ใช้พาราเซตามอลระหว่างตั้งครรภ์ ทารกเสี่ยงเป็นออทิสติกแค่ไหน ?

18 เมษายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ความสัมพันธ์ระหว่างการใช้พาราเซตามอลระหว่างตั้งครรภ์กับการป่วยเป็นโรคออทิสติกในทารก สร้างข้อถกเถียงในวงการแพทย์มานาน แม้หลายปีที่ผ่านมาจะมีงานวิจัยที่พบความเสี่ยงการใช้ยาพาราเซตามอลกับออทิสติก แต่งานวิจัยส่วนใหญ่กลับเต็มไปด้วยข้อจำกัดจนไม่อาจยืนยันผลได้อย่างชัดเจน

การใช้พาราเซตามอลระหว่างตั้งครรภ์ แม้จะมีความจำเป็น แต่ก็ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพื่อเลี่ยงผลเสียจากการใช้ยา


การศึกษาเชิงสังเกตการณ์

ปี 2018 วารสารการแพทย์ American Journal of Epidemiology ได้ตีพิมพ์ผลวิจัยที่พบว่า แม่ที่ใช้ยาพาราเซตามอลระหว่างตั้งครรภ์ มีความเสี่ยงคลอดบุตรป่วยเป็นโรคออทิสติกมากกว่าแม่ที่ไม่ใช้ยา 19% และเสี่ยงคลอดบุตรที่ป่วยเป็นโรคสมาธิสั้น (ADHD) มากกว่าแม่ที่ไม่ใช้ยา 34%

ส่วนปี 2021 วารสารการแพทย์ Nature Reviews Endocrinology ได้ตีพิมพ์ข้อเสนอแนะตามมติที่ประชุมโดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์และแพทย์ระดับนานาชาติ ที่ร่วมกันศึกษางานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ จนได้ข้อสรุปที่เชื่อว่า ยาพาราเซตามอลมีผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ โดยผลกระทบจะแปรผันตามปริมาณยาที่ได้รับ จึงต้องการให้บุคลากรทางการแพทย์เตือนถึงการใช้ยาพาราเซตามอลระหว่างตั้งครรภ์อย่างไม่ระมัดระวัง ทั้งการใช้ยาพาราเซตามอลโดยตรงหรือการใช้ยาที่มีส่วนประกอบของพาราเซตามอล


อย่างไรก็ดี งานวิจัยทั้งสองชิ้นสร้างเสียงโต้แย้งในแวดวงวิทยาศาสตร์ เนื่องจากเป็นงานวิจัยที่มีข้อจำกัดหลายประการ ส่งผลให้บทสรุปของงานวิจัยขาดความน่าเชื่อถือเพียงพอ

ประเด็นแรกคืองานวิจัยทั้งสองอยู่ในรูปแบบการศึกษาเชิงสังเกตการณ์ ซึ่งเป็นการศึกษาจากงานวิจัยในอดีต ไม่ใช่การวิจัยเชิงทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม ที่ผู้วิจัยต้องลงมือทดลองด้วยการแบ่งกลุ่มตัวอย่างและกลุ่มควบคุมอย่างเข้มงวด เพื่อให้ผลวิจัยชัดเจนและปราศจากความลำเอียงจากผู้วิจัย

ข้อจำกัดยังรวมถึงข้อมูลปริมาณการใช้ยา ที่ได้มาจากการสอบถามกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่อาจเชื่อถือได้ทั้งหมด เพราะไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าข้อมูลในรายงานตรงกับความเป็นจริงหรือไม่

นอกจากนี้ งานวิจัยที่ผ่านมายังถูกตั้งคำถามถึงอิทธิผลของตัวแปรกวน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการป่วยเป็นโรคออทิสติกมากกว่าการใช้ยาพาราเซตามอล เช่น ผู้ใช้พาราเซตามอลอาจป่วยด้วยโรคบางอย่างก่อนการใช้ยา ซึ่งการป่วยด้วยโรคเหล่านั้น อาจเป็นสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ทารกป่วยเป็นโรคออทิสติก

รวมถึงการไม่ตรวจสอบประวัติการป่วยเป็นโรคออทิสติกของผู้ปกครอง เนื่องจากโรคออทิสติกสามารถส่งผ่านทางพันธุกรรม หากพ่อหรือแม่มีประวัติป่วยเป็นโรคออทิสติก อาจจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ทารกป่วยเป็นโรคออทิสติกมากกว่าการใช้ยาก็เป็นได้

การตรวจปริมาณพาราเซตามอลในเลือดจากสายสะดือก่อนคลอด

ปี 2019 วารสารการแพทย์ JAMA Psychiatry ได้ตีพิมพ์งานวิจัยที่ศึกษาปริมาณยาพาราเซตามอลในเลือดจากสายสะดือของสตรีที่กำลังใกล้คลอด

จากการแบ่งกลุ่มพบว่า ทารกที่เกิดจากมารดาที่มีปริมาณพาราเซตามอลในเลือดจากสายสะดือสูงที่สุด มีความเสี่ยงป่วยเป็นโรคโรคสมาธิสั้น (ADHD) มากกว่าทารกที่เกิดจากมารดาที่มีปริมาณพาราเซตามอลในเลือดจากสายสะดือน้อยที่สุดที่ 2.86 เท่า และมีความเสี่ยงป่วยด้วยโรคออทิสติกมากกว่า 3.62 เท่า

อย่างไรก็ดี ข้อจำกัดของงานวิจัยชิ้นนี้คือการไม่มีกลุ่มควบคุม หรือกลุ่มตัวอย่างที่ไม่ใช้ยาพาราเซตามอลก่อนทำคลอด จึงไม่มีตัวเปรียบเทียบว่าความเสี่ยงของการไม่ใช้ยามีความแตกต่างกันเท่าใด

นอกจากนี้ ยังเป็นเรื่องปกติของการใช้ยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวดของแม่ใกล้คลอด ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบปริมาณยาพาราเซตามอลระดับสูงในเลือดจากสายสะดือ

ดังนั้น ปริมาณยาพาราเซตามอลในเลือดจากสายสะดือในช่วงใกล้คลอด จึงไม่สามารถบอกได้ว่า ในระหว่างตั้งครรภ์ตลอด 9 เดือน การมียาพาราเซตามอลในร่างกาย ส่งผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์มากน้อยเพียงใด

วงการวิทยาศาสตร์ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน

รายงานปี 2019 ขององค์การยาของสหภาพยุโรป (EMA) ระบุว่า ข้อมูลทางการแพทย์ในปัจจุบัน ไม่อาจสรุปได้ว่าการใช้ยาพาราเซตามอลระหว่างตั้งครรภ์ เพิ่มความเสี่ยงทำให้ทารกเป็นออทิสติกหรือไม่

รายงานปี 2021 ของสมาคมสูตินรีแพทย์สหรัฐอเมริกา (ACOG) ยืนยันว่า ไม่พบหลักฐานที่แน่ชัดถึงความสัมพันธ์ระหว่างการใช้ยาพาราเซตามอลอย่างเหมาะสม กับพัฒนาการของตัวอ่อนในทุกช่วงอายุครรภ์

ปี 2022 และ 2023 โฆษกขององค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ชี้แจงต่อ Lead Stories และ Factcheck.org ว่า ข้อมูลจากงานวิจัยเกี่ยวกับยาพาราเซตามอลและโรคออทิสติกในปัจจุบัน ยังไม่เพียงพอที่จะนำไปสู่ข้อสรุปใด ๆ ได้ จึงแนะนำให้สตรีมีครรภ์ใช้ยาแก้ปวดอย่างระมัดระวัง และปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยาทุกครั้ง

การพิจารณาในชั้นศาล

เมื่อเดือนธันวาคม 2023 มีการพิจารณาคดีฟ้องร้องค่าเสียหายต่อบรรดาร้านขายยาและบริษัทผู้ผลิตยา Tylenol โดยกลุ่มผู้ปกครองที่กล่าวหาว่า การใช้ยาพาราเซตามอลทำให้ลูกป่วยเป็นโรคออทิสติก

แม้ในระหว่างการสืบพยาน ฝ่ายโจทก์จะนำผู้เชี่ยวชาญมาสนับสนุนแนวคิดเรื่องการใช้ยาพาราเซตามอลกับผลต่อการเกิดโรคออทิสติก แต่ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ไม่ยอมรับความเห็นดังกล่าว เนื่องจากยังไม่มีบทสรุปที่แน่ชัดทางวิทยาศาสตร์ว่า ปริมาณยาพาราเซตามอลในมดลูก ส่งผลให้เกิดโรคออทิสติกหรือโรคสมาธิสั้นหรือไม่

ทางเลือกที่จำเป็น แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวัง

ซูรา อัลวาน นักระบาดวิทยาด้านการพิการแต่กำเนิด มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ย้ำว่า การใช้ยาแก้ปวดระหว่างตั้งครรภ์เป็นสิ่งจำเป็น เพราะการเป็นไข้ในช่วงเริ่มตั้งครรภ์ จะส่งผลต่อการม้วนและปิดของหลอดประสาท ทำให้พัฒนาการของสมองและไขสันหลังทารกผิดปกติ ดังนั้นการเลี่ยงการใช้ยาพาราเซตามอลระหว่างตั้งครรภ์ อาจส่งผลเสียทั้งต่อตัวแม่และเด็ก

สมาคมสูตินรีแพทย์สหรัฐอเมริกา (ACOG) ยังแนะนำว่า ยาพาราเซตามอลเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด สำหรับใช้ลดไข้และแก้ปวดระหว่างทั้งครรภ์ เพราะการใช้ยาแก้ปวดประเภท NSAIDs เช่น แอสไพริน หรือ ไอบูโพรเฟน ระหว่างตั้งครรภ์มีความเสี่ยง หากใช้ในช่วงท้องแก่ อาจก่อให้เกิดปัญหาภาวะน้ำคร่ำน้อยและหลอดเลือดปิดตัวก่อนกำหนดของทารกในครรภ์ และหากใช้ยาแก้ปวดที่สกัดจากฝิ่น จะส่งผลเสียต่อตัวแม่และทารก เช่น อาการถอนยาในทารกแรกเกิด

ACOG ย้ำว่าประโยชน์ของการใช้ยาพาราเซตามอลในสตรีมีครรภ์ยังมีมากกว่าความเสี่ยง แต่จำเป็นต้องใช้อย่างระมัดระวัง และควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาทุกครั้ง

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.factcheck.org/2023/02/limited-evidence-of-a-link-between-acetaminophen-and-autism-or-adhd/
https://healthfeedback.org/what-we-know-about-possible-link-between-acetaminophen-use-during-pregnancy-and-autism/
https://www.aol.com/lawsuits-claiming-tylenol-causes-autism-205738541.html

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชนรถบรรทุก

แพทย์หญิงดับสลด ขับชนท้ายรถบรรทุก

แพทย์หญิง ขับรถพุ่งชนท้ายรถบรรทุก 6 ล้อ เสียชีวิตคาที่ บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี มุ่งหน้าสะพานตากสิน ถนนกรุงธนบุรี ตรวจสอบในรถพบซองยาแก้หวัด-คัดจมูก

แสตมป์ถูกข่มขู่

โฆษก ทบ. พร้อมให้ความเป็นธรรม​​ “แสตมป์​-​ภรรยา​”

โฆษกกองทัพบก พร้อมให้ความเป็นธรรม​​ “แสตมป์​-​ภรรยา​” ถูกนายพลข่มขู่​ ขอข้อมูลเพิ่มตรวจสอบอยู่ในประจำการหรือไม่​ ลั่น​ หากยังรับราชการถือผู้วินัยร้ายแรง​แม้เป็นเรื่องส่วนตัว​

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ปลื้ม กทม.ติดอันดับเมืองที่ดีที่สุดในโลกปี 2025

นายกฯ ปลื้ม กทม.ติดอันดับเมืองที่ดีที่สุดในโลกของปี 2025 พร้อมพัฒนาจังหวัดอื่นๆ เพื่อดึงนักท่องเที่ยว ย้ำเที่ยวปลอดภัย-เดินทางสะดวก

ดอกนางพญาเสือโคร่งบานสะพรั่ง ที่ต้นน้ำหงาว-งาว

ดอกซากุระเมืองไทย หรือดอกนางพญาเสือโคร่ง นับหมื่นต้น บานสะพรั่งทั่วทั้งพื้นที่ หน่วยจัดการต้นน้ำหงาว-งาว อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย

อ่างทองฝุ่นพุ่ง อันดับ 6 ของประเทศ

ค่าฝุ่นพุ่ง! “อีสาน-กลาง-ตะวันออก” ส่วนใหญ่สูงเกินค่ามาตรฐาน เริ่มกระทบสุขภาพ ขณะที่อ่างทอง PM 2.5 พุ่งสูงอันดับ 6 ของประเทศ ชาวบ้านวอนหน่วยงานรัฐเอาจริง

“จูเนียร์” เหยื่อคดี “ติ๊ก ชีโร่” เมาแล้วขับ เสียชีวิตแล้ว พ่อวอนทบทวนการเยียวยา

“จูเนียร์” เหยื่อคดี “ติ๊ก ชีโร่” เมาแล้วขับ เสียชีวิตแล้ว หลังรักษาตัวนาน 3 เดือน พ่อรับศพบ่ายนี้ วอน “ติ๊ก ชีโร่” ทบทวนการเยียวยา เพราะนอกจากค่าจัดงานศพและค่ารักษาพยาบาลแล้ว ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาแม้แต่บาทเดียว