08 เมษายน 2566
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล
ข้อมูลที่ถูกแชร์ :
มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ทางเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าสหภาพยุโรปหรือ EU เตรียมออกระเบียบห้ามประชาชนซ่อมหรือครอบครองรถยนต์เก่าที่มีอายุมากกว่า 15 ปี ถือเป็นการลิดรอนสิทธิประชาชนเพื่อการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050
บทสรุป :
- เป็นระเบียบว่าด้วยยานยนต์ที่หมดอายุของ EU เพื่อบังคับการผลิตรถยนต์ให้เอื้อต่อการรีไซเคิลง่ายขึ้น ไม่มีผลต่อการใช้งานรถยนต์
- ยานยนต์ที่หมดอายุของ EU ไม่ได้ประเมินจากอายุรถยนต์ แต่ประเมินจากความคุ้มค่าของการซ่อมและการนำไปใช้
FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :
ข้ออ้างดังกล่าวนำมาจากการเสนอแนวทางปรับปรุงระเบียบว่าด้วยยานยนต์ที่หมดอายุ (End-of-Life Vehicles : ELV) ของสหภาพยุโรปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2023 จุดประสงค์เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนในอุตสาหกรรมยานยนต์ ผลักดันการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าสูงสุด และให้ความสำคัญต่อการปกป้องสิ่งแวดล้อม
แต่การอ้างว่า EU เตรียมจะสั่งห้ามการซ่อมหรือครอบครองรถยนต์ที่มีอายุใช้งานเกินกว่า 15 ปีไม่เป็นความจริง เนื่องจากรถยนต์ที่ถูกจัดให้เป็นยานยนต์ที่หมดอายุ (ELV) ไม่ได้วัดจากอายุการใช้งานตามที่กล่าวอ้าง และยังเป็นนโยบายเพื่อบังคับใช้สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจยานยนต์โดยเฉพาะ ไม่มีผลต่อการใช้งานของผู้ใช้รถยนต์แต่อย่างใด
สถานะยานยนต์ที่หมดอายุ
รถยนต์ที่เข้าข่าย ELV คือ รถยนต์ที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้ หมายถึงรถยนต์ที่มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูงกว่ามูลค่าของตัวรถ และไม่คุ้มค่าที่จะนำมาขับลงถนน (Roadworthiness)
ปัจจัยการพิจารณารถยนต์ที่เข้าข่าย ELV ไม่ได้วัดด้วยอายุของรถยนต์ เช่นเดียวกับ ประเภท ยี่ห้อ รุ่น แหล่งผลิต หรือ ผู้ครอบครองรถยนต์
สถานะของรถยนต์ ELV จะไม่นับรวมรถยนต์โบราณหรือรถยนต์สำหรับการสะสม
การยกเลิกขายรถยนต์น้ำมันในยุโรปในปี 2035
การตรวจสอบโดย Fact Checker พบว่า ที่มาของการอ้างว่า EU เตรียมสั่งห้ามการซ่อมหรือครอบครองรถยนต์อายุเกิน 15 ปี มาจากรายงานข่าวเรื่อง EU ban on the sale of new petrol and diesel cars from 2035 explained ที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ของรัฐสภายุโรป เพื่ออธิบายข้อสงสัยเกี่ยวกับนโยบายการห้ามขายรถยนต์น้ำมันเบนซินและดีเซลในทวีปยุโรปภายในปี 2035
ในข้อความระบุว่า เนื่องจากยุโรปจะเข้าสู่สังคมความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 จึงกำหนดการห้ามการขายรถยนต์สันดาปภายในประมาณปี 2035 เนื่องจากประเมินว่าอายุเฉลี่ยของการใช้งานรถยนต์หนึ่งคันคือ 15 ปี ดังนั้นเมื่อรถยนต์น้ำมันถูกจำหน่ายเป็นครั้งสุดท้ายในปี 2035 ในอีก 15 ปีต่อมา ก็จะไม่มีรถยนต์น้ำมันปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากท่อไอเสียบนถนนในยุโรปในปี 2050
แต่ข้อห้ามดังกล่าว ไม่ส่งผลต่อการห้ามครอบครองรถยนต์เก่าหรือห้ามการซื้อขายรถยนต์น้ำมันมือสองแต่อย่างใด
การปรับปรุงระเบียบว่าด้วยยานยนต์ที่หมดอายุของ EU
ระเบียบว่าด้วยยานยนต์ที่หมดอายุของยุโรป มีเพื่อส่งเสริมให้การผลิตรถยนต์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและง่ายต่อการนำไปรีไซเคิลมากขึ้น เช่น ปี 2003 มีการสั่งห้ามไม่ให้ชิ้นส่วนรถยนต์มีส่วนประกอบโลหะหนัก 4 ชนิด ได้แก่ ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม และ โครเมียมเฮซาวาเลนซ์ ส่วนปี 2015 ได้กำหนดให้รถยนต์ที่ขายในยุโรปต้องออกแบบให้สามารถนำกลับมา Recovery และ Recycle ได้ที่ 95% และ 85% ของน้ำหนักตัวรถ
โดยข้อเสนอแนวทางปรับปรุงระเบียบว่าด้วยยานยนต์ที่หมดอายุเมื่อปี 2023 มีทั้งการเสนอให้การออกแบบยานยนต์เอื้อต่อการนำชิ้นส่วนไปรีไซเคิลมากขึ้น และการรับประกันว่าพลาสติกจำนวน 25% ของตัวรถใหม่ต้องนำมาจากพลาสติกรีไซเคิล โดย 1 ใน 4 ของพลาสติกรีไซเคิลต้องนำมาจากรถยนต์ ELV อีกทอดหนึ่ง
ระเบียบว่าด้วยยานยนต์ที่หมดอายุ ยังช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการซื้อขายชิ้นส่วนรถยนต์ ทำให้การอะไหล่รถยนต์หาง่ายขึ้น และป้องกันการตกเป็นเหยื่อธุรกิจการลักลอบนำซากรถยนต์ ELV มาขายในฐานะรถยนต์มือสองอีกด้วย
ใช้รถยนต์คันเก่า ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากการผลิตรถยนต์คันใหม่
การช่วยให้ผู้ใช้สามารถหาอะไหล่รถยนต์ได้ง่ายขึ้น ยังมีส่วนสำคัญต่อการลดการปลดปล่อยปริมาณคาร์บอนในสิ่งแวดล้อมจากการผลิตรถยนต์ เพราะเมื่อรถยนต์มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น ความจำเป็นในการเปลี่ยนรถยนต์บ่อย ๆ ก็ลดลง ทำให้การผลิตรถยนต์ลดลงเช่นกัน
ข้อมูลจากสำนักงานสิ่งแวดล้อมของประเทศเยอรมนีประเมินว่า รถยนต์น้ำมันที่มีอายุการใช้งาน 168,000 กิโลเมตร มีสัดส่วนการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตรถยนต์คิดเป็น 15% ส่วนการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการขับคิดเป็น 64% ส่วนการผลิตเชื้อเพลิงอยู่ที่ 17% และการบำรุงรักษาและการทำลายซากรถประมาณ 4%
คณะกรรมาธิการยุโรปประเมินว่า หากการปรับปรุงระเบียบว่าด้วยยานยนต์ที่หมดอายุมีผลบังคับใช้ในอนาคต จะช่วยลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในปี 2035 ได้ถึง 12.3 ล้านตันต่อปี เทียบเท่าปริมาณการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการโดยสารเครื่องบินจากกรุงปารีสไปยังกรุงเฮลซิงกิถึง 24 ล้านเที่ยว
ข้อมูลอ้างอิง :
https://leadstories.com/hoax-alert/2024/03/fact-check-european-commission-did-not-propose-banning-repairs-on-cars-over-15-years-old.html
https://climatefeedback.org/claimreview/eu-not-passing-law-seize-scrap-cars-under-climate-agenda-contrary-peter-sweden-claim/
https://environment.ec.europa.eu/topics/waste-and-recycling/end-life-vehicles_en
https://environment.ec.europa.eu/topics/waste-and-recycling/end-life-vehicles/end-life-vehicles-regulation-details-proposal_en
https://www.europarl.europa.eu/topics/en/article/20221019STO44572/eu-ban-on-sale-of-new-petrol-and-diesel-cars-from-2035-explained
https://www.tisi.go.th/data/regulate/regulation/EU/EU_ELV.pdf
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter