ชัวร์ก่อนแชร์: EU ขู่ห้ามซ่อม-ครอบครองรถน้ำมันอายุเกิน 15 ปี จริงหรือ?

08 เมษายน 2566
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ทางเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ในต่างประเทศ โดยอ้างว่าสหภาพยุโรปหรือ EU เตรียมออกระเบียบห้ามประชาชนซ่อมหรือครอบครองรถยนต์เก่าที่มีอายุมากกว่า 15 ปี ถือเป็นการลิดรอนสิทธิประชาชนเพื่อการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050


บทสรุป :

  1. เป็นระเบียบว่าด้วยยานยนต์ที่หมดอายุของ EU เพื่อบังคับการผลิตรถยนต์ให้เอื้อต่อการรีไซเคิลง่ายขึ้น ไม่มีผลต่อการใช้งานรถยนต์
  2. ยานยนต์ที่หมดอายุของ EU ไม่ได้ประเมินจากอายุรถยนต์ แต่ประเมินจากความคุ้มค่าของการซ่อมและการนำไปใช้

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

ข้ออ้างดังกล่าวนำมาจากการเสนอแนวทางปรับปรุงระเบียบว่าด้วยยานยนต์ที่หมดอายุ (End-of-Life Vehicles : ELV) ของสหภาพยุโรปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2023 จุดประสงค์เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนในอุตสาหกรรมยานยนต์ ผลักดันการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าสูงสุด และให้ความสำคัญต่อการปกป้องสิ่งแวดล้อม


แต่การอ้างว่า EU เตรียมจะสั่งห้ามการซ่อมหรือครอบครองรถยนต์ที่มีอายุใช้งานเกินกว่า 15 ปีไม่เป็นความจริง เนื่องจากรถยนต์ที่ถูกจัดให้เป็นยานยนต์ที่หมดอายุ (ELV) ไม่ได้วัดจากอายุการใช้งานตามที่กล่าวอ้าง และยังเป็นนโยบายเพื่อบังคับใช้สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจยานยนต์โดยเฉพาะ ไม่มีผลต่อการใช้งานของผู้ใช้รถยนต์แต่อย่างใด

สถานะยานยนต์ที่หมดอายุ

รถยนต์ที่เข้าข่าย ELV คือ รถยนต์ที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้ หมายถึงรถยนต์ที่มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูงกว่ามูลค่าของตัวรถ และไม่คุ้มค่าที่จะนำมาขับลงถนน (Roadworthiness)

ปัจจัยการพิจารณารถยนต์ที่เข้าข่าย ELV ไม่ได้วัดด้วยอายุของรถยนต์ เช่นเดียวกับ ประเภท ยี่ห้อ รุ่น แหล่งผลิต หรือ ผู้ครอบครองรถยนต์

สถานะของรถยนต์ ELV จะไม่นับรวมรถยนต์โบราณหรือรถยนต์สำหรับการสะสม

การยกเลิกขายรถยนต์น้ำมันในยุโรปในปี 2035

การตรวจสอบโดย Fact Checker พบว่า ที่มาของการอ้างว่า EU เตรียมสั่งห้ามการซ่อมหรือครอบครองรถยนต์อายุเกิน 15 ปี มาจากรายงานข่าวเรื่อง EU ban on the sale of new petrol and diesel cars from 2035 explained ที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ของรัฐสภายุโรป เพื่ออธิบายข้อสงสัยเกี่ยวกับนโยบายการห้ามขายรถยนต์น้ำมันเบนซินและดีเซลในทวีปยุโรปภายในปี 2035

ในข้อความระบุว่า เนื่องจากยุโรปจะเข้าสู่สังคมความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 จึงกำหนดการห้ามการขายรถยนต์สันดาปภายในประมาณปี 2035 เนื่องจากประเมินว่าอายุเฉลี่ยของการใช้งานรถยนต์หนึ่งคันคือ 15 ปี ดังนั้นเมื่อรถยนต์น้ำมันถูกจำหน่ายเป็นครั้งสุดท้ายในปี 2035 ในอีก 15 ปีต่อมา ก็จะไม่มีรถยนต์น้ำมันปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากท่อไอเสียบนถนนในยุโรปในปี 2050

แต่ข้อห้ามดังกล่าว ไม่ส่งผลต่อการห้ามครอบครองรถยนต์เก่าหรือห้ามการซื้อขายรถยนต์น้ำมันมือสองแต่อย่างใด

การปรับปรุงระเบียบว่าด้วยยานยนต์ที่หมดอายุของ EU

ระเบียบว่าด้วยยานยนต์ที่หมดอายุของยุโรป มีเพื่อส่งเสริมให้การผลิตรถยนต์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและง่ายต่อการนำไปรีไซเคิลมากขึ้น เช่น ปี 2003 มีการสั่งห้ามไม่ให้ชิ้นส่วนรถยนต์มีส่วนประกอบโลหะหนัก 4 ชนิด ได้แก่ ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม และ โครเมียมเฮซาวาเลนซ์ ส่วนปี 2015 ได้กำหนดให้รถยนต์ที่ขายในยุโรปต้องออกแบบให้สามารถนำกลับมา Recovery และ Recycle ได้ที่ 95% และ 85% ของน้ำหนักตัวรถ

โดยข้อเสนอแนวทางปรับปรุงระเบียบว่าด้วยยานยนต์ที่หมดอายุเมื่อปี 2023 มีทั้งการเสนอให้การออกแบบยานยนต์เอื้อต่อการนำชิ้นส่วนไปรีไซเคิลมากขึ้น และการรับประกันว่าพลาสติกจำนวน 25% ของตัวรถใหม่ต้องนำมาจากพลาสติกรีไซเคิล โดย 1 ใน 4 ของพลาสติกรีไซเคิลต้องนำมาจากรถยนต์ ELV อีกทอดหนึ่ง

ระเบียบว่าด้วยยานยนต์ที่หมดอายุ ยังช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการซื้อขายชิ้นส่วนรถยนต์ ทำให้การอะไหล่รถยนต์หาง่ายขึ้น และป้องกันการตกเป็นเหยื่อธุรกิจการลักลอบนำซากรถยนต์ ELV มาขายในฐานะรถยนต์มือสองอีกด้วย

ใช้รถยนต์คันเก่า ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากการผลิตรถยนต์คันใหม่

การช่วยให้ผู้ใช้สามารถหาอะไหล่รถยนต์ได้ง่ายขึ้น ยังมีส่วนสำคัญต่อการลดการปลดปล่อยปริมาณคาร์บอนในสิ่งแวดล้อมจากการผลิตรถยนต์ เพราะเมื่อรถยนต์มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น ความจำเป็นในการเปลี่ยนรถยนต์บ่อย ๆ ก็ลดลง ทำให้การผลิตรถยนต์ลดลงเช่นกัน

ข้อมูลจากสำนักงานสิ่งแวดล้อมของประเทศเยอรมนีประเมินว่า รถยนต์น้ำมันที่มีอายุการใช้งาน 168,000 กิโลเมตร มีสัดส่วนการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตรถยนต์คิดเป็น 15% ส่วนการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการขับคิดเป็น 64% ส่วนการผลิตเชื้อเพลิงอยู่ที่ 17% และการบำรุงรักษาและการทำลายซากรถประมาณ 4%

คณะกรรมาธิการยุโรปประเมินว่า หากการปรับปรุงระเบียบว่าด้วยยานยนต์ที่หมดอายุมีผลบังคับใช้ในอนาคต จะช่วยลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในปี 2035 ได้ถึง 12.3 ล้านตันต่อปี เทียบเท่าปริมาณการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการโดยสารเครื่องบินจากกรุงปารีสไปยังกรุงเฮลซิงกิถึง 24 ล้านเที่ยว

ข้อมูลอ้างอิง :

https://leadstories.com/hoax-alert/2024/03/fact-check-european-commission-did-not-propose-banning-repairs-on-cars-over-15-years-old.html
https://climatefeedback.org/claimreview/eu-not-passing-law-seize-scrap-cars-under-climate-agenda-contrary-peter-sweden-claim/
https://environment.ec.europa.eu/topics/waste-and-recycling/end-life-vehicles_en
https://environment.ec.europa.eu/topics/waste-and-recycling/end-life-vehicles/end-life-vehicles-regulation-details-proposal_en
https://www.europarl.europa.eu/topics/en/article/20221019STO44572/eu-ban-on-sale-of-new-petrol-and-diesel-cars-from-2035-explained
https://www.tisi.go.th/data/regulate/regulation/EU/EU_ELV.pdf

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.ออกแถลงการณ์กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

30 ก.ค.- กองทัพบกออกแถลงการณ์ กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเป็นครั้งที่สอง บ่อนทำลายการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี ขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบ ย้ำจะดำเนินการอย่างเหมาะสม เด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยไทย ตามที่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการประกาศหยุดยิง เพื่อยุติการปะทะทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 นาฬิกา ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 นั้น กองทัพบกขอยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด โดยได้ระงับการใช้กำลังทุกรูปแบบ และลดกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งสันติภาพ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความร่วมมือที่สร้างสรรค์ระหว่างทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า ในวันที่ 29 – 30 กรกฎาคม 2568 กองทัพกัมพูชาได้กระทำการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ การกระทำของกองทัพกัมพูชาในครั้งนี้ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรง นับเป็นครั้งที่สองภายหลังจากที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ และสะท้อนถึงพฤติกรรมที่ไม่เคารพต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ ตลอดจนเป็นการบ่อนทำลายความพยายามในการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความไว้วางใจที่ควรมีระหว่างสองประเทศ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบของกองทัพกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอแจ้งให้ทราบว่า ฝ่ายไทยจะยังคงดำรงตนอยู่บนหลักแห่งความอดกลั้น สันติภาพ และมนุษยธรรมอย่างสูงสุด อย่างไรก็ดี หากมีการละเมิดต่อเนื่อง กองทัพบกจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมและจำเป็นอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยโดยไม่ละเว้น จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน -สำนักข่าวไทย

กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เปิดแนวปะทะพื้นที่ “อานม้า-ภูมะเขือ”

30 ก.ค. – กัมพูชากลับกลอก ละเมิดข้อตกลงอีก เปิดแนวปะทะ 2 พื้นที่ “อานม้า และภูมะเขือ” ขณะที่ ทบ.เผยทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็ก สลับระเบิดขว้าง เมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยก่อนอีกแล้ว ละเมิดข้อตกลงถึง 2 ครั้ง โดยเปิดแนวปะทะ 2 พื้นที่ที่ อานม้า และภูมะเขือ ทบ.เปิดเผยว่า ทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็กสลับระเบิดขว้าง โดยเมื่อเวลา 20.45 น. แหล่งข่าวฝ่ายมั่นคงรายงานว่า ช่องอานม้า มีเหตุปะทะ กัมพูชาเปิดฉากยิง หวังยึดพื้นที่ ฝ่ายไทยตอบโต้ ขณะที่ช่วงเวลา 22.19 น. พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบขั้นต้นเกิดเหตุปะทะที่ภูมะเขือ และช่องอานม้า โดยมีปืนเล็กกับระเบิดขว้างเข้ามาที่ฐานฝั่งไทย ประมาณ 30 นาที ขณะที่เพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์ไม่ต้องนอน ตามคาด! กัมพูชาละเมิดอีกแล้ว อานม้าปะทะภูมะเขือ […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสาน-กลาง-ตอ.ฝนตกหนัก กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 30 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วน กทม.-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบน มีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า […]

แนวป้องกันน้ำท่วมฝีมือทหารช่าง ลดความรุนแรงน้ำท่วม

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำจากลำน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สายที่เชียงรายลดลงแล้ว แต่ทิ้งเศษซากความเสียหายไว้จำนวนมากและทำให้ชาวแม่สายอย่างน้อย 500 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน แต่ยังถือว่าไม่หนักหนาสาหัสเหมือนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากแนวป้องกันน้ำท่วมยาวเกือบ 4 กิโลเมตร จากฝีมือของทหารช่าง.-สำนักข่าวไทย