมพาตนับแสน – ไม่จริง

มีการอ้างงานวิจัยที่พบว่า โครงการรณรงค์วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอของ บิลล์ เกตส์ ระหว่างปี 2000-2017 เป็นสาเหตุทำให้เด็กชาวอินเดียป่วยเป็นอัมพาตจากวัคซีนกว่า 490,000 ราย

ข้ออ้างดังกล่าว นำมาจากงานวิจัยปี 2018 ที่พบความสัมพันธ์ระหว่างโรคกล้ามเนื้ออัมพาตอ่อนปวกเปียกเฉียบพลัน (Acute Flaccid Paralysis : AFP) กับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอในประเทศอินเดียระหว่างปี 2000-2017

อย่างไรก็ดี งานวิจัยดังกล่าวถูกวิจารณ์เรื่องความบกพร่องในระเบียบวิธีวิจัย โดยเฉพาะการนำเสนออาการอัมพาตของเด็กอายุระหว่าง 5-15 ปี ทั้ง ๆ ที่โครงการวัคซีนโปลิโอเน้นให้วัคซีนแก่เด็กอายุน้อยกว่า 5 ขวบลงไป

นอกจากนี้ การติดเชื้อไวรัสโปลิโอยังเป็นสาเหตุสำคัญของการป่วยเป็นอัมพาตอีกด้วย

องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานถึงความเป็นไปได้ของการติดเชื้อโปลิโอจากการฉีดวัคซีน แต่โอกาสเกิดน้อยมากหรือมีเพียง 1 รายต่อวัคซีนโปลิโอ 2.7 ล้านโดสเท่านั้น โดยระหว่างปี 2000-2017 มีการพบผู้ป่วยโปลิโอจากการฉีดวัคซีนเพียง 17 รายเท่านั้น

โดยปี 2014 WHO ยังได้ยกย่องมูลนิธิ Gates Foundation ในฐานะที่มีส่วนสำคัญทำให้โรคโปลิโอถูกกำจัดให้หมดไปจากภูมิภาคเอเชียใต้ ยกเว้นแค่ปากีสถานและอัฟกานิสถานเท่านั้น

Event 201 คือการประชุมเพื่อวางแผนการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 – ไม่จริง

รวมถึงข้ออ้างที่ว่า มีการประชุมลับ ๆ โดยตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนชั้นนำของโลก เพื่อวางแผนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือที่รู้จักในชื่อ Event 201

แม้การประชุมที่เรียกว่า Event 201 จะมีอยู่จริง แต่การประชุมดังกล่าวไม่ใช่การวางแผนเพื่อการแพร่ระบาดไวรัสตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด

Event 201 คือโครงการวิจัยรูปแบบการจำลองสถานการณ์ฉุกเฉิน (Tabletop Exercise) จัดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2019 หรือเพียง 2 เดือนก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

งานดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน Johns Hopkins Center for Health Security (CHS) หน่วยงาน World Economic Forum และมูลนิธิ Bill & Melinda Gates Foundation เพื่อจำลองการรับมือภัยจากเชื้อโรค หากเกิดการแพร่ระบาดในอนาคต

เนื้อหาในงานประชุม Event 201 ได้จำลองสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่เริ่มแพร่ระบาดจากค้างคาวสู่สุกร และจากสุกรและสู่มนุษย์ เริ่มพบเชื้อจากฟาร์มสุกรในประเทศบราซิล ก่อนแพร่ระบาดไปยังหลายประเทศในลาตินอเมริกาและยุโรป การไม่มีวัคซีนป้องกันโรคในช่วงปีแรก ทำให้เชื้อแพร่กระจายไปทั่วโลก ตั้งแต่สหรัฐอเมริกาจนถึงสาธารณรัฐประชาชนจีน การระบาดจะดำเนินเป็นเวลา 18 เดือน คร่าชีวิตผู้คนไป 65 ล้านคน สั่นคลอนระบบเศรษฐกิจหลายประเทศ จนสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เมื่อผู้คนเริ่มยอมรับแนวทางการป้องกันการแพร่เชื้อ และเข้ารับการฉีดวัคซีนในอัตรา 80-90% ของจำนวนประชากร

แม้เนื้อหาของงาน Event 201 จะถูกกลุ่มเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดนำไปสร้างความเข้าใจผิดว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นสิ่งที่ถูกวางแผนเอาไว้ แต่จุดประสงค์ของ Event 201 คือการรวบรวมคำแนะนำและการศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ มาจำลองวิกฤตการณ์โรคระบาดที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เพื่อให้ทุกฝ่ายมีความพร้อมในการรับมือก่อนเหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริง

ก่อนหน้านี้ Johns Hopkins Center for Health Security เคยได้จัดโครงการวิจัยรูปแบบการจำลองสถานการณ์ฉุกเฉินมาแล้วหลายครั้ง ทั้ง Dark Winter ในปี 2001 Atlantic Storm ในปี 2005 และ Clade X ในปี 2018

World Economic Forum ย้ำว่าแต่ละปีจะมีการแพร่ระบาดของโรคติดต่อทั่วโลกกว่า 200 ชนิด การเตรียมพร้อมรับมือก่อนเหตุการณ์จริงจึงเป็นสิ่งจำเป็น

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.politifact.com/article/2020/aug/18/fact-checking-plandemic-2-video-recycles-inaccurat/
http://www.mythdetector.ge/en/myth/what-bible-believing-christians-prediction-about-future-pandemic-based
https://en.wikipedia.org/wiki/Plandemic

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ว่าฯ สงขลา จัดคิวนายอำเภอรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ทุกสัปดาห์

กทม. 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ทำหนังสือด่วน จัดคิวนายอำเภอ เวียนต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” สนามบินหาดใหญ่ ทุกสัปดาห์ นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ สข 0017.3/17839 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียน นายอำเภอเมืองสงขลา ด้วยจังหวัดสงขลาได้รับแจ้งว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดเดินทางมาราชการในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจราชการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล และมีกำหนดเดินทางกลับไปปฏิบัติราชการ ณ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3103 เวลา 08.25-09.50 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จังหวัดสงขลาจึงขอให้ท่านดำเนินการ ดังนี้ 1. เชิญนายอำเภอเมืองสงขลา ร่วมส่งนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องรับรอง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ […]

ดราม่า “ไข่เจียวปู 4,000” ถึงหูพาณิชย์

กรุงเทพฯ​ 18 ส.ค.​-“จตุพร” สั่งกรมการค้าภายในตรวจสอบประเด็น​ดราม่า​ “ไข่​เจียวปู” ร้าน​ Michelin Guide สูงถึง​จานละ 4,000 บาท​ จาก​ที่​แจ้งราคาในเมนู​ 1,500​ บาท ย้ำ​ไม่ตรงปกไม่ได้ กรณี “พีชชี่” ยูทูบเบอร์ชื่อดัง โพสต์เล่าประสบการณ์สั่งไข่เจียวปูร้านดังราคาเมนู 1,500 บาท แต่ถูกเก็บจริง 4,000 บาท กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ล่าสุด นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า จะมอบหมายให้กรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้​ยังไม่ได้รับรายละเอียด​ แต่โดยหลักการแล้ว ราคาที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคต้องตรงกับราคาที่ระบุในเมนู หาก “ไม่ตรงปก” จะบั่นทอนความเชื่อมั่นทางการค้า “การค้าขายจะยั่งยืนได้ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ หากผู้บริโภครู้สึกว่า​ ราคาไม่ตรงกับที่เห็นในเมนู ย่อมเสียความรู้สึก” นายจตุพรกล่าว เรื่องนี้เริ่มจาก “พีชชี่” โพสต์ผ่าน X เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ระบุว่าไปทานไข่เจียวปู ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับการบรรจุใน Michelin Guide โดยเมนูระบุราคา 1,500 […]

“บิ๊กต่าย” ถกบอร์ดกลั่นกรอง เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร.

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะประชุมกลั่นกรองแต่งตั้งนายพลสีกากี เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร. ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. หรือ “บอร์ดกลั่นกรอง” พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.สกพ. และเลขานุการ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ […]

เสียงเรียกแห่งความอร่อย…ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วโบราณเชียงใหม่

เชียงใหม่ 17 ส.ค. – โดดเด่นไม่เหมือนใคร “ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วสูตรโบราณ” ของอาแปะตี๋อ้วน ที่แต่งกายแบบล้านนาโบราณ เดินหาบขายตามตลาดและย่านชุมชนใน จ.เชียงใหม่ มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยใช้การตีกังสดาล หรือระฆังวงเดือน เรียกลูกค้า สะดุดตาผู้พบเห็น หลายคนติดใจในรสชาติและราคาที่ย่อมเยา จนมีลูกค้ามากมาย .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. แจงกระสุนฟอสฟอรัสขาว (WP) ไม่ใช่อาวุธเคมี

กองทัพบก 19 ส.ค.-ทบ. แจงกระสุนฟอสฟอรัสขาว (WP) ไม่ใช่อาวุธเคมี หลัง CMAC กัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนข้อเท็จจริง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีนายเฮง รัตนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAC) เผยแพร่ข้อมูลอ้างว่า ผู้เชี่ยวชาญของ CMAC ตรวจพบกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มิลลิเมตร บรรจุสารฟอสฟอรัสขาว (White Phosphorus – WP) ในพื้นที่จังหวัดอุดรมีชัย พร้อมทั้งกล่าวหาว่าเป็นผลจากการยิงของกองทัพไทยในช่วงความขัดแย้ง 5 วัน และเป็นกระสุนที่มีลักษณะเป็นอาวุธเพลิงและก่อควันพิษ โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ปราศจากหลักฐานสนับสนุน และไม่มีน้ำหนักทางกฎหมาย พร้อมชี้แจงว่า กระสุนฟอสฟอรัสขาว (WP) มีวัตถุประสงค์หลักในการใช้สร้างควัน แสงสว่าง ระเบิด และเพลิง ไม่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มอาวุธเคมีตามอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี (Chemical Weapons Convention – CWC) อีกทั้งไม่มีสนธิสัญญาระหว่างประเทศใดที่ห้ามการเก็บรักษาหรือการใช้งานกระสุนชนิดนี้ ประเทศไทยจึงสามารถเก็บรักษาและใช้ตามภารกิจทางทหารได้ภายใต้กรอบกฎหมายสากล ในส่วนของอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้อาวุธตามแบบบางชนิด (Convention […]

สตง. แจงหลังคว้าอันดับ 1 องค์กรอิสระโปร่งใสสูงสุด

19 ส.ค. – สตง. เคลื่อนไหว แจงหลังคว้าอันดับ 1 องค์กรอิสระโปร่งใสสูงสุด ปี 68 ระบุมีการเก็บข้อมูลอย่างรอบด้านและหลากหลายมิติ จากกรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คว้าอันดับ 1 องค์กรอิสระโปร่งใสปี 2568 ด้วยคะแนนสูงถึง 94.64 จากการประเมิน ITA หรือการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีหน่วยงานภาครัฐเข้าร่วมทั้งสิ้น 8,317 หน่วยงาน และมีผู้ตอบแบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมากกว่า 1.35 ล้านความคิดเห็น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ออกเอกสารเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เนื้อหาใจความระบุว่า การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ใช้ในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการทุจริต ด้วยวิธีการส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐมีการดำเนินงานป้องกันการทุจริต โดยเป็นการดำเนินงานคู่ขนานกันไปกับมิติด้านการปราบปรามการทุจริต และมิติด้านการเสริมสร้างทัศนคติ ค่านิยมในความชื่อสัตย์สุจริต เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการทุจริตในสังคมไทยเกิดผลสัมฤทธิ์ และเกิดความยั่งยืน โดยการประเมินเป็นเครื่องมือที่มีการเก็บข้อมูลอย่างรอบด้านและหลากหลายมิติ กำหนดระเบียบวิธีการประเมินผลที่เป็นไปตามหลักการทางสถิติ และทางวิชาการเพื่อให้ผลการประเมินสามารถสะท้อนสุขภาวะขององค์กรในด้านคุณธรรม และความโปร่งใสได้อย่างแท้จริง สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เข้าร่วมการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปี 2568 โดยในการประเมินนั้นมีการเก็บข้อมูล 3 ส่วน ดังนี้ ทั้งนี้ […]

“หลวงพ่ออลงกต” ยืนยันยังไม่ลาออกจากเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ

18 ส.ค. – ปมร้อน “หลวงพ่ออลงกต” ขอลาออกจากเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เปิดทางให้ตรวจสอบวัด ล่าสุด “หลวงพ่ออลงกต” ยืนยันยังไม่ลาออก ขอเวลาจัดการทุกเรื่อง คาด 1 เดือนชัดเจน วันนี้ (18 ส.ค.) มีกระแสข่าวว่า “พระราชวิสุทธิประชานาถ” หรือ “หลวงพ่ออลงกต” ประกาศลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อรับผิดชอบต่อสถานการณ์และเปิดทางให้กระบวนการตรวจสอบดำเนินไปอย่างโปร่งใส ขณะที่ นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยกับทีมข่าวสำนักข่าวไทยว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กำลังติดตามข่าวดังกล่าว แต่ยังไม่ได้รับหนังสือขอลาออกอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะเกิดความชัดเจนในวันพรุ่งนี้ (19 ส.ค.) ส่วนเหตุผลที่หลวงพ่ออลงกตลาออก คาดว่าเปิดทางให้กระบวนการตรวจสอบเดินหน้าได้ พศ.แจ้งวัดหักลดหย่อนเงินบริจาคต้องผ่านระบบ e-Donation ผอ.พศ. ยังกล่าวถึงกรณีอธิบดีกรมสรรพากรทำหนังสือแจ้งมายังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา แจ้งว่ากำหนดให้การบริจาคให้แก่วัด มูลนิธิ สมาคม กองทุน และองค์การต่างๆ ซึ่งผู้บริจาคได้รับสิทธิหักลดหย่อนเงินบริจาค ต้องใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากรเท่านั้น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 […]

“ภูมิธรรม” ​เผยเจรจาเขตแดนไม่จบง่าย ลั่นไม่เคยพูดยุบ ศบ.ทก.

ทำเนียบ 18 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ​เผยเจรจาเขตแดนไม่จบง่าย​ ต้องรอผลประชุม​ RBC​-GBC มอบตำรวจภูธร​ภาค​ 3 รับเรื่องร้องทุกข์​ประชาชน-​ราชการ​ ส่งอัยการสั่งฟ้องแพ่ง​-อาญา​ “กัมพูชา” ส่วนฟ้อง “ฮุนเซน​” หรือ​ “ฮุน​ มาเนต​” ให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย​ ไม่ตอบจัดการเครือข่ายนักการเมืองในไทย​ ชี้​หากทำก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเปิดเผย​ ลั่น​ไม่เคยพูดสักคำ​ ยุบ ศบ.ทก. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ว่า ขณะนี้สถานการณ์บริเวณชายแดนไทยกัมพูชายังต้องเฝ้าระวัง จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องการเจรจาเขตแดนทั้งหลายยังไม่จบง่ายๆ และยังรอการประชุม ตามกรอบต่างๆ ซึ่งการประชุม RBC จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 25-27 สิงหาคมนี้ ขณะที่วันที่ 8-10 กันยายนจะเป็นการประชุม GBC ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ได้สั่งการให้หน่วยราชการติดตามข่าวสาร และประสานงานกันอย่างมีเอกภาพ โดยเฉพาะในเรื่องข่าวสารที่สร้างความสับสนและความเข้าใจผิดให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมยอมรับว่าขณะนี้มีกระบวนการไอโอ จึงขอช่วยกัน อย่าตกเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ พร้อมย้ำว่ารัฐบาลยึดผลประโยชน์ประเทศชาติอธิปไตยของประเทศทรัพย์สินและชีวิตของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง จึงขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ขณะเดียวกันที่ประชุม สมช.ยังมีการพิจารณาเรื่องการดำเนินคดีตามกฎหมาย กรณีกัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ในการคุกคามอธิปไตยของไทย […]